เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My Jninezexsky
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน HIGANBANA 3
  • Warning : 18+




    "ผมพูดความจริงก็ยังไม่ยอมรับ.. คุณนี่มันยังไง"

     

     

    "...."

     

     

    "ในเมื่อคุณเป็นของผม ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์หวง"


               นาแจมินยังคงกวนประสาทต้นตระกูลตัวขาวอย่างไม่ยอมหยุด หลังจากที่พูดประโยคอันน่าขนลุกนั่นออกมา

    “อย่ามาจับตัวฉัน” คนตัวขาวยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ เมื่อมือใหญ่ที่เคยรวบเอวตัวเองเข้าไปชิดกับร่างกายออกแรงกอดรัดเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าคมขยับเข้ามาใกล้เจ้าของผิวขาวซีด ก่อนจะกดจูบซับตามใบหน้าของอีกคนอย่างเอาแต่ใจ


    “ผมไม่ได้จับสักหน่อย แค่อยากจูบคุณไปทั้งตัวเท่านั้นเอง”


    แจมินไม่พูดเพียงอย่างเดียว ริมฝีปากร้อนบดจูบไปตามแก้มขาวของอีกคนหนัก ๆ ลมหายใจร้อนซึ่งรินรดบนใบหน้าขาว รวมไปถึงร่างกายแข็งแรงบดเบียดเข้าหาร่างกายของอีกคนจนไม่เหลือช่องว่าง พานทำให้เจโน่หน้าเห่อร้อนไปเสียหมด ริมฝีปากสีเข้มบดจูบหนัก ๆ ตามนิสัยของคนอารมณ์ร้อน ยิ่งคนในอ้อมกอดยิ่งต่อต้านแจมินก็ยิ่งแรงใส่เท่านั้น 


    เจ้าของริมฝีปากบางที่ได้กลิ่นคาวของเลือดคละคลุ้งทั่วริมฝีปากไปหมด เมื่อแจมินขบกัดเข้าที่กลีบปากของอีกคนอย่างเอาแต่ใจ ยามที่ต้นตระกูลตัวขาวไม่ยอมเปิดริมฝีปากให้ได้เข้าไปสัมผัส มือหยาบดึงทึ้งเสื้อผ้าของคนตัวขาว จนมันบาดเข้ากับผิวกายขาวซีด


    เมื่อฝ่ามือสากสัมผัสเข้ากับร่างกายของเจโน่ กลิ่นหอม ๆ จากร่างกายอีกคนก็ยิ่งลอยฟุ้งขึ้นมาเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ฮันเตอร์หนุ่มยิ่งอยากจะเอาชนะคนอวดดีตรงหน้า


    เสียงร้องประท้วงที่หลุดออกมาอย่างหยาบคาย ไม่ได้ทำให้แจมินสนใจเลยสักนิด ยิ่งต้นตระกูลทำเหมือนรังเกียจตัวเอง ต่างจากที่ปฏิบัติกับจองแจฮยอนก่อนหน้านี้ มันก็ยิ่งทำให้แจมินหงุดหงิดขึ้นไปทุกที เหมือนกับว่าการผูกพันธะยิ่งทำให้แจมินได้เป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกคน พอเห็นแบบนั้นถึงได้เจ็บใจแบบนี้ยังไงกันล่ะ


    “อย่าโกหกใจตัวเองไปหน่อยเลยต้นตระกูล” แจมินละริมฝีปากออกจากริมฝีปากสีสดที่บวมช้ำจากจูบหนักหน่วง ดวงตากลมยังคงถือดี ทั้งที่ตกเป็นรองแจมินอย่างเห็น ๆ 


    “อย่ามาอ่านใจฉันนะ”


    “คงไม่ได้หรอกครับ ผมได้ยินทุกอย่างหรือแม้ตอนนี้ก็ด้วย”


    “หยุดนะ!!”


    “ทำไมหล่ะต้นตระกูล คุณปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าคุณผูกพันธะกับผมแล้ว คุณเองก็รู้สึกดีไม่ต่างกับผม เวลาที่ผมสัมผัสคุณ ไม่ว่าจะตรงนี้…” ริมฝีปากร้อนเคลื่อนไปกดจูบเบา ๆ บนลาดไหล่ขาวที่โผล่พ้นเสื้อตัวใหญ่ของอีกคน “หรือตรงนี้” มือหยาบสอดเข้าไปหยอกล้อที่หน้าท้องของอีกคน ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปสัมผัสช่วงขาอ่อนของอีกคนผ่าน ๆ อย่างกลั่นแกล้ง ให้คนถูกสัมผัสนั้นได้ตื่นกลัวเล่น ๆ 


    “อะ..อย่าจับ” คนตัวขาวละลักละล่ำบอกเสียงสั่น เมื่อฮันเตอร์หนุ่มเริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกจนหล่นลงไปกองที่ข้อแขน


    “ที่หลังอย่าไปให้ใครกอดอีก รู้ไหมต้นตระกูล” น้ำเสียงแหบต่ำเอ่ยกระซิบข้างใบหูขาว ก่อนจะทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าต้นตระกูล แขนใหญ่โอบกอดรอบเอวของอีกคน แล้วซุกใบหน้าแนบลงที่หน้าท้องของอีกคน


    “ทำบ้าอะไรของนาย!!” เจโน่ร้องตะโกนเสียงหลง เมื่ออยู่ ๆ นาแจมินก็คุกเข่าลงต่อหน้าตัวเองอย่างนั้น


    “ผมยอมคุณได้ทุกอย่างต้นตระกูล” แจมินเอ่ยบอกคนตัวขาวด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เจโน่ยืนนิ่ง และการกระทำเช่นนั้นก็ทำให้มือขาวกำไหล่ของฮันเตอร์หนุ่มแน่นอย่างไม่รู้ตัว


    “ผมยอมไม่ได้ที่จะให้คนอื่นเข้าใกล้คุณ”


    “นายมันบ้าไปแล้ว..”


    “อย่าทำให้ผมหึงนักจะได้ไหม ผมไม่ได้มีสติทุกครั้งที่จะเผลอทำร้ายคุณ”


    “แต่เมื่อกี้นายทำร้ายฉัน..” เจโน่ว่าเมื่อยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก จากจูบของแจมินที่บดจูบอย่างไม่กลัวว่าเจโน่จะเจ็บมากแค่ไหน


    “ผมไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะคุณทำตัวเองทั้งนั้น”


    “นี่!!”


    “เฮ้อ ใส่เสื้อให้เรียบร้อยเถอะคุณ อยู่แบบนี้นาน ๆ ผมได้เผลอทำอะไรคุณแน่ๆ กลิ่นคุณมันทำให้ผมสติหลุดชะมัด” นาแจมินว่าก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ดึงเสื้อที่กองที่ข้อแขนอีกคนให้ขึ้นมาใส่ดี ๆ ดังเดิม สายตาคมไล่มองรอยแดงตามลาดไหล่ที่ฮันเตอร์หนุ่มเผลอขบกัดลงไป เพื่อแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกคนอย่างไม่รู้ตัวเพราะอารมณ์หึงหวง


              “นายเป็นหมาบ้ารึไงกัน”


    “ถ้างั้นก็คงเป็นหมาบ้าที่ซื่อสัตย์กับคุณก็แล้วกัน” แจมินว่าก่อนจะส่งรอยยิ้มทะเล้นให้คนตัวขาวที่มองค้อนวงใหญ่ใส่ตัวเอง


    “ให้มันจริงอย่างที่ปากนายพูดก็แล้วกัน”


     


     


    แต่หมาบ้ามันก็ยังบ้าคลั่งอยู่วันยังค่ำ กลิ่นตัวหอม ๆ กับปากน่าจูบที่ลอยเย้ายวนอยู่ตรงหน้าใครกันจะปล่อยให้หลุดมือ ผิวกายเนียนละเอียดที่ไม่ว่าจะจับต้องกี่ครั้งก็ยังลื่นมือ ความอุ่นจากผิวกายในส่วนที่ถูกปกปิดยิ่งร้อนกว่าเดิม เมื่อลิ้นร้อนละเลงลงตามผิวกายจนร่างกายขาวบิดเร้า ยอดอกสีอ่อนที่ถูกกลั่นแกล้งจนเป็นสีแดงช้ำเด่นชัดตัดกับผิวกายขาว หน้าท้องขาวหดเกร็งยามที่มือหยาบจงใจลูบวนร่างกายบริเวณนั้น


              “มันเจ็บ!! นายมันหมาบ้าชัด ๆ” แจมินกัดเบา ๆ ที่ต้นคอของคนตัวขาวซีดแรง ๆ อย่างกลั่นแกล้ง จนได้รับแรงตีหนักมือที่ไหล่ของตัวเอง จากคนที่นอนหอบหายใจถี่


    “พร้อมให้หมาบ้าแบบผมขย้ำคุณรึยังล่ะต้นตระกูล” คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหมาบ้าบดจูบกลีบปากบางที่คอยพูดจาร้ายกาจ ทั้งที่จริง ๆ สิ่งที่อีกคนคิดอยู่ในใจมันตรงข้ามกันสุด ๆ ต้องขอบคุณต้นตระกูลมากจริง ๆ ที่เป็นคนผูกพันธะนี้ขึ้นมา...  เพราะตั้งแต่ผูกพันธะกัน ไม่ว่าจะแค่จับหรืออยู่ใกล้ อะไร มันก็ดูจะร้อนไปเสียหมด ไม่ใช่แค่แจมินที่ต้องการฝ่ายเดียว คนตัวขาวเองก็ไม่ต่างกัน


    “อื้อ แจมิน” ร่างขาวจัดหวีดร้องเมื่อนิ้วที่ถูกดันเข้ามาในร่างกายจนแน่นไปหมด เจโน่แทบอยากจะซุกหน้าหนีกับความอายของตัวเอง ช่องทางเนื้อนุ่มที่ตอดรัดนิ้วของอีกฝ่ายอย่างน่าอาย


    “รัดแน่นดีนะต้นตระกูล”


    “อ๊า มะ..มัน อื้อ” นิ้วหยาบถูกดันเข้าไปจนสุดข้อนิ้ว เริ่มกดไปตามผนังนุ่มที่มีอุณหภูมิเดียวกับร่างกายของอีกฝ่าย มันตอดรัดเสียจนแจมินไม่สามารถขยับนิ้วของตัวเองได้ ขาขาวที่แยกออกกว้างจนเห็นสัดส่วนเว้าโค้ง ทำให้คนตัวสูงลอบเลียริมฝีปากที่แห้งปากของตนเอง


    “มันทำไมล่ะที่รัก..” จมูกโด่งกดจูบแก้มนิ่มที่เห่อร้อนจนขึ้นสีอมชมพู  “แค่นิ้วผมคุณยังรัดแน่นขนาดนี้” เจโน่แทบฟังเสียงของอีกฝ่ายไม่รู้เรื่องเพราะหูอื้อไปหมด ร่างขาวจัดสั่นไปทั้งตัวแล้วในตอนนี้ ผิวเนื้อบางบริเวณลำคอถูกขบดึงด้วยแรงไม่เบานัก จนขึ้นสีแดงช้ำสลับกับกัดจนคนตัวขาวเจ็บจี๊ดจนน้ำตาไหล


    “อึก จะ..เจ็บ”


    “ผมอยากขย้ำคุณให้แหลกคามือเลยรู้ไหมต้นตระกูล” นาแจมินบอกอีกฝ่ายตามที่คิด ฮันเตอร์หนุ่มไม่เคยเจอใครที่แค่เห็นหน้าก็อยากจะกระโจนเข้าใส่ขย้ำให้แดงช้ำเท่าต้นตระกูลอีกแล้ว หรือว่าพันธะที่ผูกมัดมันจะทำให้เขามีอารมณ์ได้มากมายขนาดนี้กัน


    คนตัวขาวจัดร้องครางเสียงหวิวอย่างกลัดกลั้น เมื่อนิ้วร้อนค่อย ๆ ขยับเข้าออกในร่างกายของตนเพียงไม่กี่ครั้ง ก็ถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่า ขาเล็กถูกดึงขึ้นไปพาดที่บ่าแกร่ง ก่อนจะดันขึ้นสูงทั้งที่ส่วนนั้นกำลังเชื่อมต่อ แค่นิดเดียวก็ทำให้ต้นตระกูลสั่นจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้ มันสัมผัสลึกเกินไป เสียจนเขาจะบ้าตาย แจมินตั้งใจให้เขารับรู้ถึงความรู้สึกแบบนี้ชัด ๆ ความรู้สึกของร่างกายที่ถูกเติมเต็มเข้ามาจนล้นปรี่


    “ถ้าคุณบอกว่าเจ็บผมก็ไม่หยุดหรอกนะที่รัก..” นาแจมินไล่จูบที่ต้นขาขาวของคนที่หลับตาแน่น ริมฝีปากบางขบกัดเข้าหากันแน่น เมื่อร่างสูงใหญ่ขยับร่างกายเข้าไปเต็มตื้นอีกคนจนแทบสำลัก


    “ลืมตามองผมหน่อยสิคนดี..” แจมินยังไม่หยุดก่อกวนคนตัวขาวที่อยู่ในจุดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ “ไม่มีใครรักคุณได้เท่าผมหรอก” รอยยิ้มของฮันเตอร์เจ้าเล่ห์ที่ถูกส่งมาพอดีกับยามที่คนตัวขาวจัดลืมตาขึ้นมามองอีกฝ่าย


    ฟันซี่เล็กขบกัดริมฝีปากของตัวเองในทุกครั้ง ยามที่แจมินส่งแรงเข้ามาจนโดนจุดที่ทำให้แทบหลุดครางเสียงสั่น แสงจากดวงจันทร์ด้านนอกสาดส่องเข้ามาภายในห้องจนเกิดเงาของคนสองคนที่โรมรันสะท้อนลงบนกำแพงห้องท่ามกลางเสียงเนื้อกายที่เสียดสี หยดน้ำตาเม็ดโตจากดวงตาคู่สวยที่ไม่ได้เกิดจากความเสียใจ แต่เพราะความรู้สึกที่ถูกเติมเต็มจนสุขล้นจนเกินกว่าจะบรรยาย


    “อ๊า จะ..แจมิน” เสียงครางหวิวร่ำร้องเรียกชื่อของคนร่างสูงใหญ่ที่ซ้อนอยู่ทางด้านหลัง มือเรียวสวยถูกบังคับให้จับกับราวระเบียงไว้ให้แน่น เมื่อรับแรบจากทางด้านหลังที่ถูกส่งมาจนสั่นคลอนไปทั้งตัว


    “ผมชอบเวลาที่คุณเรียกชื่อผมแบบนี้จริงๆเลยต้นตระกูล..” 


    ถึงจะมืดสนิทแค่ไหน แต่แสงของดวงจันทร์ที่ทำให้สิ่งที่ทั้งคู่กำลังทำมันชัดเจนท่ามกลางความมืด ผิวกายสีขาวจัดต้องแสงสะท้อนกับแสงนวลของดวงจันทร์ มันทำให้ร่างกายของอีกฝ่ายน่าดูเกินกว่าใคร มือใหญ่ซ้อนทับจับมือขาวที่เกาะราวระเบียงแน่น ก่อนจะเอ่ยกระซิบประโยคที่ทำให้ต้นตระกูลตัวขาวเอี้ยวใบหน้าหันกลับมามอง “บอกรักผมสักครั้งได้ไหมต้นตระกูล”


    แรงโหมกระหน่ำจากสะโพกสอบ จนเจ้าของผิวขาวสั่นคลอน ช่างแตกต่างจากคำพูดที่ออดอ้อนต่างจากการกระทำที่หยาบโลนเหมือนฟ้ากับเหว ดวงตาสีน้ำตาลหม่นที่หันกลับไปจ้องมองนาแจมินที่มองอยู่


    ต้นตระกูลอยากจะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายให้มันชัดกว่าที่จะยืนซ้อนหลังกันแบบนี้ แต่ติดที่ว่าต้นตระกูลคงไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีอ้อนวอนฮันเตอร์เจ้าเล่ห์นี่ง่าย ๆ แน่ และนั่นก็ทำให้เจโน่ได้แต่คิดอยู่ในใจ 


    เขาต้องการอีกฝ่ายอย่างมาก มากเสียจนมันไม่อาจโกหกความรู้สึกตัวเองได้..


    ร่างสูงใหญ่กระตุกยิ้มกับความคิดของต้นตระกูลที่ดังชัดเจน ดูเหมือนว่าคนตัวขาวจะลืมไปเสียสนิทว่าสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ในใจ มันไม่ได้เป็นความลับที่อยู่ในใจเจ้าตัวอีกต่อไป สะโพกสอบถอนตนเองออกมาจากร่างขาวซีดโดยไร้การประคองตัวอีกคนที่ยืนแทบไม่ไหว ซึ่งแน่นอนว่าขาสั่น ๆ ของต้นตระกูลไม่สามารถประคองตัวเองให้ยืนได้ ถึงได้ทรุดลงไปกองกับพื้นแบบนั้น


    “คุณมันปากแข็งจริง ๆ เลยต้นตระกูล” นาแจมินเอ่ยบอกอีกคนที่จ้องมองมาที่ตนเองด้วยแววตาสับสน ดวงตาฉ่ำน้ำกับริมฝีปากที่เผยอหอยหายใจเข้าออก มันยิ่งทำให้ฮันเตอร์หนุ่มอยากขย้ำอีกฝ่ายให้ค่มือ แต่รอก่อนเถอะ.... คนปากแข็งแบบนี้มันก็ต้องถูกลงโทษกันบ้าง



    แกร็ก


     

    ประตูกระจกบานเลื่อนถูกดันปิด โดยที่คนตัวขาวยังนั่งพิงอยู่ที่ริมระเบียงอยู่อย่างนั้น นาแจมินที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด มือใหญ่ขยับชักรูดตัวเองไม่อยู่ครู่หนึ่งก็ปลดปล่อยออกมา จะมีก็แต่คนตัวขาวเท่านั้นล่ะที่ยังไม่ได้รับการปลดปล่อย


    “ละ..เล่น อึก บ้าอะไร” คนตัวขาวซีดขยับปากพูด ก่อนจะใช้มือทุบเข้าที่กระจกบานใสที่มองเห็นนาแจมินที่หยิบกางเกงขึ้นมาสวมใส่อย่างสบายใจ ในขณะที่ลีเจโน่ยังยังทรมานอยู่


              “หาทางทำให้ผมเปิดให้คุณเข้ามาสิต้นตระกูล” คนที่สวมใส่เพียงแค่กางเกงหมิ่นเหม่เกาะอยู่บนสะโพกเอ่ย  ฮันเตอร์หนุ่มหยุดยืนชิดริมกระจกที่กั้นตัวเองกับคนตัวขาวจัด พลางใช้สายตาเจ้าเล่ห์โลมเลียร่างกายเปลือยเปล่าของคนที่อยู่ด้านนอก 


    “ทุเรศ!!” คนตัวขาวเอ่ยเสียงดัง ข้างนอกก็ใช่ว่าอากาศจะไม่หนาวเสียเมื่อไหร่ ยิ่งร่างกายที่ไม่ได้ปกปิดด้วยเสื้อผ้าสักชิ้น ยามที่ลมพัดมาแต่ละครั้งทำเอาสั่นไปแทบทั้งตัว


    “เรื่องแบบนี้มันทุเรศที่ไหนกันคุณ :)”


    “....”


    “ผมอยากขย้ำคุณก็จริง แต่คุณจะทำยังไงหรอ ให้ความอยากขย้ำของผมมันมีมากกว่านี้”


    นาแจมิน!! จะมาใช้วิธีแบบนี้กับเขาไม่ได้ !!


              แต่ถึงอย่างนั้นคนที่เป็นรองก็ไม่สามารถเลือกอะไรได้ ความรู้สึกที่อึดอัดยังคงต้องได้รับการปลดปล่อย และคนที่จะปลดปล่อยความต้องการพวกนั้นได้ ก็คงจะมีแค่เพียงฮันเตอร์เจ้าเล่ห์ที่เอาแต่ยืนส่งยิ้มกวนประสาทอยู่ในตอนนี้

              

              ต้นตระกูลตัวขาวขบคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ลิ้นสีแดงสดจะแลบเลียแผ่นกระจกด้านนอกฝั่งที่ตนเองอยู่ ในระดับที่มือของนาแจมินทาบอยู่บนบานกระจกด้านใน ลิ้นสีสดยังคงตัดกับผิวขาวสว่าง ยามที่ลิ้นเล็กค่อย ๆ แลบเลียที่แผ่นกระจก ราวกับว่ากำลังใช้ปลายลิ้นเลียตามข้อนิ้วของคนผิวเข้ม 


             แค่นั้นมันก็ทำให้ฮันเตอร์หนุ่มแทบอยากจะพาอีกคนเข้ามาข้างใน แต่ติดว่าเจ้าตัวนั้นอยากเห็นอะไรที่มันมากกว่านี้.. และนาแจมินก็ได้เห็นมันจริง ๆ 


    ขาเรียวขาวที่ตั้งชันขึ้นจนเห็นสัดส่วนต่าง ๆ ชัดเจน นิ้วเรียวสวยกดเข้าไปในส่วนที่แดงจัดที่เผยออ้าออกจากการสอดใส่ก่อนหน้านี้ นิ้วเรียวสวยค่อย ๆ ผลุบหายเข้าไปในส่วนที่ขยับตอดรัดเป็นจังหวะ ยิ่งเสียดสีก็ยิ่งแดงก่ำ..


    ดวงตาฉ่ำเยิ้มที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตา กำลังเว้าวอนคนที่เฝ้ามองตัวเองอยู่อย่างขอร้อง กลีบปากบาง


    “นา-แจ-มิน..” 


    ถึงจะไม่ได้ยินเสียง แต่แค่อ่านปากแดง ๆ อีกคนเรียกชื่อของตัวเอง ก็ไม่ลังเลที่จะเปิดบานกระจกที่ปิดไว้แล้วกระชากตัวคนตัวขาวจัดเหวี่ยงไปที่ด้านล่างตรงปลายเตียง นาแจมินอยากได้ยินคำบอกรักจากอีกคน แต่สุดท้ายแค่ต้นตระกูลเอ่ยเรียกชื่อกับท่าทางแบบนั้น เขาก็พร้อมจะศิโรราบให้ในทันที


    สุดท้ายคนที่มีอำนาจเหนือกว่าก็คือต้นตระกูลนั่นล่ะ.. เพราะนาแจมินมันก็แค่ฮันเตอร์เจ้าเล่ห์


    ยิ่งพอเป็นมนุษย์แล้ว ต้นตระกูลตัวขาวนี่ก็ยิ่งอ่อนแอ.. ยังไม่เท่าไหร่ก็ดันหมดแรงไปเสียก่อน ทั้งที่อยู่บนตัวเขาด้วยซ้ำ แบบนี้มันตรงประโยคที่เขาว่า ‘สลบคาอกรึเปล่านะ’


     


     



     


    “ไปซะต้นตระกูล” เสื้อคลุมเนื้อดีสีดำสนิทที่นาแจมินสวมให้กับคนตัวขาวจัดซึ่งยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าของต้นตระกูลนั้นดูดีขึ้น หลังจากพักผ่อนจากเรื่องเมื่อคืนจนถึงเมื่อตอนบ่ายวันนี้ แต่สุดท้ายแล้วก็หมดเวลาพัก เมื่อฮันเตอร์หนุ่มรุดขึ้นมาสั่งให้อีกคนแต่งตัวอย่างรีบเร่งโดยไม่บอกสาเหตุ ก่อนจะลากคนตัวขาวจัดมาทางป่าด้านตะวันตกที่ลีเจโน่เคยชมว่ามันสวยงามนักหนา แต่ตอนนี้เจ้าตัวกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้สวยงามอย่างที่เคยคิด


              “ทำไมฉันต้องไป” คนตัวขาวจับแขนอีกคนไว้แน่นก่อนจะคาดคั้นเอาคำตอบ


    “พวกคนในสมาคมกำลังมาล่าตัวคุณ”


    “แล้วทำไมฉันต้องหนี?”


    “ผมไม่ยอมให้พวกนั้นพาคุณไปแน่ อย่าเสียเวลาดีกว่า คุณรีบไปก่อนที่พวกนั้นจะมาถึงเถอะ” นาแจมินเอ่ยบอกอีกคนที่ยังเอาแต่ดึงดันอยู่แบบนั้น


    “แล้วทำไมนายไม่ไปกับฉัน”


    “ขาดผมไม่ได้เลยสิต้นตระกูล” แจมินยังไม่วายยกยิ้มที่กวนประสาทคนตัวขาวเล่น


    “ฉันไม่รู้ทาง ให้เดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้าตายอยู่ในป่ากันพอดี”


    “คุณเดินมุ่งไปทางตะวันตกอย่างเดียวก็พอ ใช้เวลาน่าจะไม่เกินพรุ่งนี้เช้า ที่สุดชายป่าจะมีคนของผมรอรับคุณอยู่ ห้ามเดินไปทางอื่นเข้าใจที่ผมพูดไหม!!”  นาแจมินเอ่ยบอกกับคนตัวขาวด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าทุกครั้ง น้ำเสียงเฉียบขาดที่เหมือนคำสั่งนั่นแตกต่างจากทุกทีที่นาแจมินจะใช้พูดกับลีเจโน่


    “อืม..” ต้นตระกูลเอ่ยรับคำสั่งของอีกคนอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก


    “ไม่ใช่แค่อืม แต่คุณต้องทำ”


    “รู้แล้วน่า!” คนตัวขาวกระชับเสื้อคลุมสีดำสนิทที่อีกคนสวมให้ ก่อนจะส่งค้อนวงโตที่อีกฝ่ายเอาแต่สั่งท่าเดียว


    “ถ้ามีเรื่องอะไร อย่าลืมคิดถึงผม..”


    “พูดอย่างกับจะไปช่วยฉันได้งั้นล่ะ?”


    “ผมได้ยินทุกอย่างที่คุณคิดคุณก็รู้” นาแจมินกดจูบหนัก ๆ บนริมฝีปากสีสดที่ยังช้ำเพราะฝีมือตัวเอง จนคนตัวขาวทุบให้ดังอักเมื่ออีกฝ่ายตักตวงมากเกินไป


    “จูบคุณทำผมเครื่องร้อนเป็นบ้า” ยังไม่ทันที่ต้นตระกูลจะได้เอ่ยปากว่าอีกฝ่าย นาแจมินก็ผละออกก่อนจะออกวิ่งไปทางด้านหน้าของตัวบ้าน ซึ่งตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่ลีเจโน่จะต้องรีบไปเช่นกัน เวลาช่วงเกือบเย็นเต็มไปด้วยบรรยากาศที่อึมครึม เมฆเต็มไปด้วยสีเทาหม่น ดูยังไงก็ไม่ใช่ลางดี แม้แต่เพียงแสงแดดยังสาดส่องลงมาเพียงแค่เล็กน้อยจนน่าหงุดหงิด ความชื้นของบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกเย็นอย่างบอกไม่ถูก ผืนป่าตรงหน้าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ทรงสูงถึงจะสวยงามแต่ขึ้นชื่อว่าป่ามันย่อมน่ากลัวเสมอ 


    เสียงเหยียบย่ำใบไม้กับกิ่งไม้ที่ร่วงหล่นตามพื้นที่เดิน ถึงแม้จะไม่ได้ส่งเสียงดังมากนัก แต่ป่าที่เงียบสนิทกลับทำให้ได้ยินเสียงฝีเท้าในแต่ละก้าวอย่างชัดเจน ต้นไม้สูงใหญ่ที่แตกกิ่งก้านเขียวขจีอยู่ด้านบน บ้างก็บางตา บ้างก็หนาทึบจนทำให้แสดงสว่างลอดเข้ามาได้เพียงประปราย 


    บรรยากาศรอบตัวที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ป่า กิ่งไม้ที่ขวางทางบ้างทำให้ไม่สะดวกในการเดินเสียเท่าไหร่ ร่างขาวซีดที่ถูกบดบังด้วยผ้าคลุมสีดำสนิทที่สวมใส่ ยังคงก้าวเดินต่อไปอย่างไม่ลดละ ดวงตาเรียวที่ถึงจะมองตรงไปข้างหน้า แต่ก็กลับกวาดตามองรอบกายในทุกครั้ง สัญชาตญาณมันมักมาก่อนเสมอ 


    คนตัวขาวซีดรู้สึกได้ว่าไม่ได้มีเพียงแค่ตนเองที่อยู่ตรงนี้ จะพูดว่าตอนนี้คนตัวขาวกำลังกลัวก็คงจะถูก ในป่ากว้างใหญ่ที่เจโน่สามารถนับครั้งที่เคยเข้ามาเหยียบได้ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ คนตัวขาวนี่ก็ไม่มีทางที่จะเข้ามาที่นี่


    ที่นี่ไม่มีการแบ่งเขตแดน ทั้งแวร์วูฟ แวมไพร์ หรือพวกไฮบริด หรือสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดเกินกว่ามนุษย์ที่กระจายอยู่ทั่ว มันพร้อมเสมอที่จะไล่ล่าฝั่งที่ไม่ใช่พวกตัวเองเป็นอาหาร แล้วสถานะของลีเจโน่ตอนนี้ มันก็ก้ำกึ่งเสียระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ จมูกที่พิเศษกว่ามนุษย์ทั่วไปทำให้ได้กลิ่นในระยะไกลอีกทั้งยังแยกแยะได้ว่าคือพวกไหน .. 


    อันตรายที่สุดก็ตรงที่เจโน่ไม่มีทางรู้ว่าพวกมันจะโผล่มาตอนไหน ประสาทสัมผัสที่เคยมีเหมือนก่อนตอนที่ยังไร้ซึ่งลมหายใจนั่นช่วยในการป้องกันตัวเองได้มากโข แต่ในตอนนี้เขาเป็นเพียงแค่มนุษย์อ่อนแอที่สูญเสียความพิเศษพวกนั้นไปจนหมด 


    ยังไงเสียเหยื่อก็ย่อมถูกกำจัดจากผู้ล่าที่แข็งแรงกว่า..


             เหงื่อหยดแล้วหยดเล่าที่ผุดตามใบหน้า ถึงจะปัดออกอยู่เสมอ แต่ก็ยังคงไหลหลั่งออกมาอย่างไม่ขาดสาย จนแขนเสื้อแขนยาวของคนตัวขาวชุ่มไปด้วยเหงื่อ ระยะทางที่ลีเจโน่ก้าวเดินค่อนข้างไกลจากจุดเริ่มต้น ด้วยการที่คนตัวขาวไม่ได้หยุดพัก เพราะต้องการออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ร่างกายของมนุษย์มันไม่ได้แข็งแรงพอที่จะทนกับการเดินติดต่อกันเป็นระยะทางยาว ๆ ได้นาน 


    ทั้งกระหายน้ำ ทั้งปวดขาจนไม่อยากจะก้าวเดินต่อ แต่ก็ต้องกัดฟันที่จะก้าวเดิน ความรู้สึกเสียด ๆพาให้ขาสั่น จนทำให้เจโน่นึกโกรธนาแจมินเข้าให้อีกจนได้  


    มือหยาบของเจ้าตัวที่จงใจลูบหน้าท้องของเขา ลูบวนมันซ้ำเหมือนต้องการตอกย้ำว่าสิ่งที่อีกฝ่ายปลดปล่อยเข้ามาในร่างกายเขามันลึกมากแค่ไหน และผลที่ตามมาคือความเจ็บเสียดในแต่ละครั้งที่ก้าวเดิน


               เสียงหอบหายใจเข้าออกที่ถี่ขึ้นเพราะเจ้าตัวเริ่มที่จะเหนื่อยกับการใช้พลังงานที่จะรีบก้าวเดิน เวลาที่ผ่านไปจนรอบตัวมืดไปเสียหมดแล้ว แต่คืนที่จันทร์ยังเต็มดวงแบบนี้ มันยังคงช่วยนำทางให้คนตัวขาวได้เดินอย่างสะดวก เสียงสัตว์ป่าที่ส่งเสียงร้องดังไปทั่ว แต่ที่ชัดที่สุดก็คงจะเป็นเสียงของพวกหมาพวกหมาป่ายังคงแว่วมาให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ แวร์วูฟพวกนี้กระจายตัวอยู่เยอะแถวแทบทางด้านทิศตะวันตก แต่แปลกที่เขายังไม่เจอพวกมันสักตัวหนึ่ง และนั่นก็ถือเป็นโชคดีของเขาที่ไม่เจอกับพวกที่ชอบเทะกระดูกเป็นอาหาร


                ยิ่งมืดก็ยิ่งต้องระวังตัว ถึงจะไม่ได้เจออะไรก่อนหน้านี้ มันก็ไม่ได้หมายความว่าข้างหน้าจะไม่เจอ ความมืดนี่ล่ะที่น่ากลัว ตาของเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ในความมืดได้... นี่คือข้อเสียเปรียบที่แย่ที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้  ก้อนเนื้อในอกเต้นแรงอย่างหยุดไม่ได้ ถึงจะพยายามปรับลมหายใจให้เข้าออกอย่างสม่ำเสมอแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย เมื่อตัวเขากำลังตื่นตระหนกอย่างที่ไม่เคยเป็น 


                เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำเร็ว ๆ จากทางด้านหลัง เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มันไม่ได้มีแค่เพียงหนึ่งแต่กลับมากกว่านั้น น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงที่คออย่างยากลำบาก เมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดในอนาคตข้างหน้านี้


     “ตามมาจนได้สินะ” ลีเจโน่พึมพำเสียงเบากับตัวเอง ขายาวเริ่มออกวิ่งแทนการเดินเร็ว ๆ อย่างที่เคยทำ เสียงฝีเท้าจากทางด้านหลังยังคงตามมาอย่างไม่หยุดหย่อน สัญชาตญาณของต้นตระกูลกำลังสั่งให้เจ้าตัวเอาตัวรอด ทางเดียวที่จะทำได้คือการหนี ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่เต็มอกก็ตามว่าสิ่งที่กำลังหนีคืออะไรก็ตาม


    แต่ละครั้งที่ก้าวขาวิ่งไปท่ามกลางความมืด นอกจากเสียงเท้าที่เหยียบย่ำที่ส่งเสียงทำให้ประสาทเสียแล้ว เสียงหัวใจที่มันเต้นถี่ระรัวก็ทำให้เจโน่แทบจะสติแตกอยู่รอมร่อ 


    ยังไงเขาก็ต้องรอด!!!


    ขายาวหยุดชะงักทันทีเมื่อมีใครบางคนที่ยืนรอดักหน้าอยู่ในทางที่กำลังจะไป


    "ไงต้นตระกูล" เสียงทักทายจากบุคคลแปลกหน้าที่ดูไม่น่าไว้วางใจสักเท่าไหร่ ร่างกายกำยำแข็งแรง กล้ามเนื้อที่ต้นแขนกับส่วนสูงที่สูงกว่าแจมินนั่นดูแปลกตาไม่น้อย


              "นายเป็นใคร?"


               "รีบไปซะ เดี๋ยวตรงนี้ผมจัดการเอง"  ชายปริศนาหลีกทางให้กับคนตัวขาวให้ได้ไปต่อ ส่วนตัวเองยังคงยืนรอคอยในสิ่งที่กำลังตามไล่ล่าคนตัวขาวนี่มา แน่นอนว่าฝั่งนั้นไม่ได้มีแค่หนึ่ง เช่นเดียวกันกับฝั่งนี้ที่ไม่ได้มีแค่หนึ่งเช่นกัน การซุ่มโจมตีศัตรูโดยการกระโจนเข้าไปกัดเข้าที่จุดสำคัญให้เหยื่อสิ้นใจตายนั่นมันวิสัยของพวกเขา... 


              นี่มันแวร์วูฟ


    ถึงจะคนละฝักฝ่ายแต่พวกเขาไม่ได้ทำร้ายอีกฝั่งอย่างไร้ซึ่งเหตุผล แน่นอนว่าเหตุผลในครั้งนี้มันสำคัญมากพอที่จะทำให้พวกแวร์วูฟยอมยื่นมือเข้ามาช่วย 


    ลีเจโน่หันไปมองที่ชายคนนั้นอีกครั้งก่อนจะรีบวิ่งต่อไป อย่างน้อยถ้าเขารีบไปต่อยังไงแล้วเวลาที่พวกนั้นดักทางพวกที่กำลังตามเขามันก็จะช้าลงกว่าเขาไปอีกหลายก้าว พวกนั้นวิ่งเร็วยิ่งกว่าอะไร ถ้าเกิดระยะประชิดตัวล่ะก็ พวกมันขย้ำเขาได้อย่างไม่ยากแน่


    ความมืดของกลางคืนนั้นช่างผ่านไปช้านักสำหรับเจโน่ที่ได้แต่ภาวนาให้รุ่งเช้าเสียที แต่ดูเหมือนว่าคำภาวนาจะไม่เป็นผล เมื่อขายาวต้องหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อคนที่ยืนขวางทางตนเองอยู่นั้นคงไม่ยอมให้ตัวเองผ่านไปง่ายๆ


    “เลิกเล่นกันดีกว่าต้นตระกูล” รอยยิ้มทะเล้นบนใบหน้าของเจ้าของไหล่กว้าง เงามืดของต้นไม้ที่ปิดบังเสี้ยวหน้าของอีกคน เส้นผมสีดำสนิทกับใบหน้าที่คุ้นตาทำให้เจโน่จดจำได้ดีว่าอีกฝ่ายคือใคร


    “หลีกไป” เป็นปาร์คจีซองที่มายืนดักรอลีเจโน่อยู่ ใบหน้าหล่อของเด็กหนุ่มซึ่งยังคงดูอ่อนวัย ถึงจะดูน่ารักไม่หยอก แต่จริง ๆ แล้วมันก็คือเสือในคราบแมวชัด ๆ 


    “ไปกับผมดี ๆ ดีกว่าต้นตระกูล อย่าให้ผมต้องทำร้ายคุณเลย” แค่ชั่วพริบตาเดียวปาร์คจีซองก็พุ่งเข้ามากระชากเข้าที่แขนเล็ก รอยยิ้มที่ยังคงเป็นรอยยิ้มแสยะที่ลีเจโน่ไม่เคยชอบมันสักครั้ง พวกลูกไล่ตระกูลคิมนี่มันน่าหงุดหงิดสิ้นดี


    “อย่ามาทำโอหังกับฉันแบบนี้”


    “ช่วยเอาคอที่มันเชิดลงมาได้แล้วมั้ง คุณไม่ได้มีอำนาจอะไรแล้วต้นตระกูล”


    “แกจะบอกว่าพวกกบฏอย่างพวกแก มันจะมีอำนาจแทนฉันหรือไง”


    “แน่นอน ในเมื่อฝั่งผมเป็นฝ่ายล่าคุณต้นตระกูล”


    “แกจะฆ่าฉันมากกว่าไอ้พวกชั้นต่ำ!!!”


    “เสียดายนะครับ” มือใหญ่บีบเข้าที่คางได้รูปของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นต้นตระกูลด้วยแรงไม่เบานัก 


    “แกมันเสียชาติเกิด”


    “พี่ก็คงไม่ต่างเท่าไหร่ ว้าว ดูสิ.. ว่าผมเจออะไรกันนะ” มือใหญ่อีกข้างดันเสื้อคลุมที่มีหมวกคลุมปกปิดใบหน้าอีกฝ่ายให้มองได้ชัดขึ้น ดวงตาแสนเจ้าเล่ห์มองไปตามผิวเนื้อที่โผล่พ้นเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกาย “ไม่ยักรู้ว่าต้นตระกูลมีรสนิยมชอบพวกฮันเตอร์ชั้นต่ำแบบนั้น” รอยสีแดงช้ำที่เด่นชัดบนผิวขาวซีดที่ยังไงก็ดูออก "อ้อ ลืมไปว่าตอนนี้ก็คงไม่ต่างกันสักเท่าไหร่แล้ว"


    “อย่ามาสะเออะเรื่องของฉัน”


    “ลงไปเกลือกกลั้วกับมันจนแยกไม่ออกแล้วนะครับ ว่าพี่เป็นต้นตระกูลจริงหรือเปล่า”


    “หุบปากไปซะ”


    “พี่ต่างหากที่ต้องหุบปาก!”


    หมับ


    แขนเล็กที่ตั้งใจเหวี่ยงใส่หน้าของเด็กหนุ่มผมสีสว่าง กลับโดนคว้าหมับไว้ได้ทัน ก่อนที่ข้อมือของเจโน่จะถูกบิดอย่างแรง


    “นาย!” เจโน่เอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเพราะความเจ็บ แต่ก็ยังกัดฟันทน


    “อยากเจ็บตัวจริง ๆ ใช่ไหม” แรงเหวี่ยงจากพละกำลังของแวมไพร์ ทำให้คนตัวขาวลอยหวืดไปกระแทกกับต้นไม้จนทรุดลงไปกองอยู่กับพื้น ความปวดร้าวที่บริเวณหลังที่แล่นร้าวขึ้นมากับความจุกที่ทำให้คนตัวขาวแทบอ้าปากพูดไม่ออก


    ปาร์คจีซองเดินเข้ามาหาคนตัวขาวที่ดูท่าทางจะหมดฤทธิ์เสียแล้ว เพียงแค่ออกแรงนิดหน่อยเท่านั้น “อ่อนแอสิ้นดี” ดวงตาสีแดงสดจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังทรมานจนน่าสมเพช


    “…”


    “ยังไงก็หนีไม่พ้นหรอกครับต้นตระกูล” จีซองออกแรงไม่เท่าไหร่ ก็สามารถดึงตัวอีกคนขึ้นมาพาดไว้ที่บ่าของตัวเองได้อย่างง่ายดาย แรงดิ้นที่น้อยนิดของคนที่อ่อนแอแบบนี้มันช่างน่าตลกสิ้นดี “พี่บีบให้ผมใช้วิธีเอง” เจ้าตัวเอ่ยประโยคที่คนตัวขาวฟังไม่รู้เรื่อง 


    คนตัวขาวหวีดร้องออกมาด้วยความทรมานทันทีที่จบคำพูดของอีกฝ่าย เส้นสีดำสนิทที่เป็นลวดลายของดอกฮิกันบานะเริ่มกลับมีชีวิตอีกครั้ง พร้อมกับความเจ็บปวดที่แสนสาหัส เสียงบทสวดกับประโยคเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมากับความเจ็บปวดที่ทำให้ต้นตระกูหมดฤทธิ์


    “จะ..แจมิน..” คนตัวขาวเอ่ยเรียกชื่ออีกคนเสียงแผ่ว


    เจ็บเหลือเกิน.. เจ็บจนแทบอยากจะตายเสียให้ได้ ไหนบอกว่าถ้าเขาคิดถึงแล้วจะมาช่วยไง ไอ้คนโกหก เขาเจ็บจนจะตายอยู่แล้ว!!!


    “เรียกให้มันมาช่วยเร็ว ๆ ล่ะครับ”


    “อึก ...” เสียงร้องที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่มที่แสนทรมานกลับยิ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับปาร์คจีซอง


               แวมไพร์หนุ่มที่กำลังหันหลัง เพื่อมุ่งหน้ากลับไปในที่ของตัวเอง ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอเข้ากับไอ้พวกหมาบ้าน้ำลายยืดพวกนี้ ไม่สิ นั่นมันเป็นเลือดต่างหากที่กำลังหยดออกมา หมาป่าตัวใหญ่จ้องแวมไพร์ตัวขาวซีดที่รอดพ้นสายตามาได้จากพวกที่เหลือที่ถูกจัดการ


    “ไม่ใช่เรื่องของหมาหลีกไป!!!”


    ปาร์คจีซองเกลียกพวกชั้นต่ำที่เหม็นสาบพวกนี้ที่สุด หมายังไงมันก็คือหมาอยู่วันยังค่ำ ถ้าวันนี้จะฆ่าก็คงต้องออกแรงกันเสียหน่อย


    “รอผมหน่อยนะต้นตระกูล...” แวมไพร์หนุ่มยอมวางคนตังขาวซีดนั่นลงแถว ๆ ต้นไม้ใหญ่ที่พอจะให้อีกคนพักพิงได้ คนที่กำลังทรมานกับตัวเองไม่มีทางหนีรอดได้แน่นอน เพราะแค่แรงจะขยับตัวในตอนนี้เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถทำได้ ที่ต้องห่วงคือไอ้หมาที่กำลังอยากกัดกินเนื้อให้จมเขี้ยวนี่มากกว่า


    คนตัวขาวขดตัวลงไปกับพื้นอย่างเจ็บปวด เมื่อความเจ็บที่ข้อแขนของตัวเองในครั้งนี้มันมากกว่าครั้งไหน ๆ หยดน้ำตายังคงไหลพรากออกมาจากดวงตาคู่สวยด้วยความทรมาน บดสวดที่ก้องอยู่ในหูสั่นคลอนทุกอย่างจนแทบสิ้นสติเสียให้ได้ 


    ดวงตาเรียวที่ไม่หลงเหลือแม้แต่ความอวดดี มองไปยังภาพเหตุการณ์ตรงหน้าที่น่าสะอิดสะเอียน อีกไม่นานจากหมาตัวใหญ่นั่นที่ถูกทำร้าย ก็อาจจะกลายเป็นเขาที่ถูกฆ่าแทน ความทรมานครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะรู้สึกก็ได้ ใครจะรู้กัน 


     

              ตราบาปที่ไม่มีวันลบเลือนพวกนี้.. มันอาจจะหายเจ็บปวดไปพร้อม ๆ กับชีวิตของเขา 






    HASTAG #myjmn 




    Talk : ค้างเรื่องนี้ไว้มานานมากแล้ว ยังไงก็ฝากติดตาม SF ของต้นตระกูลกับฮันเตอร์นาด้วยแล้วกันนะคะ ;-; 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
yok0799 (@yok0799)
รอค่ะะะะะ นุ้งต้องรอดนะ ออลเจโน่อย่างนี่ก็คือฟินไปหมด เจโน่กินกับอะไรก็อร่อยๆจริงๆอะ