เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ยาคลายเศร้าYamada Oguro
บทที่หนึ่ง • จดหมายทางไกล
  • ถึงใครคนหนึ่ง...ที่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้
    ผมได้ย้ายถิ่นอาศัยกลับไปพักที่เขียงรายเป็นเวลาสองสัปดาห์
    คล้ายเป็นการเดินทางกลับสู่อ้อมกอดของหุบเขาอีกครั้ง

    ...บรรยากาศที่คุ้นเคยในวัยเยาว์ขัดเกลาหัวใจของผมอย่างอ่อนโยน

    ผมมักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนั่งดูต้นไม้และดวงอาทิตย์
    แม้บางวันที่ลืมตาตื่นจะพบเห็นแต่เพียงดวงจันทร์และควันบุหรี่ที่ลอยอวลหยอกล้อกับเหล่าแมลง
    แก้วกาแฟและโอวัลตินผลัดไม้เวียนเปลี่ยนมาวางบนโต๊ะทำงานของผม
    ข้อความจากคนรู้จักมักคุ้นโผล่ขึ้นมาให้ได้รับทราบถึงความห่วงใย

    “เป็นไงบ้างน้อง”
    “มึงอยู่ไหน?”
    “เป็นไงบ้าง? ทักไลน์ไปไม่เห็นตอบ”
    และเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแต่ไม่ได้ถูกรับการตอบ...

    ตัวผมสบายดีและหวังให้คิดถึงเสียงหัวเราะในวันที่เราต่างอยู่ร่วมกัน
    การเดินทางครั้งนี้เป็นการเดินทางที่แสนไกลจากผู้คนรอบข้าง
    แม้ว่าบางคน...อาจมองเป็นการหลบหนี
    ชายคนหนึ่งเคยพูดกับผมว่า ...บางครั้งเขาเองก็อยากจะหลบเวลา
    -หลบเวลา...แล้วไปไหน?
    การหลบเวลาคือการหายเงียบไปจากผู้คนรอบข้าง ผมเองก็คงไม่ต่างกัน
    บ่ายวันหนึ่งที่ผมกำลังที่นั่งเหม่อมองต้นไม้
    และพลางคิดถึงงานที่กำลังเริ่มต้นทำ
    โทรศัพท์ปรากฏชื่อ “แม่” ขึ้นมา
    ผมกดรับ...

    “โจ้...มีคนชื่อเรย์จะมาหาลูกแน่ะ”
    “เรย์...ไหนครับแม่ แถวบ้านเรามีด้วยเหรอ?”
    “เห็นเขาถามที่อยู่ของโจ้จากน้องอิมเมื่อวาน”
    “เรย์...”
    ผมขมวดคิ้วคิด
    “ลูกอยู่บ้านรอเขานะ”
    “อ่า...ครับ”
    ผมใช้เวลาทบทวนชื่อของบรรดาคนรู้จักมากมาย
    และใบหน้าหนึ่งก็ปรากฏขึ้น...
    หญิงสาวผมสั้น จมูกโด่ง ใบหน้ารูปไข่ นักร้องเสียงกังวาล
    เพื่อนสมัยมัธยมของผม
    เมื่อคิดออก...ฉับพลัน ผมเดินไปถอยมอเตอร์ไซต์ และบิดออกไป
    -หลบเวลา...และไปไหน?
    ไปร้านกาแฟ...

    ใช่ ในเวลานั้น สถานที่แห่งเดียวที่ผมคิดออกว่าผมจะหนีคนรู้จัก
    ไปที่ไหนสักแห่งคงเป็นที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
    ร้านกาแฟลึกลับแห่งเดียวในอำเภอพาน
    ...ลานฉำฉา...
    -ทำไมต้องมา...ทำไม
    ผมครุ่นคิดตลอดทาง
    ผมบิดคันเร่ง ทะยานตัวออกไปผ่านสองข้างทางที่เต็มไปด้วยไร่นา
    ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า
    ก่อนจะพบต้นฉำฉายืนต้นตระหง่านปกคลุมร้านกาแฟ
    “กาแฟดำครับพี่”
    “อ้าว...นึกว่ากลับกรุงเทพฯ ไปแล้วซะอีก”
    เจ้าของร้านสาวเอ่ยคำทักทาย
    “อ๋อ...ยังไม่กลับครับพี่ คงอยู่อีกนาน”
    “………………………….”
    “………………………….”
    “เอาหวานมั้ย?”
    “ไม่ต้องหวานครับพี่”
    “โอเค...”
    ผมปล่อยตัวเองลงบนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง จุดบุหรี่
    และมองไกลออกไปที่นอกชานร้าน
    ไกลออกไป...ไกลถึงกรุงเทพฯ
    -ทุกคนเป็นยังไงบ้าง? ทุกคนคงสบายดีเหมือนทุกวันที่ผ่านมาใช่ไหม...
    -ทำไมต้องลำบากเดินทางมาไกลเพื่อมาเจอคนอย่างผม คนที่ไม่เหลืออะไร คนที่ไร้ค่า...จะเสียเวลาทำไม
    ผมคิด
    ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูข้อความ
    “มึงอยู่ไหน?”
    ก่อนจะเลื่อนไปกดแอพลิเคชั่น “ไลน์”
    มีข้อความจากน้องสาวผม เธอบอกว่า คนนี้ทักมาหา และส่งบทสนทนาระหว่างหญิงสาวคนหนึ่งกับเธอ
    ผมอ่านและนิ่งคิดอยู่เนิ่นนาน บุหรี่อีกมวนถูกจุดขึ้น พร้อมกับกาแฟดำที่มาเสิร์ฟ

    ผมจิบกาแฟ และแกล้มบุหรี่ตาม
    -ทำไมต้องมา...ทำไม
    ผมพิมพ์ข้อความตอบเรย์
    “เรย์...โจ้ไม่เป็นไร ถ้าเราหายจากอาการ ‘กลัว’ คงได้เจอกันซักวัน”
    “ไหวไหม...ให้ไปอยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า”
    เธอตอบกลับมาทันที
    “เราไม่อยากเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง...”
    “เพื่อนไม่มีคำว่าภาระ กูคิดถึง”
    “เรากลัวร้องไห้...”
    “ร้องไห้ก็ร้องสิวะ เอาเถอะ กูคงยังต้องเคลียร์งานก่อน เดี๋ยวเสร็จแล้วจะไปหา”
    “ไม่เป็นไร เรากลัว...”
    ผมย้ำ
    “…เรย์อยู่ตรงนี้ จำไว้นะโจ้ ถ้ามึงพร้อมเมื่อไหร่ กูจะฟังมึงทุกๆ เรื่อง”
    “ให้เราคุยผ่านงานของเราเถอะ”
    ผมตอบ
    “อือ...กูไม่อยากเซ้าซี้ แค่อย่าหายไปเป็นพอ พยายามกลับมานะมึง กูรออยู่ที่เดิม...”
    ภาพโลเคชั่น GPS ของเธอปรากฏขึ้นมา
    ก่อนที่ผมจะส่งโลเคชั่นของผมกลับไปหาเธอ
    -ไกลจังเลย...ระยะทางของการเดินทาง
    บทสนทนาก็จบลง

    ผมยุติการเดินทางเธอ และเริ่มการเดินทางของผมต่อ

    “อือ...แค่อย่าหายไปเป็นพอ พยายามกลับมานะมึง กูรออยู่ที่เดิม...”
    คล้ายเสียงของเรย์ดังขึ้นจากตัวอักษร

    หน้าจอโทรศัพท์ถูกปิดลง ลมเย็นพัดผ่านเข้ามา บทเพลง “better off alone” ของ steve earl ถูกเปิดขึ้น
    เสียงนกร้องดังก้องไปทั่วต้นฉำฉา ควันบุหรี่ลอยและจางหายไป

    -อือ คงได้เจอกัน...ซักวัน
    ผมคิด
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in