เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
filmtofichoramiji
[SF] Daylight (Chris Nolan x Cillian Murphy)
  • Title: Daylight (Stay With Me)
    Fandom: RPS (อ้างถึง Batman Begins, The Dark Knight, Inception, Dunkirk)
    Couple: Christopher Nolan x Cillian Murphy
    Continuity: Sequel/Prequel of "What Makes A Man" (แต่แนะนำให้อ่าน WMAM ก่อน)
    Theme Song: Daylight, Stay With Me, อื่นๆ -- ฟังตามเพลย์ลิสต์ที่จัดไว้จะอิน คลิก
    (ปล. Breath เป็นเพลงเกาหลี รบกวนอ่านคำแปลในคลิปสักรอบก่อนเพื่อความเข้าใจ)


     

    And when the daylight comes

    I'll have to go

     

    "มองอะไร..."

    "อาทิตย์ขึ้น"

    "อาทิตย์ขึ้นทางโน้น..."

     

    .

    .

     

    6 Hours Before Daylight

     

     

    "ทำไมคุณยังอยู่ที่นี่?"

     

    ไม่มีคำตอบ มีแต่เสียงกระดาษถูกตัดฉับๆ

    กับมือใหญ่ที่ยังทำงานอยู่เช่นทุกครั้ง

     

    เขาย่องเข้าไปด้านหลังเก้าอี้

    คว้ากระดาษแผ่นหนึ่งจากมือนั้น

     

    "จำเป็นต้องทำตอนนี้ด้วยรึไงนะ..."

     

    ในขณะที่คนอื่นออกไปสังสรรค์ ผู้กำกับคนเก่งยังเก็บตัวอยู่ ณ ล็อบบี้โรงแรมอันอ้างว้างร้างผู้คนในยามดึก

     

    "ไอเดียที่ผุดขึ้นมากะทันหันมันต้องรีบบันทึกน่ะครับ..."

     

    มือใหญ่ยื่นออกมา

    ขอกระดาษคืน

     

    รอยยิ้มใจดี

    ไม่โกรธที่รบกวนสักนิด?

     

    ยิ่งน่าแกล้งแฮะ

     

    คิลเลียนทิ้งตัวลงบนโซฟาอีกตัวใกล้ๆ วางกระดาษสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่แย่งมาได้ลงบนโต๊ะกระจก พับ พับ พับ, ตัด ตัด ตัด คว้าดินสอมาแท่งหนึ่ง หมุดอีกอันนึง อา...หาได้ทุกอย่างเลยแฮะ คนบ้าอะไรนั่งทำโมเดลงานพร้อมอุปกรณ์ครบครันตอนใกล้เที่ยงคืนแบบนี้

     

    "อะ... ให้"

    "อะไรครับ?"

     

    ขมวดคิ้วมุ่น...มอง

     

    กังหันลม?

     

    "โตมากับการเล่นกล้องซูเปอร์ 8 คงไม่รู้จักของเล่นบ้านๆ สินะคุณน่ะ..."

     

    คนทำของเล่นบ้านๆ ให้หัวเราะ

    คริสยิ้ม รับมาถือไว้ "ขอบคุณครับ"

     

    "ไปกันเถอะ..."

     

    ผู้กำกับหนุ่มก้มมองมือที่คว้าจับข้อแขนตน

    ซึ่งแม้สัมผัสผ่านเสื้อโค้ทที่เขาสวมใส่...

     

    แต่ความรู้สึกก็ยังรุนแรงนัก

     

    "ไปไหน...?"

     

    นัยน์ตาสดใสดุจท้องฟ้ากลางฤดูร้อนแฝงแววเอ็นดูเอาไว้ไม่ปิดบังขณะจ้องมองคริส

     

    "ก็มันต้องใช้ลมเล่น..."

     

    มือนั้นกระตุกเบาๆ อีกครั้ง

    เขาก็ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง

     

    สาวเท้าตามเจ้าตัวไป

     

    .

    .

     

    3 Months After Daylight

     

    เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

     

    "นี่ผมเอง..."

    "..."

    "คิลเลียนครับ?"

    "...ว่าไง คริส"

     

    นอกจากคำทักทายแล้ว ก็ไม่มีคำพูดใด

    เพราะยังละอายใจที่ปล่อยคุณไป

     

    ถึงได้แต่ถอนหายใจออกมา

     

    "..."

    "คริส?"

     

    ...

     

    "นี่ผมเอง..."

    "..."

     

    เพราะว่าตื่นตกใจ เลยไม่อาจพูดอะไร

     

    "คิลเลียนครับ?"

    "...ว่าไง คริส"

     

    ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? สบายดีไหม?

    ก่อนจะได้ถามออกไป น้ำตามันก็ไหล

     

    "..."

     

    แค่ได้ยินเสียงหายใจของคุณเท่านั้น

     

    "คริส?"

     

    คิลเลียนใช้หลังมือปาดน้ำตาลวกๆ

    หวังว่าเสียงที่เปล่งออกไปคงไม่เครือสั่น

     

    "มีเวลาเล่นเกมกับผมไหม?"

    "อะไรนะ?"

    "ผมนั่งตัดต่อหนังมาสามเดือนแล้ว ทุกครั้งที่ฉากของคุณโผล่มา ผมเอาแต่คิดถึงคืนนั้น และคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาเสมอ โดยที่ผมตอบไม่ได้เลยว่าทำไม..."

     

    ไม่รู้?

    อัจฉริยะอย่างคริส โนแลนน่ะหรือ?

     

    "ช่วยตอบผมหน่อยได้ไหม"

    "..."

    "อะไรทำให้คนคนหนึ่งรักคุณได้แบบนี้"

     

    อะไร...อย่างนั้นหรือ?

     

    ที่เขาสนใจคือทำไมต่างหาก

    ทำไมยังไม่เลิกไปอีกล่ะ...

     

    ทั้งที่เป็นฝ่ายบอกให้ปล่อยกันไปแท้ๆ

    คนบ้าอะไร...

     

    .

    .

     

    5 Hours Before Daylight

     

     

    "อย่างนั้นแหละ..."

     

    เสียงนั้นเอ่ย

    พอใจยิ่งนัก

     

    ที่ได้พาเขาออกจากโลกงานภาพยนตร์,

    ซึ่งเป็นเหมือนชีวิตทั้งหมดของเขา

     

    หาทางขึ้นมาบนดาดฟ้าโรงแรม,

    ซึ่งแน่นอนว่าห้ามคนทั่วไปขึ้น

     

    ทำให้เขาแหกกฎทุกอย่างของตัวเอง

    โดยเฉพาะกฎเหล็กที่ตั้งไว้ตั้งแต่วันแรก

     

    ระหว่างถ่ายทำจะต้องไม่ตกหลุมรักคนคนนี้

     

    นั่นอาจจะเป็นกฎข้อแรกที่ถูกแหกตั้งแต่ตั้ง

     

    "ลมแรงดีจัง"

     

    คิลเลียนพึมพำ

    มองกังหันที่หมุนติ้วในมือคริส

     

    คนตัวโตกระแอม "ผมเล่นแล้ว... ขอกลับไปทำงานต่อได้ไหม..."

     

    คนเป็นนักแสดงถอนหายใจยาว

     

    "พักผ่อนบ้างเถอะ นี่วันปิดกล้องนะ"

    "กลับไปผมต้องเข้าห้องตัดต่--"

    "ก็เอาไว้ให้ถึงตอนนั้นก่อน" คิลเลียนสวน

    "..."

     

    คริส โนแลนแทบจะดูตัวเล็กลงเมื่อโดนดุ

     

    "ใช้ 'ชีวิต' สักคืนคงไม่ทำให้หนังเสียหายอะไรหรอกใช่ไหม คุณผู้กำกับ"

     

    ใช้ชีวิตน่ะ ไม่มีปัญหาอะไร

    แต่ใช้ 'กับคุณ' น่ะ ผมไม่มั่นใจเลย

     

    มันจะจบลงแบบไหน?

     

    "ครับ..."

     

    คิลเลียนกลับมายิ้มอีกครั้ง

    นัยน์ตาอ่อนโยนลง

     

    ดีครับ

    ก่อนที่เราจะไม่ได้เจอกันอีก

     

    .

    .

     

    2 Years After Daylight

     

     

    กริ๊งงงง

     

    "คริสน่ะค่ะ..."

     

    คริสไหนวะ...?

    อย่าบอกนะ...

     

    คิลเลียนรีบรุดไปหา แลกทารกน้อยในอ้อมอกกับโทรศัพท์ในมือภรรยา ยืนหัวชนฝาคุยกับปลายสาย

     

    "ว่าไงครับ..."

     

    อีกฝ่ายกลับไม่พูดอะไร

    มีแต่เสียงลมหายใจเล็ดลอดกลับมา

     

    "..."

    "คริส?"

    "..."

    "เป็นอะไรรึเปล่า?"

    "..."

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหรอก

    ที่คริส โนแลนทำแบบนี้

     

    แค่โทรมา เงียบ

    ไม่รู้เพื่ออะไรเหมือนกัน

     

    "ถ้าไม่มีอะไร ผมจะวางแล้วนะ..."

    "..."

     

    ...

     

    ไม่รู้ว่าพูดเรื่องอื่นนอกจากหนังได้ไหม

    ถ้าโทรไปคุยไร้สาระจะรำคาญกันหรือเปล่า

     

    แค่อยากได้ยินเสียงลมหายใจ

    ได้แค่นั้นอาจจะมากเกินพอแล้ว

     

    อาจจะมากเกินไปด้วยซ้ำ

     

    เพราะเราต่างสัญญาจะปล่อยกันและกันไป

     

    แต่ไม่รู้ทำไม ครั้งนี้

    แค่เสียงลมหายใจก็ดูจะไม่พออีกแล้ว

     

    "เป็นยังไงบ้างครับ..."

    "ผมเหรอ ก็ดี"

    "แล้วลูกชายคุณล่ะ ผมโทรมากวนเวลาดูแกหรือเปล่า..."

    "ไม่หรอก แกเลี้ยงง่าย"

    "เรา...เจอกันหน่อยได้ไหม"

    "..."

     

    "ผมอยากให้คุณกลับมาเล่นภาคต่อน่ะ..."

     

    ข้ออ้าง

    ข้ออ้างทั้งเพ

     

    แต่ไม่สำคัญหรอก

    ขอแค่เราได้เจอกันอีก

     

    สักครั้ง...ก็ยังดี

     

    .

    .

     

    4 Hours Before Daylight

     

     

    นอกจากเล่นกังหันลมแล้ว

     

    คริสได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ

    ได้ไปในสถานที่ที่ไม่เคยเยือน

     

    ทั้งหมด,

    เพราะเจ้าตัวเล็กที่ลากเขาไปโน่นไปนี่

     

    ด้วยมือที่ไม่รู้ว่านิ่มแค่ไหน

    เพราะดึงแต่ชายเสื้อโค้ทอยู่ตลอดเวลา

     

    น่ารักชะมัด...

     

    "เคยกินเกาลัดข้างทางไหม?"

     

    คริสสั่นศีรษะ "เขาขายกันดึกป่านนี้?"

    "ถามว่าไม่ขายตอนไหนดีกว่า"

     

    คิลเลียนหัวเราะ ลากเขาไปหน้าแผงลอย

    สั่งเกาลัด หันมาแบมือ "ขอตังค์หน่อย"

     

    เขาหย่อนธนบัตรที่ควานได้ในกระเป๋าเสื้อ

    เจ้าตัวทำตื่นเต้น "ใจป้ำจังนะครับ"

     

    อ้อนแบบนี้ ให้เลี้ยงทั้งชีวิตยังได้...

     

    "อ้าปาก"

     

    ไม่รู้ทำไมต้องทำตามที่สั่งด้วยนะ

    แต่เขาก็อ้าปาก

     

    แล้วเกาลัดร้อนๆ ก็ลอยเข้ามา

    ลิ้นแทบพอง ให้ตายเถอะ

     

    คริสแก้มแดง น้ำหูน้ำตาไหล

    จะบ่นก็ไม่ได้ อมเกาลัดอยู่

     

    เจ้าตัวร้ายตรงหน้าน่ะปิดปากไว้ไม่ให้คาย!

     

    "อะไรนะ ร้อนเหรอ"

     

    ถามเย้ย พลางหัวเราะร่า

    น่าตีจริงๆ

     

    แต่ว่านะ คุณครับ ทำแบบนี้ไม่ดีเลย

     

    "ไม่ร้องนะ...ฮ่าๆ"

     

    มือที่กระตุกเสื้อลากไปโน่นไปนี่อยู่นาน

    ตอนนี้ประกบแก้มขาวๆ ของหมีตัวโต

     

    ปลอบคนโดนแกล้ง

     

    นิ่มกว่าที่คิด

    รุนแรงกับหัวใจกว่าที่คาด

     

    "ไม่เป็นไรแล้วละ..."

     

    คริสกระซิบ

    คิลเลียนจึงปล่อยมือ

     

    "และ...อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ"

     

    ถ้ายังทำแบบนี้

    มันอาจไม่มีวันจบเลยก็ได้

     

    .

    .

     

    6 Years After Daylight

     

    ไกลกัน อาจต้องร้าวรานเพราะความคิดถึง

    แต่ใกล้กัน ก็มีความเจ็บปวดที่ต่างออกไป

     

    "..."

     

    แสงแฟลช นักข่าว ผู้คนหนาตาบนพรมแดง ไม่ใช่สภาพแวดล้อมที่เขาหรือคริส โนแลนถนัดจะเข้าไปอยู่ ไม่เคยใช่ และมันยิ่งน่าอึดอัดใจ เพราะแม้ว่าตลอดมาการพูดคุยหยอกล้อจะทำได้สนิทใจเป็นปกติ

     

    แต่การสัมผัสเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    คริสเคยกลัวการแตะเนื้อต้องตัวคิลเลียน

     

    ไม่รู้ว่าตอนนี้...

     

    การที่ทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่เอเลน เพจกั้น

    มันเหมือนโชคชะตาได้กลั่นแกล้ง

     

    "ยิ้มหน่อยครับ ทุกคน"

     

    เขาฉีกยิ้ม โอบไหล่เอเลน

    มือของคริสล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง

     

    นัยน์ตากลมโตเหลือบมอง

    สีหน้าของผู้กำกับดูปกติดี

     

    เขาลอบถอนหายใจ

    ลดระดับมือลงมาที่เอวนักแสดงสาว

     

    "...!"

     

    จังหวะเดียวกัน,

    แขนของใครอีกคนพาดไขว้ทับลงมา

     

    คริส...

     

    อีกฝ่ายอาจจำยอมทำโดยมารยาท

    แต่มือข้างนั้นก็ยังเกร็งจนรู้สึกได้

     

    ทั้งที่ผ่านมาหลายปีแล้วเนี่ยนะ

     

    ไม่รู้วิธีเดินออกจากคืนนั้นจริงๆ ใช่ไหม

     

    .

    .

     

    3 Hours Before Daylight

     

    "ไม่ได้จริงๆ เหรอ..."

    "ไม่ครับ"

     

    คริสยังคงตอบกลับอย่างสุภาพ

    ความสุภาพที่คิลเลียนชักรำคาญ

     

    "หลายเดือนที่ผ่านมานี่มันไม่มีความหมายอะไรเลยหรือยังไง..."

     

    คนตัวเล็กหยุดยืนที่กึ่งกลางสะพาน

    ด้วยเวลา จึงแทบไม่มีรถ

     

    มีแต่คนสองคนที่ติดอยู่ในคืนสุดท้าย,

    ด้วยกัน

     

    "ส่งมือมา"

     

    คริสส่ายหน้า ยืนนิ่ง กอดอก

    เป็นครั้งแรกที่เขาขัดใจคิลเลียน

     

    "ทำแบบนี้ไปทำไม?"

    "ก็คุณกลัวอะไรล่ะ?"

     

    ปากแดงๆ ยิงคำถามย้อนกลับมาทันควัน นัยน์ตากลมโตดุจพระจันทร์เต็มดวงนั่นก็จ้องลึกราวกับจะไม่มีวันหยุดค้นหาคำตอบ

     

    "ยังต้องถามอีกเหรอ..."

     

    ยิ่งเขาถอยหลัง คิลเลียนยิ่งก้าวไล่

     

    ไม่รู้หรือไงว่าตลอดหลายเดือนที่ถ่ายหนังเรื่องนี้ด้วยกัน คุณได้ทำให้ผมหลงหัวปักหัวปำจนแทบเป็นบ้าอยู่นี่

     

    หลง จนไม่กล้าเข้าใกล้

    รัก จนไม่สนิทใจจะแตะต้อง

     

    กลัวทุกอย่างจะพังทลาย

    กลัวคุณจะไม่เข้าใจ

     

    "ก็ผมไม่เข้าใจ"

     

    คิลเลียนก้าวไล่เข้าไปอีก

    ก่อนนัยน์ตาจะเบิกกว้างขึ้น

     

    เมื่อครั้งนี้ คริสไม่ได้ถอยหนี

    เป็นเขาเองที่ตกใจจนผงะ

     

    "งั้นถ้าแบบนี้ล่ะ..."

     

    คนตัวโตโอบรัดรอบเอวบาง ประคองร่างเล็กๆ นั้นไว้ก่อนจะหงายหลังล้ม โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จนปลายเส้นผมสีอ่อนเกลี่ยดั้งจมูกสวยรั้น

     

    จนริมฝีปากอุ่นละมุนเคลื่อนต่ำลงสัมผัส...

     

    .

    .

     

    12 Years After Daylight

     

    แม้ไม่เคยสัมผัสกันตรงๆ อีก

    แต่ความอบอุ่นของคริสก็แผ่มาถึงเสมอ

     

    บางครั้งก็มาในรูปของชา...

     

    หลังจากหาผ้ามาห่มให้

    แบร์รี่(จอร์จ)ก็ส่งชาตามมา

     

    เขา(ทหารสั่น)ปัดทิ้งไปตามบท

     

    นั่นถ้วยแรก

     

    "เรืออู...มันเป็นเรืออู"

    "เอาชาให้เขาอีก จอร์จ" ทอม(พีเทอร์)ว่า

     

    นั่นถ้วยสอง

     

    ทอม(พีเทอร์)เปิดประตูห้องเก็บของ

    เขา(ทหารสั่น)เดินเข้าไปด้านใน

     

    "เดี๋ยวผมเอาชามาให้อีก"

     

    สามละนะ พอไหม

     

    แล้วแต่ละถ้วยหลุดกี่เทคก็คูณเข้าไปสิ

     

    "หนาวหรือเปล่า..."

     

    คริสถามช่วงพัก น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยน

    คิลเลียนแทบไม่รู้สึกต้องการผ้าห่มเพิ่ม

     

    "นิดหน่อย"

     

    เขากระซิบ กระชับผ้าคลุมที่ใช้ห่มในฉากแน่นเข้า ชุดทหารเปียกๆ กำลังทำให้หนาวสะท้าน ชาร้อนๆ หลายถ้วยที่จิบไปตอนแสดงไม่ช่วยอะไรเท่าไร

     

    และขอบคุณที่คริสไม่ได้เสนอชาของตน

    สิ่งสุดท้ายที่ต้องการตอนนี้คือชาอีกหยด

     

    จะว่าไป อีกฝ่ายก็ใช้ตัวละครในบทที่ตนเขียน แวะเวียนกันเอามาเสิร์ฟแล้วนี่นะ

     

    "..."

     

    จู่ๆ กระติกชาในมือใหญ่ก็แปะเข้ามาที่แก้ม

    ความอบอุ่นแผ่ซ่านลุกลามไปทั่วใบหน้า

     

    คริสกลั้นขำ

    แก้มหมีขาวแทบปริ

     

    คิลเลียนมอง

    ครุ่นคิด

    ด่า

     

    "ช่วยได้มากเลยมั้ง!"

     

    และหัวเราะ

     

    ที่จริง...แค่คุณถามด้วยน้ำเสียงแบบนั้น

    ก็อุ่นกว่าชาทุกถ้วยที่ดื่มไปรวมกันแล้ว

     

    .

    .

     

    2 Hours Before Daylight

     

    จนริมฝีปากอุ่นละมุนเคลื่อนต่ำลงสัมผัส...

     

    ...หลังมือของตนเอง

    ที่ยกขึ้นปิดปากสวยๆ นั้นไว้

     

    "อย่าบังคับให้ผมทำแบบนี้เลยนะ..."

     

    เจ้าตัวไม่มีท่าทีงุนงง

    เข้าใจชัดแจ้งด้วยซ้ำว่าพูดถึงอะไร

     

    เจ้าตัวร้ายวางแผนไว้แต่แรกจริงๆ ด้วย

     

    คริส โนแลนปล่อยคนตัวเล็กเป็นอิสระ

    แต่คิลเลียนยังอ้อยอิ่งอยู่ในระยะลมหายใจ

     

    เขาได้แต่เสหน้าหนี

     

    "ผมแต่งงานแล้ว คุณก็กำลังจะแต่ง..."

     

    ยังจำน้ำเสียงดีใจของคุณตอนบอกผมได้

    ยังจำเสียงหัวใจตัวเองแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้

     

    เพราะคำที่ผมอยากได้ยิน

    คือคุณก็รู้สึกเหมือนกันกับผม

     

    "เราทำตัวดีมาตลอดรอดฝั่งแล้ว..."

     

    แม้ระวังทุกฝีเก้า ทุกการกระทำ ทุกคำพูด

    แต่ในทุกแววตา ทุกน้ำเสียง ยังรู้กันอยู่ดี

     

    "..."

     

    คิลเลียนในตอนนี้ เงียบลงจนน่ากลัว

    ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าคนช่างพูดหมดคำพูด

     

    แต่แบบนี้คงดีกว่า

     

    จนนิ้วเล็กๆ เริ่มเกาะแกะปลายแขนเสื้อ...

    สูทสีดำตัวเก่า ตัวที่อีกฝ่ายใส่เป็นประจำ

     

    หรือจะเป็นคนละตัวกับตัวนั้นนะ?

    ก็ที่ใส่ทุกวันมันเหมือนกันหมดเลยนี่นา

     

    เสื้อกั๊กสีเทาข้างใน ที่จริงก็มีมากกว่าหนึ่ง

    กระดุมรึปกต่างนิดเดียว เลยดูเหมือนๆ กัน

     

    ปลายนิ้วมนเริ่มเกี่ยวเข้าไปด้านใน...

     

    เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนตัวที่เห็นจนชินตา

    เหมือนซื้อยกโหล แต่ละตัวจะยับคนละจุด

     

    กางเกงน่าจะมีหลายสีที่สุดแล้ว

    เบจ กากี เทา ดำ วันนี้เป็นสีเบจ

     

    ผ้าพันคอหายไปไหนนะ?

     

    อ้อ... เจ้าของเพิ่งสละให้เขานี่นา

     

    "ผม..."

     

    ชู่ววว

    คริสปราม

     

    ยกนิ้วชี้ --จากมือที่เขาเกือบแตะได้สำเร็จ-- ขึ้นจรดริมฝีปาก แล้วเอ่ยห้าม

     

    "ไม่ว่าคุณคิดยังไง อย่าบอกผมเลย..."

     

    ไม่ว่ารักหรือไม่ มันไม่สำคัญอีกแล้ว

    หลังจากคืนนี้ ความสัมพันธ์นี้ต้องสลายไป

     

    เหมือนลมหายใจหนึ่งที่ถูกโปรยทิ้ง

     

    "ทุกคำพูด สัมผัส หรือ...จูบ... ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ มันอาจไม่มีวันหยุด..."

     

    ปล่อยผมไปเถอะ

    ผมเอง...ก็จะปล่อยคุณไปเช่นกัน

     

    "คริส..."

     

    หมายถึง...พยายามน่ะ

    จะทำให้ได้ในสักวัน

     

    แต่เดาว่าคงไม่ใช่วันนี้

     

    "...ยังเหลือเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้นนะ"

     

    ก็ถ้ารักคือความเจ็บปวด

    งั้นคืนนี้...เรามาเจ็บไปด้วยกันเถอะ

     

    .

    .

     

    13 Years After Daylight

     

    เดาว่าเขาไม่เก่งเรื่องเดินออกจากความสัมพันธ์เท่าไร

     

    ดูเหมือนสักวันที่ว่านั่น

    ยังมาไม่เคยถึงสักที

     

    "ว่างคุยรึเปล่า"

    "ก็ไม่ค่อยมีอะไรทำนักหรอก"

     

    คิลเลียนตอบตามตรง

    กับปลายสายที่ไม่มีโทรศัพท์

     

    แต่ชอบโทรมา

     

    "เรื่องหนังหรือทั่วไปล่ะคราวนี้"

     

    เอาจริงก็ไม่น่าถาม

     

    ตั้งแต่ได้รับอนุญาตว่าไม่ใช่เรื่องหนังก็โทรมาได้ ก็ไม่เคยจะโทรมาเรื่องหนังสักที

     

    "เรื่องหนัง...แบบทั่วไปน่ะ..."

    "หืม?"

    "อินเทอร์สเตลลาร์..."

    "อ้อ..."

     

    ทวงที่สัญญาจะเล่าให้ฟังสินะ

     

    "สรุปว่ายังไงครับ"

    "อือ ดูแล้วร้องไห้เลย"

    "เพราะผมไม่ได้เชิญคุณมาเล่น?"

     

    คริสเอ่ยกลั้วหัวเราะ

    แต่คิลเลียนกลับจริงจัง

     

    "เพราะคุณเชิญผมไปเล่นโดยที่ผมไม่รู้ต่างหาก..."

    "..." โดนจับได้แล้วสิ

    "มันไม่ได้มาจากกฎของเมอร์ฟีหรอกใช่ไหม..."

    "...ครับ"

    "แล้วคูเปอร์? ตัวซี?"

     

    นี่แค่เดานะ อาจจะโยงไกลไปหน่อย

    แต่...

     

    "นั่นก็ด้วย..."

     

    คุณนี่มันจริงๆ เลย

     

    "2017 แล้วนะ..."

    "หืม?"

    "เลิกเขียนจดหมายรักได้หรือยัง ฮึ?"

     

    จดหมายรัก ถ้าไม่รัก ก็คงไม่เขียน

    ถ้าเลิกรักคุณได้เมื่อไร ก็คงเลิกเขียนไปเอง

     

    "ก็...อาจจะตอนที่เลิกทำหนังก็ได้"

     

    .

    .

     

    1 Hour Before Daylight

     

    "ตอนสำรวจหาที่ถ่ายทำ เราเจอตึกนี้ สุดท้ายไม่ได้ใช้ แต่ผมจำได้ติดตาว่าดูพระอาทิตย์ตกสวยมาก..."

     

    พระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ก็คงงดงามไม่แพ้กัน

     

    โลกรอบตัวยังคงมืดสนิท ทั้งเมืองยังคงเงียบสงัด อีกไม่นานแสงทองคงเริ่มพลิกตัวขลิบขอบฟ้าเพื่อกลับกลางคืนเป็นกลางวัน แต่ช่วงเวลานี้ที่เงารัตติกาลและจันทรายังครอบงำ ทั้งคู่จะยังได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน

     

    เจ็บปวดด้วยกัน

    กับคำว่าคืนสุดท้าย

     

    "ลมเย็นดีจริง..."

    คริสมอง "คุณจะไม่สบายเอาน่ะสิ"

    "กังหันอยู่ไหนแล้ว"

    "ทิ้งไปแล้ว..."

     

    เขาว่า ถอดสูทลำลองตัวนอกออกมา

    ตาคู่สวยก็มีประสิทธิภาพสมความกลมโต

     

    "ไปหัดโกหกมาใหม่"

     

    มือซนๆ แฉลบคว้าของเล่นกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทได้ทัน ก่อนที่มันจะห่มทับลงมาบนตัวเขา

     

    คริสสั่นศีรษะ ยิ้มน้อยๆ

    ให้กับเด็กที่ชูกังหันรับลมเล่น

     

    กังหันโง่ๆ ที่เจ้าตัวทำจากกระดาษเหลือใช้ ในกองโมเดลงานสร้างหนังของเขา

     

    "ถ้าหมดคืนนี้ ก็ควรทิ้งไปจริงๆ นะ"

     

    คิลเลียนพึมพำ

     

    "ถ้ามันยังอยู่ให้เห็น อาจจะแปลว่าผมอยากย้อนเวลากลับมาคืนนี้ก็ได้"

     

    มันอาจเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำเดียว

    ที่หลงเหลือข้ามกาลเวลาไปจากคืนนี้

     

    "งั้นเผาทิ้งตอนนี้เลย" อีกฝ่ายแหย่

    "ใจร้ายจัง"

    "..."

     

    คุณต่างหาก, คนใจร้าย

    คนที่หยุดทุกอย่างก่อนมันจะเริ่มจริงๆ

     

    แต่ก็...ทำไงได้ล่ะเนอะ

    ยังไงเรื่องนี้มันก็ผิด

     

    คิลเลียนเอนหลังพิงกำแพง

    ข้างๆ คริส

     

    "อีกนานไหมกว่าอาทิตย์จะขึ้น"

    "ไม่ถึงชั่วโมงล่ะมั้ง...ง่วงเหรอ?"

    "งือ..."

    "งีบรอก็ได้ เดี๋ยวปลุก..."

     

    คิลเลียนย่นจมูก

    เสียบกังหันไว้ที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีฟ้า

     

    "เข้าใจนิยามคำว่าอยู่ด้วยกันไหมเนี่ย"

    คริสหลุดขำ "ผมไม่ได้อยากดูหรอกนะ"

    "..."

    "ไม่อยากให้มันขึ้นมาด้วยซ้ำ..."

     

    ทรมานเหลือเกิน

    การนับถอยหลังเพื่อจบความสัมพันธ์นี้

     

    ทำเพื่อใครกันนะ? ครอบครัว?

    เพื่อทุกคนจะไม่ต้องเจ็บปวดใช่ไหม

     

    ทุกคน, ยกเว้นแค่เรา

     

    "ผมไม่เคยชอบความมืดเลย..."

     

    ในฐานะผู้กำกับ เขาชอบกลางวันมากกว่า

    ถ้าหมดแสงของวัน ก็มักจะถ่ายต่อไม่ได้

     

    "แต่ตอนนี้ มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมต้องการ..."

     

    เพราะถ้าแสงวันใหม่ฉายส่องมาเมื่อใด

    ก็ถึงเวลาต้องจากกันแล้วจริงๆ

     

    "คริส หยุดพูด..."

    "..."

    "...แล้วกอดผมสักครั้งได้ไหม..."

     

    .

    .

     

    Nowadays, After Daylight

     

    "นึกยังไงถึงชวนออกมาวันนี้"

     

    คิลเลียนถาม น้ำเสียงสบายๆ ตามประสา

    นัยน์ตาสีฟ้าเย็นยะเยือกราวน้ำค้างแข็ง

     

    หนาวหรือเปล่า...ขอโทษนะ

     

    "คุณเคยบอกไว้ว่าโทรได้...ผม..."

    "ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย น่ารักดีที่ไม่ได้โทรมาเพราะเรื่องหนัง"

     

    เราอาจสนิทกันมากขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านผัน แต่มันกลับดูเหมือนจะไม่ได้มีความหมายอะไร

     

    ผมอาจจะดูเย็นชาขึ้นทีละนิดในทุกวัน

     

    จนคุณคิดว่าผมเลือนรางห่างไปแสนไกล

    แต่ที่จริงผมก็ยังไม่อาจเดินออกจากตรงนั้น

     

    จากคืนนั้น

     

    “ลูกๆ คุณเป็นยังไงบ้าง” ผู้กำกับชวนคุย

    ยกชาขึ้นจิบ “คนโตสิบสองแล้วใช่ไหม…”

     

    “ใช่…” คิลเลียนตอบ ก่อนคิ้วเรียวสวยจะค่อยๆ เลิกสูง “คุณจำได้ยังไง”

     

    “ผมจะลืมได้ยังไง”

    “…”

    “เรารู้จักกันมาสิบสามปี สี่เดือน สองสัปดาห์ หกวันแล้ว…”

    “คริส…”

     

    คิลเลียนได้แต่นิ่งงัน

    ตั้งสติ

     

    ก่อนหน้ากากที่ซ่อนทุกอย่างไว้...

    จะแตกกระจายไม่เหลือดี

     

    เพราะอย่างที่คุณว่า

    อะไรที่เกิดขึ้น อาจไม่มีวันจบ

     

    "รู้ใช่ไหมว่าผมรักคุณ คริส"

     

    คิลเลียนกระซิบ...หวานสุดเท่าที่เคยเอ่ย

    มือเยียบเย็นกระชับจับข้อแขนใต้เสื้อโค้ท

     

    รู้ดีว่าการสัมผัสมือคริสตรงๆ นั้นต้องห้าม

     

    "..."

     

    คริส โนแลนทำได้เพียงยิ้มใจดีตอบ

    ปล่อยเขาตบเบาๆ ปลอบโยนบนข้อมือ

     

    รู้ใช่ไหมว่าผมเองก็เสียใจ

    ที่ต้องพูดมันออกมา

     

    "แค่ไม่ใช่ในแบบนั้น..."

     

    ไม่ใช่...อีกต่อไปแล้ว

     

    นั่นคือสิ่งที่พร่ำบอกตัวเองทุกวัน

    ทั้งที่ข้างในมันก็ไม่เคยแน่ใจ

     

    แต่อาจเพราะเป็นนักแสดง

    เลยเสแสร้งเก่งกว่าคุณก็ได้

     

    "แล้วรู้ใช่ไหมว่าผมก็เคย..."

     

    คริสพยักหน้า, ยังเป็นเช่นเดิม

    ปกป้อง, ไม่ยอมให้เขาพูดคำที่ลำบากใจ

     

    ถ้าไม่เคยคิดอะไร

    วันนั้นคงไม่ลากคุณออกไปท่องราตรี

     

    คงไม่จำเสื้อผ้าไม่กี่ตัวที่คุณชอบใส่

    คงไม่คอยแกล้งคุณอย่างที่ไม่มีใครกล้าทำ

     

    เพราะคิดว่าเป็นโอกาสสุดท้าย

    จึงได้คว้าคืนนั้นไว้โดยไม่คิด

     

    ใครจะรู้ล่ะ,

    ว่าจะโดนเหนี่ยวรั้งไว้ถึงทุกวันนี้

     

    วินาทีที่ลากคุณไปทั่วเมืองเพื่อบอกลา

    ไม่เคยรู้เลยว่าจะถูกลากกลับมาเพื่อบอกรัก

     

    ซ้ำๆ

    ตลอดสิบสามปี

     

    "อา...ต้องไปแล้ว"

     

    เอ่ยข้อแก้ตัวงี่เง่า

    หลังชะโงกหน้าไปมองนาฬิกาอีกคน

     

    เขาไม่เคยพกเอง

    และรู้ว่าคริสยึดติดกับเวลาเสมอ

     

    "ยังไงก็รอรับโทรศัพท์คุณอยู่นะ"

     

    คิลเลียนเอ่ยอย่างใจดีผิดปกติ

    ราวกับมันจะชดเชยอะไรได้

     

    "ขอบคุณครับ"

    "...จะโทรมาหายใจทิ้งก็โอเค"

     

    เมื่อก่อนที่คุณชอบโทรมาฟังผมหายใจ

    ก็ติดฟังเสียงคุณหายใจไปพักนึงเหมือนกัน

     

    "แต่ถ้ามีงานมาให้จะดีกว่าสินะ..."

     

    คริสเอ่ยแซว คิลเลียนหัวเราะ

    สวมเสื้อโค้ท ลุกขึ้น หมุนตัว

     

    ได้ครึ่งนึง... หมุนตัวกลับ

    คลายผ้าพันคอออกมา...

     

    "จะได้มีลายใหม่ใช้ไปสักพัก..."

     

    พันมันเข้ากับคอของคุณผู้กำกับที่ยังงงๆ

    ปกติเจ้าตัวใช้ผ้าพันคอที่ไหน?

     

    ทำอย่างกับ... พกมาเป็นพิเศษ

     

    "ไว้เรื่องหน้าเอามาคืนผมแล้วกัน"

     

    ยิ้ม

     

    ถ้าคุณยังเขียนจดหมายรักอยู่ละก็

     

    ...

     

    บางครั้งนะ

    แค่บางครั้ง

     

    ผมก็คิดว่าเราไม่เคยตั้งใจจะปล่อยกันและกันไปอย่างที่พูดจริงๆ เลยสักที

     

    .

    .

     

    Daylight

     

     

    "ไม่ได้หรอก..."

     

    แค่กอดก็ไม่ได้เหรอ

    ใจร้าย

     

    "ทำไมล่ะ"

    "...มากเกินไป"

     

    บางอย่างดูสวยที่สุดเวลาอยู่ไกล

    เหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังรอนี่ไง

     

    ใกล้ไป คงหลอมละลายในความเจิดจ้า

    ใกล้ไป คงทำลายตัวเองจนไม่อาจเยียวยา

     

    มองจากตรงนี้...คงจะดีที่สุดแล้ว

     

    "ขอเพราะหนาวหรอกนะ..."

     

    คิลเลียนพึมพำ ปากสั่นจริงๆ

    คริสได้แต่ส่งยิ้มเอ็นดูให้

     

    มองเด็กน้อยที่คุยๆ กันอยู่ก็หลับไปเฉยๆ

     

    เวลาหลับนี่ก็ดูไร้พิษสงดี...

     

    "..."

     

    คริสหัวเราะในลำคอเบาๆ

     

    ก่อนเส้นแสงทองเจือจางจะค่อยๆ พลิ้วตัวปลดปล่อยเรือนร่างจากกลีบเมฆ เชื่องช้า...ทว่างดงามในทุกขณะเคลื่อนไหว เงียบสงบสง่างามจนไม่อาจละสายตา แผ่วหวานหากทรงพลังแทรกลึกซึมเข้าไปในจิตไม่แพ้ลมหายใจของคนข้างกาย...

     

    ที่ศีรษะเริ่มเอนตกลงมาซบไหล่ของเขา

     

    ความสมบูรณ์แบบอันแสนงดงาม

    ซึ่งกำลังจะกลายเป็นแค่ความทรงจำ

     

    ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น

    ดวงดาราเริ่มมอดดับ

     

    ใครก็ได้ช่วยชะลอทุกอย่างลงที

     

    "คริส..."

     

    ความอบอุ่นของแสงตะวันคงปลุกให้ตื่น

    คิลเลียนไม่ได้สนใจจะยกศีรษะขึ้นเลย

     

    "ยัง...อีกนิด" คริสกระซิบ

     

    ลำแสงสีเหลืองอ่อนกับสีส้มเริ่มมาสมทบ

    ตามด้วยสีชมพูเจือจางแทรกซึมบางเบา

     

    ความเจิดจ้าบาดตาบอกให้รู้ว่ามันมาแล้ว

     

    วันใหม่

    จุดจบ

     

    เมื่อนั้น เขาจึงตั้งศีรษะไว้บนคอตนตามเดิม

     

    ขอจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ

     

    "มองอะไร..."

    "อาทิตย์ขึ้น"

    "อาทิตย์ขึ้นทางโน้น..."

    "ผมมองอาทิตย์ขึ้นในพระจันทร์..."

     

    สายตาของคริสไม่สนดวงแสงของวันใหม่ซึ่งกำลังเปล่งรัศมีเรียกความสนใจเต็มที่นั่นเลย มองแต่เพียงเงาสะท้อนดวงเล็กๆ ที่ทอดตกลงมาในดวงตาคู่กลมโตราวพระจันทร์เต็มดวงของคิลเลียนเท่านั้น

     

    มันงดงามกว่าเป็นไหนๆ

     

    "สุดท้ายแล้วสินะ..."

     

    แม้เมื่อภาพยนตร์ตัวนี้เสร็จ จะต้องมีงานเดินสายโปรโมท พรมแดง แถลงข่าวตามมาอีกมากมาย แต่ยังไง นี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายที่จะทำอะไรตามใจแบบนี้ด้วยกัน

     

    ได้รัก,

    ต่อให้เพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น

     

    ทว่ากลับไม่มีใครปฏิเสธ

     

    "แต่คริส..."

    "...?"

     

    คิลเลียนยิ้มบาง

     

    "ทุกวันยังมีอาทิตย์ดวงใหม่ขึ้นอยู่เสมอนะ"

     

    อาจไม่ใช่ดวงเดิม

    แต่คงสวยงามพอแทนกันได้

     

    อาจไม่พบกันในฐานะเดิม

    แต่คงมีค่าพอจะหล่อเลี้ยงความทรงจำเก่าๆ

     

    หรือสร้างความทรงจำขึ้นมาใหม่

     

    "นั่นสิครับ..."

     

    บางทีนะ, แค่บางที ในอีกหลายสิบปี

    เราอาจยังวนเวียนอยู่ด้วยกันไปอย่างนี้

     

    คริสยิ้มตอบ

     

    บางทีทุกอย่างอาจไม่ได้ถูกกำหนดมาให้มีวันจบแต่แรกแล้ว

     

    ไม่ว่าเราจะเริ่มมันหรือไม่ก็ตามที

     

    "ลาก่อน...คริส"

     

    .

    .

     

    "คุณคงใช้เบอร์เดิมอยู่นะ"

    "ถามทำไม คุณคนไม่มีโทรศัพท์"

    "งั้น...ไว้จะเขียนจดหมายหานะครับ"

    "...?"

     

    .

    .

     

    ตั้งแต่วันนั้น,

     

    คริสโตเฟอร์ โนแลนก็เริ่มเขียนจดหมายรัก

     

    ที่ราคาแพงที่สุดในโลก

     

     

    __________

    ปล. ใครว่างมาก อ่านจบแล้ววนกลับไปอ่าน What Makes A Man อีกรอบจะพีคมาก มันต่อกันเป็นงูกินหางพอดี T[]T

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in