วงดนตรีที่ก้าวขึ้นไปสู่ระดับท็อปของโลกได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องแต่งเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด คำหยาบคาย ความรุนแรงและเซ็กซ์ปะปนอยู่เลย จริงๆชอบเพลง Yellow มาก แต่คิดว่าเพลง Fix You มีเนื้อหาอบอุ่นโรแมนติกมากกว่า เพราะพี่คริสเขาแต่งเพลงนี้ให้กำลังใจอดีตภรรยา 'กวินเน็ธ พัลโทรว์' ตอนที่คุณพ่อเสียชีวิต จากเพลงของคนสองคน กลายมาเป็นเพลงของคนทั้งโลก ท้อแท้เมื่อไหร่อย่าลืมว่าคุณยังมีเพลง Fix You เป็นเพื่อนเสมอ เป็นเพลงที่จริงใจที่สุดตั้งแต่เคยฟังมา ขนาดไม่ใช่พัลโทรว์ ฟังแล้วยังยอมแพ้ใจพี่คริส... "Lights will guide you home and ignite your bones and I will try to fix you"
2. The Chemistry Between Us - Suede
ชื่อของวงนี้อ่านว่า 'สเวด' เป็นวงอัลเทอร์เนทีฟร็อคแดนผู้ดี ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น The London Suede เพราะพอไปตีตลาดอเมริกาแล้วชื่อดันซ้ำกับวงบ้านเขา ก็เลยต้องเปลี่ยนไปโดยปริยาย วงนี้เคยดังๆสุดแถมยังเคยบินมาเปิดคอนเสิร์ตที่ไทยด้วย เพลงที่ชอบเว่อร์ของวงนี้ก็เพลงนี้แหละ พูดถึงเคมีที่เข้ากันได้ดีของคนสองคน นอกจากนี้ยังมีเพลงดังๆหวานสไตล์วัยรุ่นอังกฤษยุค 90s (ดู MV วงนี้ขอให้นึกถึงค่ายอาร์เอสบ้านเราสมัยก่อน) อย่าง Beautiful ones , Saturday Night และก็ It Starts And Ends With You
รู้จักเพลงนี้ครั้งแรกจากหนังเรื่อง A Hard Day's Night (1964) ที่เล่าเรื่องยุ่งๆในหนึ่งวันของสมาชิกวงสี่เต่าทอง พร้อมทั้งมีเพลงเพราะๆให้ฟังด้วย ซึ่งถือว่าหนังเรื่องนี้เป็นพ่อของสถาบันมิวสิกวิดิโอ พูดง่ายๆก็คือหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นต้นกำเนิดของ MV ครั้งแรกของโลกนั่นเอง สำหรับเพลง If I Fell มีเนื้อหาประมาณว่า If I fell in love with you. Would you promise to be true? ถ้าผมจะตกหลุมรักคุณ ช่วยสัญญาได้ไหมว่าจะรักจริง ไม่ทำให้เสียใจเหมือนอย่างที่ใครสักคนเคยทำไว้ เพราะถ้าคุณทำให้ผมเสียใจอีก ผมคงรับความเจ็บปวดไม่ไหวแน่ๆ
5. Talk Tonight - Oasis
ตัวพ่อร็อคแอนด์โรลของยุค 90s ที่แฟนๆอยากให้กลับมารียูเนียนมากที่สุด แม้ว่าสองพี่น้องกัลลาเกอร์จะประกาศแยกทางกัน แต่เพลงของ Oasis ยังคงถูกเปิดฟังทุกวันทั่วโลก และมีแฟนคลับเดนตายเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ถ้าถามว่าชอบเพลงไหนของวงนี้มากที่สุด คงตอบยากพอๆกับรักเลียมหรือโนลมากกว่ากัน แต่ถ้าถามว่าเพลงไหนที่ฟังแล้วรู้สึกได้ถึงความโรแมนติกของป๋าโนล ผู้เป็นมันสมองคนแต่งเพลงของวงแล้วล่ะก็ เรายกให้ Talk Tonight โดยเฉพาะท่อนแมนๆแต่แอบอ่อนไหวอย่าง I'll never say that I won't ever make you cry(ผมไม่สัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณต้องร้องไห้...) ชอบฟังเวอร์ชั่นอะคูสติกของป๋าโนลมาก โคตรๆของความอีโมชั่นนอล ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นโรแมนติกสุดๆ (ในกรณีนี้เราจะไม่นับเรื่องปากของเฮียแก 555)
6. A Waltz For A Night - Julie Delpy (Ost. Before Sunset)
ใครที่เป็นแฟนหนังของ Richard Linklater ต้องเคยดูหนังเรื่อง Before Sunset (2004) ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังไตรภาคที่แต่ละภาคถ่ายห่างกัน 9 ปี โดยใช้นักแสดงนำคนเดิม เรายกให้เป็นสุดยอดหนังโรแมนติกตลอดกาลในใจเลย ซึ่งในภาค Before Sunset จะมีฉากที่นางเอก 'เซลีน' ร้องเพลงที่แต่งเองให้ 'เจสซี่' ฟัง ชื่อเพลง 'A Waltz For A Night' มีเนื้อหารำพึงถึงค่ำคืนที่ได้เจอกันว่า ช่วงค่ำคืนนั้นคือทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่ฉันเฝ้าฝันมาตลอดทั้งชีวิต เพียงแต่ตอนนี้เธอจากไปไกลแล้ว
You were for me that night
Everything I always dreamt of in life
But now you're gone
You are far gone.
7. Wonderful Tonight - Eric Clapton
ถ้านอนไม่หลับแล้วให้เลือกฟังเสียงเกากีตาร์ของใครสักคน ก็ต้องเป็นของลุงคนนี้ล่ะ พูดถึงเพลงของตำนานสโลว์แฮนด์คนนี้เราชอบ Tears in Heaven มากกกก เศร้าโคตรๆ ฟังกี่ครั้งก็น้ำตาซึม เพราะลุงแกแต่งให้ลูกชายตัวน้อยที่เสียชีวิตไป แต่สำหรับเพลงโรแมนติกก็ต้อง Wonderful Tonight แน่นอน ว่ากันว่าเพลงนี้ลุงเอริกแต่งให้ Pattie Boyd ภรรยาคนแรกของลุง (ซึ่ง Pattie เนี่ยเป็นภรรยาเก่าของ George Harrison หนึ่งในสมาชิกวง The Beatles เพื่อนรักอีกคนของลุงนั่นเอง แถมยังลือกันอีกว่าลุงน่ะแอบชอบ Pattie ตั้งแต่สมัยที่เธอยังไม่หย่ากับ George Harrison) ฟังแล้วลอยชิบหายเลย ฟังแล้วรู้สึกว่าสวยมากๆ ไม่เอาอะไรอีกแล้วในโลกนี้ 555
8. Can't Help Falling In Love - Elvis Presley
ไหนๆก็มาโทนเพลงเก่าแล้ว ก็จัด 'เอลวิส เพรสลีย์' ไปเลย เพลงนี้แค่ชื่อเพลงก็หวานแล้ว ทำนองและเสียงดนตรีก็ยังชวนเคลิ้มอีกด้วย ฟังเพลินๆได้เลย แถมพอมาดูเนื้อเพลงก็โคตรโรแมนติกเลย เป็นเพลงรักแนววินเทจรุ่นเดอะจริงๆ แค่ขึ้นต้นก็ Wise men say only fools rush in, But I can't help falling in love with you (นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า มีแต่คนโง่เท่านั้นที่กระโจนเข้าใส่ความรัก แต่ผมหยุดรักเธอไม่ได้ ง่อวววว) นอกจากนี้ยังเป็นเพลงที่ปรากฎในหนังเรื่อง Blade Runner 2049 อีกด้วย
9. Enchanted - Taylor Swift
แม้คนทั่วโลกอาจจะรู้จักเทย์ในฐานะหญิงสาวที่เปลี่ยนแฟนบ่อยที่สุด มากกว่ารู้จักเพลงของเธอก็ตาม แต่เอาจริงๆ เราร้องเพลงนางได้แทบทุกเพลง (ทำไมย้อนแย้งจังวะ) แม้เนื้อหาเพลงส่วนใหญ่จะขึ้นชื่อเรื่องความลำไย เนื้อหาไม่พ้นเรื่องความรักวนลูป เอาสตอรี่ของแฟนเก่าทุกคนมาเขียนเพลงก็เถอะนะ แต่ถ้ามาไทยคือซื้อบัตรอีกแน่นอน 555 แม้ว่าอัลบั้ม 1989 จะเป็นอัลบั้มโปรดของเรา แต่เพลงในอัลบั้มเก่าๆของนางก็เด็ดใช่ย่อย เพลงที่หวาน ฟังแล้วเขินที่สุดขอยกให้ Enchanted เลย ฟังแล้วรู้สึกเหมือนนั่งคุยกับเพื่อนสนิทที่เพ้อฝันตอนดึกๆ ชอบท่อนจบของเพลงที่บ่งบอกได้ทันทีว่าเป็นเพลงนาง Please don’t be in love with someone else, Please don’t have somebody waiting on you. ว่ากันว่าเวลาที่ฟังเพลงของเทย์น่ะ มันจะทำให้คุณย้อนกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเสมอ
10. Chasing Cars - Snow Patrol
เป็นวงที่ร้องสดได้อีโมชั่นนอลมาก แถมนักร้องนำก็ดูเป็นผู้ชายไนซ์ๆ ถ่อมตัวๆ หนุ่มไอริชนะจ๊ะ (ไม่เกี่ยวกับเพลงเลย) เพลงนี้มันเศร้ามาก แต่กลับมีความโรแมนติกอยู่ในนั้นในบางท่อนบางตอน เหมือนกินไอติมชาเขียวแสนอร่อย แต่ก็สัมผัสรสขมของมันด้วยอะไรประมาณนั้น เป็นเพลงที่พูดถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เหมือนกับวิ่งตามรถยนต์ วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ทัน หรืออีกความหมายหนึ่งคือกระต่ายหมายจันทร์นั่นเอง แต่กลับมีท่อนที่เราชอบคือ I need your grace, to remind me, to find my own (แล้วฉันจะเก็บเอารอยยิ้ม และความทรงจำดีๆ ไว้เป็นพลังให้ได้ก้าวเดินต่อไป) เคยฟังเวอร์ชั่นโคฟเวอร์ที่คิดว่าเพราะที่สุดในชีวิต ก็คือของ Mike Massé ลองเสิร์ชหาดู เพราะมากจนเกือบลืมต้นฉบับ น้ำตาไหลพรากๆ (คลิกที่นี่)
11. Somewhere Only We Know - Keane
ยอมรับว่าฟังเพลงวง Keane อยู่แค่ 2 เพลงคือ Somewhere Only We Know และก็ Everybody's Changing แต่เป็นเพลงความหมายดีหมดเลย เพลงหลังอาจเศร้าหน่อย งั้นเลือกเพลงแรกละกัน ซึ่งทางวงไม่ได้ออกมาชี้ชัดว่า Somewhere ที่ว่าน่ะคือที่ไหน แต่ก็มีแฟนๆบอกว่าพูดถึงสถานที่ที่วงนี้เขาใช้ชีวิตอยู่สมัยเด็ก สำหรับเราเพลงนี้เป็นเพลงที่ชอบมาก บางทีคนเราก็อยากจะหลบไปที่ไหนสักที่ สถานที่เรารู้กันแค่นั้น ในอีกแง่หนึ่งเราว่าเพลงนี้เสมือนกับความรู้สึกที่ต้องการเริ่มต้นอะไรใหม่ I'm getting tired and I need somewhere to begin. (ฉันเริ่มที่จะหมดแรง และต้องการที่ที่จะได้เริ่มต้นใหม่สักที)
12. Lifehouse - Always Somewhere Close
วงดนตรีเก่าที่เรารัก ฟังเพลงวงนี้หลายเพลงมาก หลากหลายอารมณ์เลยทีเดียว แต่ก็เป็นสไตล์บอยแบนด์ยุค 90s สำหรับเพลงนี้ความหมายค่อนข้างดีทีเดียว อย่างแรกเลยคือชื่อเพลงเท่ว่ะ น่าจะเอาไปตั้งเป็นชื่อร้านเหล้าในเขตพระนคร เนื้อหาเพลงซึ้งๆ อบอุ่นโรแมนติก ให้อารมณ์พระเอกใจหล่อ นางเอกใจสวย เนื้อร้องท่อนที่ตรึงใจก็คือ It doesn’t matter where you go, You’re still a part of me. I don’t know much,But I know you are always somewhere. (ไม่สำคัญหรอกว่าเธอจะไปที่ไหน เธอยังคงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตฉัน ฉันไม่รู้อะไรมากหรอกนะ แต่ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนสักแห่งใกล้ๆกันนี้เสมอ) สรุปง่ายๆคือ ไม่ว่าจะอยู่ในระยะทางใกล้หรือไกล มันไม่สำคัญเท่ากับว่ายังอยู่ในใจรึเปล่าต่างหาก !
13. Don't Know Why - Hudson Taylor
เป็นเพลงที่ได้ฟังโดยบังเอิญใน Youtube แต่รักทำนองดนตรีอะคูสติกของเพลงนี้ไปเลย ฟังสบายๆเบาๆ ฟังแล้วหลับไปเลยก็ได้ ไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเพลงนี้มากนัก แต่ชอบเนื้อร้องท่อน So keep your dream, keep your pain, keep it under your conscience, stay in from the rain. ฟังแล้วรู้สึกอยากไปเที่ยวที่ไหนไกลๆสักที่
เพลงนี้เป็นเพลง Bonus Track ในอัลบั้มชุดที่ 3 Who Built The Moon ซึ่งเป็นอัลบั้มชุดใหม่ของ Noel Gallagher's High Flying Birds ในฐานะศิลปินเดี่ยว เพลงทั้งหมดในชุดนี้โนลได้สร้างผลงานแนวทดลองขึ้นมาใหม่ มันจะออกแนวไซเคเดลิกหน่อยๆ แต่เมื่ออัลบั้มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ปรากฏว่าเพลงที่ทำให้แฟนๆฮือฮาคือเพลงที่แถมมาอย่าง Dead In The Water ซึ่งโนลจับกีตาร์ขึ้นมาเล่นอะคูสติกเพลงนี้ในสตูดิโอที่ดับลิน แล้วดันเป็นเวอร์ชั่นที่อีโมชันนอลมาก
Dead In The Water เป็นสำนวนหมายถึง 'ความล้มเหลวไม่เป็นท่า' ในเนื้อเพลงพูดถึงความพยายามที่จะประคับประคองและหยัดยืนสู้เพื่อความรักอีกครั้ง นึกถึงวันที่เราทั้งคู่ไม่มีเงิน เจอแต่ปัญหา แต่ไม่ว่าเจอพายุคลื่นถาโถมยังไง ผมก็จะ Gotta get back to the promised land พาคุณกลับไปสู่ดินแดนแห่งสัญญาให้ได้ เจอคอมเม้นท์หนึ่งในยูทูปบอกว่า "And with this song, I felt connected to Noel's soul again." (และเพลงนี้ ก็ทำให้ผมรู้สึกเชื่อมต่อถึงจิตวิญญาณของโนลอีกครั้ง)
เพลงอื่นๆในลิสต์นี้ก็เป็นเพลงโปรดเราเยอะมากเหมือนกันค่ะ