รู้จัก "หนังเงียบ" กันไหมคะ?
หมีก็เพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อวานเองค่ะ และอาจจะไม่มีโอกาสรู้จักเลยถ้าเพื่อนไม่ได้ชวนไปดู
ทำความรู้จักกับหนังเงียบกันก่อนสำหรับคนที่ไม่รู้
พูดแบบง่ายๆ ก็คือ "หนังที่ไม่มีเสียง" นั่นเองค่ะ นักแสดงเขาอาจจะพูดอะไรมากมาย แต่ทั้งหมดนั้นจะไม่มีเสียงเลย เสียงเดียวที่เราจะได้ยินตลอดทั้งเรื่องคือเสียงบรรเลงเปียโนจากนักเปียโน ซึ่งจะเล่นสดๆ อยู่ตรงเวทีเลยค่ะ
ดังนั้นแล้วมันก็จะเหมือนเราดูหนังใบ้ ที่มีดนตรีประกอบตลอดทั้งเรื่องนั่นเองค่ะ
สำหรับงานเทศกาลภาพยนต์เงียบครั้งที่ 4 นี้นะคะ จัดขึ้นที่โรงภาพยนต์สกาล่าและลิโด้ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 8 นี้ จนถึงวันพุธที่ 14 มิถุนายนค่ะ
หมีมีโอกาสได้ไปดูในวันแรกของเทศกาลเลย ชื่อหนังว่า "Destiny" หรือก็คือ ชะตากรรม / พรหมลิขิต นั่นเอง ซึ่งชื่อเรื่องนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาอย่างมากเลยค่ะ ทีแรกเพื่อนหมีเข้าใจว่าน่าจะเป็นหนังรัก แต่หมีแซวไปว่าอาจจะเป็นหนังผีก็ได้นะ เพราะ Destiny มันมีความหมายที่ทั้งเชิงบวกและลบเนาะ (ฮ่า)
และผลก็คือ... แท่น แทน แท้นนนนน
หนังเกือบผีค่ะ เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับความตายที่เราไม่อาจหนีพ้น ไม่มีสิ่งใดเอาชนะความตายได้ นั่นคือแก่นของเรื่องเลยล่ะ ตัวเอกของเรื่องมีความเชื่อว่าความรักสามารถเอาชนะความตายได้ เขาสามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้ และในเรื่องก็จะแสดงให้เห็นค่ะว่าจริงๆ แล้วไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถจะเอาชนะความตายได้ (พล็อตมันก็จะเป็นอะไรประมาณนี้ที่เราสามารถเดาได้แหละ แต่ไปดูเถอะเพราะมันสนุกนะ)
Destiny เป็นหนังสัญชาติเยอรมันนะคะ ประเภทของหนังเป็นหนังฟิล์ม และเนื่องจากหมีไม่มีความรู้เรื่องการทำหนัง (เลยสักนิด) ก็จะขอพูดตามที่เข้าใจจากคำอธิบายก่อนเริ่มเรื่องนะคะ
เหมือนกับว่าเจ้าฟิล์มของหนังเรื่องนี้เนี่ย มันมีอายุเก่าแก่มากกกกก ถ้าจำไม่ผิดก็เกือบ 100 ปีแล้วค่ะ หลายๆ ส่วนจึงกระจัดกระจายไปยังที่ต่างๆ ทำให้มีการตามหา รวบรวม และนำมาซ่อมแซมบูรณะ รวมไปถึงทำใหม่ขึ้นบ้าง นับถือทีมงานที่สามารถตามหาเพื่อนำมาให้เราได้ชมกันจริงๆ ค่ะ
และเนื่องจากว่าเป็นหนังสัญชาติเยอรมัน ในเรื่ืองจะฉายการแสดงของตัวละคร สลับกับบทบรรยายที่เป็นภาษาเยอรมันทั้งหมดค่ะ (อย่าลืมนะว่าเป็นหนังเงียบ เขาพูดอะไรกันก็ไม่รู้ เราจะเห็น และเดาได้แค่จากท่าทางของตัวละครเท่านั้น บทบรรยายจึงมีส่วนอย่างมากในการช่วยให้เราเข้าใจเนื้อเรื่อง) แต่ด้านล่างจะมีซับภาษาไทย และอังกฤษกำกับอยู่ เพื่อให้เราๆ ได้รับชมกันแบบไม่เสียอรรถรสค่า
ความเก๋ของบทบรรยายสำหรับหมีนะ คือในเรื่องจะมีการเปลี่ยนฉากไปยังประเทศฝั่งอาหรับ, อิตาลี และจีนค่ะ แล้วบทบรรยายของเขาก็จะมีการใช้ฟ้อนคล้ายกับตัวอักษรในภาษาของประเทศนั้นๆ ด้วย (แต่ว่ายังเป็นภาษาเยอรมันอยู่นะ) ซึ่งหมีคิดว่ามันโคตรเท่เลยอะ ครีเอทมากๆ รู้สึกว่าคนสมัยก่อนนี่เจ๋งจัง ประทับใจสุดๆ
จริงๆ ในเทศกาลหนังเงียบมีหนังฉายอีกหลายเรื่องเลยค่ะ แต่น่าเสียดายที่หมีคงไม่มีโอกาสได้ไปดูเรื่องอื่นๆ ถ้าใครสนใจสามารถดูตารางฉายได้จากภาพด้านล่างนี้เลยนะคะ อยากให้ไปดูกันเยอะๆ เพราะหมีว่ามันเปิดโลกมากเลยอะ เราจะทึ่งไปกับเทคนิคการทำหนังของคนสมัยก่อน และหมีเชื่อว่าหนังที่เขานำมาฉายเนี่ย ผ่านการคัดกรองมาแล้วว่าสนุกแน่นอน (อาจจะมีบางฉากที่ตลกไปบ้างสำหรับเรา ก็หนังมันเก่าอะเนาะ) แต่มันคุ้มค่านะคะ เพราะทุกรอบทุกที่นั่งราคาแค่ 120 บาทเอง ถูกกว่าข้าวบางมื้อของเราอีก
สำหรับวันนี้ก็ลาไปก่อน ขอบคุณที่สละเวลาอ่านค่าา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in