เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Storiespondth
Why I Read
  • อัตราการบีบตัวของหัวใจโดยเฉลี่ยอยู่ที่เจ็ดสิบสองครั้งต่อหนึ่งนาที
    แต่ช่วงขณะที่ฉันได้สบตาเขา ฉันคิดว่ามันน่าจะพุ่งสูงถึงหนึ่งร้อยกว่า

    เขานั่งอยู่ตรงนั้น มุมข้างในสุดของคาเฟ่ ที่เดิมกับเมื่อวาน เมื่อวันก่อน และเมื่อสองวันก่อน
    เมนูที่สั่งก็เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ครัวซองต์แยมบลูเบอร์รี่สองชิ้นกับชาเอิร์ลเกรย์ร้อน

    โดยส่วนมาก ผู้คนที่แวะเวียนมามักจะเลือกนั่งที่โต๊ะริมหน้าต่างเนื่องจากที่ตั้งของคาเฟ่แห่งนี้อยู่ตรงข้ามกับสวนสาธารณะ เมื่อมองไปก็จะเห็นสีเขียวสบายตาของต้นไม้และพื้นหญ้า รวมถึงสีสันต่างๆของดอกพริมโรสที่เบ่งบานให้ความสดใส ในตอนแรกฉันสงสัยว่าเพราะอะไร เขาถึงเลือกนั่งตรงนั้นทั้งที่ที่นั่งริมหน้าต่างก็ยังว่าง แต่ไม่นานฉันก็ตระหนักได้ว่ามุมที่เขานั่งนั้นเป็นมุมที่เงียบที่สุดของคาเฟ่แห่งนี้

    ฉันมักจะมานั่งเล่นที่คาเฟ่แห่งนี้บ่อยๆหลังจากโรงเรียนเลิก เครื่องดื่มและขนมเบเกอรี่ของที่นี่ราคาไม่แพงมาก รวมถึงรสชาติก็อร่อยติดปาก ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ที่บ้านร้อนและน่าเบื่อเกินกว่าจะนอนแกร่วให้เหงื่อระเหิดออกจากร่างกาย ฉันจึงย้ายฐานทัพมานั่งที่นี่แทน เสียบหูฟังเชื่อมกับไอพอด เปิดเพลงในเพลย์ลิสต์ของตัวเองกลบเสียงดนตรีของร้าน สั่งขนมหวานหลากชนิด พายแอปเปิ้ล ชีสเค้ก ชูครีม คัสตาร์ด ฯลฯ เวียนไปในแต่ละวันแล้วลอบสังเกตพนักงานต้อนรับลูกค้าอย่างขยันขันแข็ง ฉันไม่เคยเบื่อกับการเฝ้ามองผู้คน การสำรวจลักษณะท่าทางหรือพฤติกรรมของคนรอบข้างเป็นงานอดิเรกของฉัน จริงๆนะ คุณสามารถเพลิดเพลินกับการมองดูพวกเขาได้เช่นเดียวกับเวลาคุณนอนมองท้องฟ้า จ้องแสงริบๆของดวงดาวนั่นล่ะ


    และในวันอังคารตอนบ่ายสองโมงสิบห้านาที เขาก็เปิดประตูเข้ามาในคาเฟ่แห่งนี้

    ผมสีน้ำตาลเหมือนเปลือกไม้กับดวงตาสีเขียวใส เขาสวมแว่นทรงกลมกรอบบาง เสื้อยืดสีกรมท่าและกางเกงยีนส์ฟอกยาวเหนือข้อเท้า สะพายเป้สีขาวตรงไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มและขนม
    ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน เลยเผลอจ้องเสียจนลืมว่าถือสตรอเบอร์รี่สมูธตี้ค้างไว้ในมือ กว่าจะรู้สึกตัว เขาก็พลิกร่างและเดินออกมาจากเคาน์เตอร์แล้ว ด้วยความตกใจ ความลนลาน ความเสียสติหรืออะไรก็แล้วแต่ ฉันรีบกระดกแก้วสมูธตี้ ดูดด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะดูดได้ ทำเหมือนว่าไม่ได้มองเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ทว่าอะไรบางอย่างก็ทำให้เราสบตากันในท้ายที่สุด

    ดวงตาสีเขียวของเขาเป็นประกาย ริมฝีปากคลี่ยิ้มขัน และพระเจ้าช่วย รอยยิ้มของเขาเหมือนจะฆ่าคนทั้งเมืองให้ตาย เขาใช้นี้วชี้ที่ริมฝีปากแล้วเพยิดมาทางฉัน ฉันไม่เข้าใจว่าเขาบอกอะไรแต่เมื่อฉันเอื้อมมือแตะริมฝีปากของตัวเองก็พบว่ามีวิปครีมสีขาวเลอะอยู่

    เขาหัวเราะแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะ ทิ้งฉันให้จมอยู่กับแผ่นดินไหวแปดริกเตอร์ในอก
    น่าอายชะมัด เขาต้องคิดว่าฉันเป็นซานตาคลอสหนวดขาวหลงฤดูแน่ๆ

    ฉันพยายามไม่หันไปมองที่ที่เขานั่งทั้งๆที่อยากลอบสำรวจเขาอีกครั้ง ดวงตาและรอยยิ้มของเขาเมื่อกี้มีอานุภาพรุนแรงเกินไป หากเขารู้ตัวและมองกลับมา ฉันคิดว่าคงต้องเรียกหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินมารับเอาตัวฉันไปเพราะรับมือไม่ไหว เป็นลมเสียก่อน

    หลังจากนั่งเกร็งจนเวลาผ่านไปกว่ายี่สิบนาทีอันเป็นการทิ้งห่างเวลาที่เหมาะสม (คิดว่านะ) ฉันก็รวบรวมความกล้าแล้วหันไปมองอีกครั้ง

    เขานั่งอยู่ที่มุมร้าน โต๊ะรอบข้างว่างเปล่าไม่มีใคร บนโต๊ะไม้ขนาดเล็กสำหรับลูกค้าสองคนนอกจากถ้วยชาและจานครัวซองก์นั้นเต็มไปด้วยกองหนังสือ พจนานุกรมฉบับพกพา สมุดและกระดาษ มีปากกาหมึกซึมสีดำหนึ่งด้ามวางข้างๆ
    จากภายนอกเขาน่าจะอายุมากกว่าฉันสักสี่ห้าปีได้ เดาว่าน่าจะเป็นนักศึกษาวรรณคดี ดูจากพจนานุกรมและหนังสือที่วางเป็นตั้งนั้นมีแต่วรรณกรรมคลาสสิค
    เอ็ดการ์ อัลลัน โพ
    เจมส์ จอยซ์จอร์จ ออร์เวล
    ฉันเหลือบอ่านชื่อนักเขียนจากสันหนังสือบางเล่มที่เขานำมาและท่องชื่อเหล่านั้นในใจจนจำได้แม่น จากนั้นจึงหันกลับมาและไม่มองไปยังเขาอีก พยายามทำจิตใจที่ปั่นป่วนเหมือนทอร์นาโดให้กลับมาสงบอีกครั้ง

    เย็นวันนั้น ฉันแวะร้านหนังสือระหว่างทางกลับบ้าน ซื้อหนังสือแอนิมอลฟาร์มของออร์เวล และรวมเรื่องสั้นของโพกลับมาด้วย เมื่อถึงบ้าน ฉันอาบน้ำชำระร่างกายด้วยน้ำเย็น เผลอใจลอยจนถูสบู่ซ้ำสองรอบ เมื่อเสร็จเรียบร้อยดีแล้วก็ปีนขึ้นเตียงเพื่อลงมืออ่านหนังสือที่ได้มา ฉันเริ่มที่รวมเรื่องสั้นก่อน เนื่องจากมันเป็นเรื่องสั้น ดังนั้นคงไม่ต้องใช้เวลาอ่านนานมาก ที่จริงแล้วฉันไม่ใช่คนชอบอ่านหนังสือเท่าไหร่นัก หากอ่านก็อ่านเพียงการ์ตูนหรือนิยายรักวัยรุ่นที่อ่านไม่ยากเท่าไหร่ วรรณกรรมคลาสสิคไม่เคยอยู่ในสายตาฉันมาก่อน แต่ในครั้งนี้ความอยากรู้ว่าหนังสือที่เขาอ่านนั้นเกี่ยวกับอะไรกลับชนะ ฉันเริ่มกลัวตัวเองนิดหน่อย ไม่แน่ใจว่าทำตัวเหมือนสตอล์กเกอร์ไปแล้วหรือเปล่า เพียงแต่อยากรู้จักเขาให้มากขึ้นอีกนิดเท่านั้น

    หลังจากอ่านเรื่องสั้นจบไปสองเรื่อง ฉันพบว่าภาษาที่โพใช้เขียนค่อนข้างอ่านยาก มีแต่ศัพท์ไม่คุ้นเต็มไปหมด เรื่องที่เขียนก็ดูสยองขวัญจนน่ากลัว ดวงตากวาดผ่านแต่ละย่อหน้าด้วยความระทึก ขนลุกจนต้องลูบแขนปลอบตัวเองไปด้วยขณะอ่าน ภาวนาในใจให้ไม่นอนฝันร้ายในคืนนี้ แต่เหมือนจะไม่สำเร็จ ฉันตื่นเช้าในวันถัดมาด้วยความชื้นแฉะจากเหงื่อที่ผุดทั่วตัว ฝันร้ายที่สุดในช่วงชีวิตสิบเจ็ดปี ฉันอยู่ในปราสาทโกธิคมืดทะมึน ดวงจันทร์กลายเป็นสีแดง ทุกคนในปราสาทโดนฆ่าจนหมด เลือดไหลนองเต็มพื้น ฉันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อมีปีศาจแมวดำกระโดดพุ่งออกมาตรงหน้า แล้วภาพก็ถูกตัดไป

    ฉันกลัวจนดิ้นตกลงมาจากเตียง
    สับสนว่าเขาคนนั้นอ่านอะไรแบบนี้จริงๆหรือ


    หลังจากวันนั้น ฉันพยายามเลือกนั่งในโต๊ะที่สามารถมองเห็นเขาได้โดยพยายามรักษาระยะไม่ให้ใกล้จนเกินไป ฉันไม่อยากทำลายพื้นที่ของเขา อยากให้เขาสามารถใช้เวลากับการอ่านหนังสือโดยไม่มีอะไรมารบกวน หากเขาเลือกนั่งในที่ที่สงบ เขาก็คงต้องการความเป็นส่วนตัว สำหรับฉัน เพียงแค่ได้แอบสังเกตใบหน้าเคร่งขรึมตอนกำลังใช้สมาธิก็เพียงพอแล้ว

    เขาไม่ได้โผล่มาที่คาเฟ่ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์และปรากฏตัวอีกครั้งในวันจันทร์ถัดมาพร้อมกับหนังสือชุดใหม่ ฉันจำชื่อหนังสือกับชื่อนักเขียนที่สามารถมองเห็นและอ่านออกได้จากมุมที่ฉันนั่ง จากนั้นเมื่อเวลาล่วงเลยถึงตอนเย็นก็ไปยังร้านหนังสือที่เคยแวะคราวก่อนหน้า ซื้อหนังสือเหล่านั้นมาอ่าน พยายามเลือกซื้อเล่มที่คิดว่าตัวเองน่าจะพออ่านได้จนจบ (หลังจากที่ตัดสินใจไม่แตะรวมเรื่องสั้นของโพอีก)

    ฉันไม่รู้ว่าเขาสังเกตเห็นฉันหรือเปล่าในคาเฟ่ เขาดูไม่ได้สนใจคนอื่นๆในร้านเท่าไหร่นัก
    และตั้งแต่ตอนที่เราสบตากันครั้งนั้น ก็ไม่เคยมีครั้งที่สองเกิดขึ้นอีก
    แต่ละวันดำเนินไปแค่ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะของฉัน ส่วนเขานั่งอยู่ที่โต๊ะของเขา ฉันเสียบหูฟัง ฟังเพลงที่ไม่ค่อยเข้าหูเท่าไหร่ มองลูกค้าคนอื่นๆในร้าน พนักงาน และนานๆครั้งหลังจากมีความกล้ามากพอก็จะหันไปที่มุมในสุดของร้าน มองได้ไม่นานก็จะรีบหันกลับมาด้วยกลัวว่าจะจ้องนานเกินไป และรอจนกว่าจะมีความกล้าขึ้นใหม่เพื่อหันไปดูอีกครั้ง

    เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งวันเสาร์วนกลับมาอีกรอบ เขาไม่ได้โผล่มาที่คาเฟ่ เช่นเดียวกับวันหยุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฉันเดินไปที่เคาน์เตอร์ ตั้งใจจะสั่งช็อกโกแลตฟัดจ์และโกโก้ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจสั่งครัวซองต์แยมบลูเบอร์รี่พร้อมกับชาเอิร์ลเกร์ยร้อนแทน รวมถึงอาศัยโอกาสนี้ เลือกนั่งที่มุมในสุดของร้าน ผ่านไปไม่นาน พนักงานก็นำเอาขนมและน้ำเดินมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ฉันได้แต่นั่งมองครัวซองต์ชิ้นนั้น ใช้ส้อมจิ้มไปมาจนแท่งโลหะเงินเลอะไปด้วยแยมสีม่วง ชาเอิร์ลเกรย์เริ่มเปลี่ยนจากร้อนเป็นอุ่น ควันสีขาวที่ลอยฟุ้งออกมาสลายหายไปกับอากาศ

    ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครหรือชื่ออะไร ฉันรู้แต่เครื่องดื่มกับขนมปังที่วางอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่เขาชอบกิน
    คิดแล้วก็หัวเราะขึ้นมา รู้สึกตัวเองเสียสตินิดหน่อย

    ตามอ่านหนังสือที่เขาอ่าน กินของที่รู้ว่าเขาชอบกิน เหมือนคนบ้าเลย

    ฉันว่าตัวเองในใจ ส่ายหน้าแล้วหั่นครัวซองต์เป็นชิ้นเล็กพอดีคำจิ้มเข้าปาก นั่งเก้าอี้สองขาโยกเข้าโยกออก คิดอะไรเรื่อยเปื่อยต่างๆนานา จินตนาการไปถึงว่าถ้าโลกนี้มีปุ่มเร่งเวลา ฉันจะไม่รอช้า กดมันเพื่อเร่งให้ถึงวันจันทร์เร็วๆ จะได้เห็นดวงตาสีเขียวคู่นั้น เห็นร่างที่หอบหนังสือมาเต็มกระเป๋า เปิดประตูร้าน เดินเข้ามาและนั่งลงที่ที่ฉันกำลังนั่งอยู่


    ทว่าไม่มีวี่แววของเขาในวันจันทร์ต่อมา รวมถึงวันอังคาร วันพุธ และวันพฤหัสบดีด้วยเช่นกัน
    ในตอนแรกฉันคิดในแง่ดีว่าเขาอาจจะมาในวันพรุ่งนี้ และคิดแบบนี้ในวันถัดมาเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ถอดใจ เขาไม่มาที่คาเฟ่แห่งนี้อีก และฉันไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหน อันที่จริงคือฉันไม่รู้ข้อมูลพื้นฐานอะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักอย่างเดียว

    ฉันมาที่นี่จนกระทั่งวันสุดท้ายของปิดเทอมฤดูร้อน รวมถึงแวะมาหลังจากเลิกเรียนในช่วงเปิดเทอม แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาอีก ไม่ว่าจะไปที่ไหน ทุกครั้งที่เห็นผู้ชายใส่แว่นผมสีน้ำตาลเปลือกไม้ทรงคลับคล้ายคลับคลากับเขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องดูเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเขาจริงๆหรือเปล่า แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ใช่เลยสักครั้ง และสุดท้ายฉันมักจะพบว่าตัวเองเดินตรงมาที่หมวดวรรณกรรมคลาสสิคตลอดที่เข้าร้านหนังสือ นิ้วลูบสันหนังสือบนชั้น เดินวนไปมา และสุดท้ายก็หยิบเล่มใดเล่มหนึ่งไปจ่ายเงิน เป็นแบบนี้บ่อยเสียจนห้องนอนถูกบรรจุด้วยหนังสือทั้งปกหนาและปกอ่อนเต็มไปหมด

    ยิ่งเวลาผ่านไป ฉันก็อ่านมากขึ้นเรื่อยๆ
    คาฟกาเฮสเสมาร์เกซเฮมมิงเวย์ออสเตนดิกเคนส์อีเลียต

    ฉันรู้ว่าเขาจะต้องอ่านงานของนักเขียนเหล่านี้ ฉันเชื่อแบบนั้น
    ดังนั้นฉันจึงอ่านเพื่อที่จะได้รู้สึกว่าอย่างน้อย ฉันกับเขายังมีอะไรเชื่อมถึงกันอยู่
    ตัวอักษรที่กลั่นกรองออกมา เรียงเป็นคำและประโยคบนกระดาษ ฉันซึมซับมันทีละน้อย
    ดีใจทุกครั้งที่อ่านมาจนถึงหน้าสุดท้าย เหมือนได้เขยิบเข้าใกล้เขาเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย

    จากที่อ่านเรื่องสั้นของโพและแอนิมอลฟาร์มค้างไว้ในทีแรก ฉันกลับไปย้อนอ่านจนจบ จากที่อ่านแต่การ์ตูนและนิยายรักวัยรุ่น ภายหลังฉันอ่านวรรณกรรมคลาสสิครวมถึงหนังสือในหมวดอื่นๆมากขึ้น การอ่านที่ดูจะไม่ใช่กิจกรรมน่าสนุกเลยสักนิด ในตอนนี้กลับกลายมาเป็นสิ่งที่ฉันทำทุกวัน ฉันค้นพบว่าจริงๆแล้วหนังสือเต็มไปด้วยเนื้อเรื่องน่าสนใจ ปรัชญา รวมถึงประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สังคมในด้านต่างๆมากมาย ฉันเปลี่ยนไปมากถึงขนาดเลือกสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสาขาวรรณคดี แม้แต่แม่ยังประหลาดใจว่าอะไรทำให้ฉันหันมาสนใจการอ่านมากขนาดนี้ ฉันได้แต่ยิ้มและไม่ตอบรับหรือพูดอะไร


    ถ้ามีโอกาสได้เจอกัน ฉันอยากลองคุยกับเขาดูสักครั้ง
    อยากถามว่าเขาชอบงานเขียนชิ้นไหนมากที่สุด นักเขียนคนไหนคือนักเขียนในดวงใจ
    รวมถึงบอกกับเขาว่า นอกจากครัวซองต์และชาเอิร์ลเกรย์ที่เขาชอบสั่ง
    มิลค์เชคกับเลม่อนทาร์ตในคาเฟ่แห่งนั้นก็อร่อยมากเหมือนกัน





    Cover from wikiart : Bouquet of Dahlias and White Book— by Henri Matisse
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
F'o Focus (@fb1053093085112)
เรื่องน่ารักมากเลยค่ะ น่าอ่านมากๆ