เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Murderous Hand (DToL Omegaverse AU)piyarak_s
Chapter 14 : Confession
  • (14)

    “คุณหมอสงสัยมาตั้งแต่แรกเลยหรือครับว่า คลาร่า พ็อตต์น่าจะเป็นคนฆ่าเจมส์ พ็อตต์” ผมถาม ดร. ฟอล์กเนอร์ระหว่างรอให้ลาซานญาเนื้อกับฟิชพายในเตาอบได้ที่ ด้วยประเด็นที่เราคุยกันค้างอยู่ตั้งแต่ออกจากบ้านไปซื้ออาหารเย็นแบบกึ่งสำเร็จรูปที่ซื้อกลับมาจากตู้แช่ของมาร์กแอนด์สเปนเซอร์ซิมเพิลใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินกลับมา


    “มีความน่าจะเป็นมากที่สุดน่ะครับ ถ้าลองคิดจากข้อมูลการชันสูตรศพของเจมส์ พ็อตต์” เขาตอบ ยกถาดผักย่างที่อุ่นเรียบร้อยแล้วและสลัดมะเขือเทศกับชีสมอสซาเรลล่าไปตั้งที่โต๊ะ “แล้วก็ตรงกับผลการสืบสวนของตำรวจพอดี”


    หน้าที่ของแพทย์นิติเวชแสวงสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย แต่การแสวงหาตัวผู้กระทำผิดเป็นหน้าที่ของตำรวจ ในหน้าที่การงาน เราปรึกษากัน แต่ไม่ก้าวก่ายงานของกันและกัน ไม่เหมือนกับในนิยายสืบสวนหลายเรื่องที่แพทย์นิติเวชจะกระโดดลงสนามไปหาตัวผู้กระทำความผิดด้วยตนเอง สิ่งที่เราพูดกันในเวลานี้ เป็นความเห็นส่วนตัวที่นำไปใช้ในทางคดีไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือมาสนับสนุน


    “แล้วความเกี่ยวข้องระหว่างมิสซิสพ็อตต์กับเซอร์เอ็ดเวิร์ดล่ะครับ” เขาถามต่อ พลางเปิดกาแบร์เนต์ โซวินญง ไวน์แดงที่เข้าคู่ได้กับทั้งกับเนื้อและปลา และรินใส่แก้วสองใบ สำหรับตัวเขาเองกับผม ไม่มีพิธีรีตรองอะไรเป็นพิเศษว่าอะไรควรกินก่อนหลัง ในเมื่อมีเราอยู่กันแค่สองคน “เธอบอกตำรวจว่ายังไงบ้าง”


    “เธอบอกว่า เธอเคยทำงานให้กับเซอร์เอ็ดเวิร์ด ยอมรับเรื่องที่เคยมีความสัมพันธ์กันมายาวนานในฐานะคู่นอนเป็นครั้งคราว เพราะเธอรับมือกับเขาในช่วงรัทได้ดีกว่าคนอื่น แต่เซอร์เอ็ดเวิร์ดไม่เคยมีอะไรกับเธอในช่วงฮีท ทั้งสองคนไม่เคยบอนด์กัน เป็นข้อตกลงที่ทำให้เขาไว้ใจเธอและให้เธออยู่ใกล้ชิดกับเขามากกว่าคนอื่น ๆ”


    ดร. ฟอล์กเนอร์หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารในครัว ท่าทางของเขาดูครุ่นคิด แต่ยากเกินไปสำหรับผมที่จะคาดเดาความรู้สึกของเขาตอนนั้น


    “เท่าที่ผมรู้ เซอร์เอ็ดเวิร์ดยังโสด ไม่เคยมีข่าวเรื่องมีคู่บอนด์เป็นตัวเป็นตนเลยสักครั้ง”


    คำบอกเล่านั้นก็ทำให้เขาเงยหน้าจากแก้วไวน์ขึ้นมามองผม มือข้างหนึ่งของเขาเผลอกุมข้อมือข้างที่ถือแก้วไวน์อยู่ แล้วลูบเบา ๆ อย่างลืมตัว และท่าทีนั้นของเขาทำให้ผมแน่ใจว่า เขากำลังนึกถึงคนที่อยู่ในบทสนทนาของเราในเวลานี้


    ในเช้าวันที่เราพบกันครั้งแรก ทั้งตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันและผละออกจากกัน ผมแน่ใจว่าที่ด้านหลังคอ บนลำคอ หลัง ไหล่ของเขาไม่มีร่องรอยของการขบกัด ซึ่งเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของโดยอัลฟ่า แต่อาการตื่นกลัวการจู่โจมอย่างกะทันหันจากอัลฟ่าของ ดร. ฟอล์กเนอร์ และท่าทางเหมือนหมาในรางหญ้าของเซอร์เอ็ดเวิร์ด ย้ำว่าความสัมพันธ์ที่ปราศจากความยินยอมของฝ่ายโอเมก้าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้น


    “เขาเคยพยายามบอนด์กับผม แต่กับคนอื่น ผมไม่ทราบจริง ๆ และเท่าที่รู้ เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะบอนด์กับใครง่าย ๆ ถ้าไม่มีเป้าหมายหรือผลประโยชน์อะไรสักอย่างที่คุ้มค่าพอที่จะลงทุน การที่เขายอมปล่อยผมมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่คุ้มค่ากว่าเหมือนกัน”


    นี่เป็นเรื่องส่วนตัวเรื่องแรกที่ผมได้ยินจากปากของเขา แม้ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานของเราอยู่บ้างก็ตาม และเรื่องที่ผมได้รับรู้ ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดเปิดอกกับคนแปลกหน้าหรือคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานอย่างตรงไปตรงมามากนัก แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะพูดมันออกมา


    โทเบียส ฟอล์กเนอร์ขบริมฝีปาก เหมือนไม่แน่ใจว่า แท้จริงแล้ว สิ่งที่เขาบอกกับผมเมื่อครู่นี้เป็นสิ่งที่เขาสมควรพูดออกมาหรือไม่ แต่เมื่อเขาเหลือบตาขึ้นสบตากับผม ผมได้ยินเสียงเขาถอนใจแผ่วเบาแต่เนิ่นนาน เหมือนโล่งใจที่ผมไม่มีปฏิกิริยาทางลบและเขาไม่ได้ตัดสินใจผิด


    ผมวางมือลงบนบ่าของเขา ลูบเบา ๆ ก่อนลากเก้าอี้ที่โต๊ะมานั่งข้าง ๆ ส่วนเขาวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะ และยิ้มให้แทนคำขอบคุณที่ผมพร้อมจะรับฟังสิ่งที่เขาอยากบอก


    ในเวลานี้ เราสองคนเป็นทั้งคนแปลกหน้าและคนใกล้ชิด เราอาจเป็นคู่แท้แต่ก็เป็นคู่แท้ที่ยังต้องเรียนรู้กันและกันอีกมาก และเผื่อใจเอาไว้ว่า เราอาจเข้ากันไม่ได้ และอาจเป็นเพื่อนได้ดีกว่ามีความสัมพันธ์อย่างอื่น อย่างไรก็ตาม ผมยอมรับว่า ผมชอบเขา ผมชอบเขามากจริง ๆ


    “ถ้าผมยอมให้เขาเมทโดยไม่พยายามดิ้นรนอะไรหรือยอมให้เซอร์เอ็ดเวิร์ดกัดแต่โดยดี ปล่อยตัวเองไปตามสัญชาตญาณของโอเมก้าในช่วงใกล้ฮีท เขาอาจจะหมดความสนใจ ไม่คิดจะบอนด์กับผมเลยก็ได้ แต่เพราะผมสู้ เขาเลยยิ่งอยากเขาชนะ และการบอนด์กับโอเมก้าจากตระกูลนักการเมืองในพรรคที่เขาให้เงินสนับสนุนอยู่ก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียผลประโยชน์อะไร”


    เขายิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้สะท้อนความรู้สึกอื่นใด นอกจากความรู้สึกสิ้นหวังจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ไปกว่ายอมรับเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น แต่ผมไม่ชอบรอยยิ้มและคำพูดอย่างนั้นเลย เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่า เขาที่เป็นเหยื่อกำลังโทษตัวเอง และหลายกรณีที่เกิดขึ้น การโทษตัวเองเริ่มมาจากคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่เข้าใจสถานการณ์ และอาจคิดว่าถ้าเหยื่อไม่ไปอยู่ที่นั่น ไม่ทำเช่นนั้น เรื่องราวอาจไม่เกิดขึ้น


    “เรื่องนั้นผ่านไปแล้ว ถึงมันจะน่าเจ็บใจที่ทำอะไรเซอร์เอ็ดเวิร์ดไม่ได้ เพราะหลายอย่างมันก้ำกึ่งจนมีโอกาสแพ้กับชนะคดีเท่า ๆ กัน จนพ่อกับพี่ชายของผมตัดสินใจว่า จะให้เรื่องจบนอกศาล ถึงเดียน่าที่เป็นที่ปรึกษากฎหมายจะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับการตัดสินใจนั้น แต่อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่ได้บอนด์กับเขา ไม่ได้เจอหน้าเขาอีกเลยจนกระทั่งวันก่อน”


    “ดร. ฟอล์กเนอร์...”


    “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ สารวัตร” เขาหัวเราะเบา ๆ สีหน้าของผมคงจะมองออกง่ายเกินไปอย่างที่เดียน่า ทเวธส์บอกเอาไว้จริง ๆ และแมรี่ก็เคยพูดทำนองเดียวกันนี้กับผมเหมือนกัน


    เขาไม่ได้ขืนตัวอย่างที่เคยทำเมื่อผมดึงเขาไปกอดไว้หลวม ๆ ขณะที่เอนหน้าลงอิงกับต้นแขนของผม เขาขยับตัวเล็กน้อยเหมือนแมวที่กำลังหามุมที่ตัวเองถูกใจและอยู่ได้สบายมากกว่าจะอึดอัดหรือรำคาญ
    เราอยู่กันอย่างนั้นเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีเสียงอื่นใดนอกจากนาฬิกาที่ใช้จับเวลาของเตาอบ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้น


    “ตอนนั้น ผมจำได้ว่า เซอร์เอ็ดเวิร์ดมีสติดีทุกอย่าง พฤติกรรมของเขาในเวลานั้นไม่เหมือนคนที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฟีโรโมน และผมก็ไม่ได้อยู่ในช่วงฮีทเต็มตัว พอมาคิดดูแล้ว กรณีของเจนนี่ เมนโดซ่าน่าจะใกล้เคียงกัน เซอร์เอ็ดเวิร์ดกับเจมส์ พ็อตต์เมทกับเธอจริง แต่คนที่บอนด์กับเธอมีแค่เจมส์ พ็อตต์คนเดียว นั่นเป็นจุดที่ทำให้ผมเริ่มสงสัยว่า เขาเล่นตามเกมของเจมส์ พ็อตต์ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง และผมยังคิดถึงแรงจูงใจอื่นไม่ได้ นอกจากเรื่องที่เขาถูกท้าทาย”


    ข้อสังเกตที่เขาเอ่ยก่อนที่จะผละจากผมและยืดตัวขึ้นนั่งในท่าเดิม ทำให้ผมคิดตามและนึกถึงคำให้การของคลาร่า พ็อตต์ที่พูดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับอัลฟ่าทั้งสองขึ้นมาได้ และแพทย์นิติเวชก็คาดเดาไม่ผิด


    คลาร่า พ็อตต์สารภาพว่า เธอฆ่าเจมส์ พ็อตต์ เพราะเขาใช้เจนนี่ เมนโดซ่าเป็นเครื่องมือสำหรับบังคับให้เอ็ดเวิร์ด สแตนตันยอมจ่ายค่าเลี้ยงดูและเรียกเงินจากนายเก่าของเธอเป็นค่าปิดปาก เพื่อไม่ให้ไฮอัลฟ่าผู้นั้นมายุ่งย่ามกับเธอซึ่งเป็นภรรยาอีก แต่ในขณะเดียวกัน อดีตสามีของเธอก็บอนด์กับเจนนี่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้เธอที่จำต้องอยู่กับเขาเพราะบอนด์กับเขาด้วยความพลาดพลั้งรับไม่ได้ และตัดสินใจลงมือฆ่าเจมส์ พ็อตต์ในที่สุด


    เอ็ดเวิร์ด สแตนตันไม่ใช่คนบงการ ไม่ใช่คนที่ช่วยเธอวางแผนฆ่าสามีของตนเอง เขาไม่เคยสอดมือเข้ามายุ่งในแผนฆาตกรรมอำพรางนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขารู้จักเธอดี ความผูกพันที่เธอมีต่อเขามาอย่างยาวนานมีอิทธิพลเหนือพันธะระหว่างอัลฟ่าและโอเมก้าที่เธอมีต่อเจมส์ พ็อตต์ เขารู้ว่าความจงรักและภักดีที่เธอมีต่อเขาจะนำไปสู่อะไรได้บ้าง และน่าเสียดายที่อดีตนายจ้างของคลาร่ามองเห็นความสำคัญของ ‘เกม’ ทางจิตวิทยาเกมนี้มากกว่าความซื่อสัตย์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีต่อเขา


    เพราะไม่รู้ว่าเอ็ดเวิร์ด สแตนตันมีความขัดแย้งหรือความเกี่ยวข้องอะไรกับเจมส์ พ็อตต์ นอกไปเสียจากเรื่องที่ผู้ตายไม่พอใจที่อดีตนายจ้างที่เคยมีความสัมพันธ์กับภรรยาของตนเองในฐานะอดีตคู่นอน และเซอร์เอ็ดเวิร์ดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับการฆาตกรรมอัลฟ่าชายที่ใช้ธุรกิจร้านของเก่าบังหน้าอาชญากรรมของตนเอง การสอบสวนเขาในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับคดีหรือพยายามหาความเกี่ยวข้องที่ไม่มีอยู่ย่อมทำไม่ได้ ผมไม่ชอบเขา แต่ในเมื่อเขาไม่ได้กระทำความผิด ผมก็ไม่มีความชอบธรรมใด ๆ ที่จะยัดเยียดข้อหาหรือปฏิบัติกับนักธุรกิจผู้นั้นอย่างผู้ต้องสงสัย แม้ว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คลาร่า พ็อตต์ตัดสินใจกระทำความผิดครั้งนี้ก็ตาม


    เอ็ดเวิร์ด สแตนตันทำให้ผมคิดถึงลอร์ดวัตตันในเรื่อง The Picture of Dorian Grey เขาไม่ได้กระทำสิ่งใดที่ผิด แต่การกระทำและคำพูดของเขาส่งผลต่อคนที่อ่อนไหวและเชื่อถือในคำพูดของเขา ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว คนที่คิดตามและกระทำก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวผู้ลงมือนั้นเอง ในขณะที่คนที่กระตุ้นหรือเป็นแรงจูงใจให้คิด ไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบการกระทำของตนเองแต่อย่างใด


    ผมเข้าใจความห่วงใยของ ดร. ฟอล์กเนอร์ และเข้าใจที่เขาโล่งใจที่ผมไม่คิดว่าเซอร์เอ็ดเวิร์ดมีส่วนร่วมในการกรทำความผิด เพราะถ้าผมเผลอเล่นตามเกมของเขาด้วยอีกคน คดีนี้และชื่อเสียงของสก็อตแลนด์ยาร์ดคงพังพินาศ


    “คลาร่าสารภาพว่า เธอเป็นคนวางแผนทั้งหมด และยังบอกผมด้วยว่า เธอรับรู้ตั้งแต่ตอนที่คุณหมอขอให้เธอเปิดหน้าต่างห้องที่เกิดเหตุแล้วว่า เธออาจถูกจับได้ในที่สุด แต่เธอไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจทำอย่างนั้น และดีใจด้วยซ้ำไปที่สามารถกำจัดมือตากแห้งนั่นออกไปจากบ้านได้เสียที เพราะมือข้างนั้นเป็นมือของอดีตตัวประกันที่ตายไปแล้ว แต่เจมส์ พ็อตต์เก็บเอาไว้ใช้ข่มขู่คนอื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการค้ายาและฮอร์โมนในตลาดมืด” ผมบอกกับ ดร. ฟอล์กเนอร์ “เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่า เซอร์เอ็ดเวิร์ดมีส่วนผลักดันให้เธอลงมือฆ่าเจมส์ พ็อตต์ และผมไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าเธอรู้เรื่องที่เขาอาศัยเธอเป็นเครื่องมือกำจัดสามีตัวเอง ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เธอจะรู้สึกยังไง”


    “เธอไม่รู้เรื่องนั้นอาจเป็นผลดีกับตัวเธอเองแล้วก็ได้ครับ อย่างน้อยที่สุดก็ในเวลานี้” แพทย์นิติเวชถอนใจ “แต่ส่วนตัวแล้ว ผมอดคิดไม่ได้ว่า ต่อให้คลาร่ารู้ว่า เขาเล่นเกมกับความคิดของเธอหรือชักจูงเธอ เธอก็อาจจะยังตัดสินใจฆ่าเจมส์ พ็อตต์อยู่ดี เพียงแต่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง”


    คำพูดนั้นทำให้ผมมองหน้าเขา ก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดเตาอบเมื่อนาฬิกาจับเวลาที่ตั้งไว้ส่งเสียงเตือน
    “ทำไมคุณหมอถึงคิดอย่างนั้น”


    ดร. ฟอล์กเนอร์ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยื่นมือออกมารับถาดฟิชพาย ตามด้วยลาซานญาที่ผมส่งให้ไปวางไว้บนโต๊ะ


    “ทางเลือกของโอเมก้าที่บอนด์กับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก แต่ผูกพันกันด้วยผลประโยชน์บางอย่างและความหวาดหวั่นว่าอีกฝ่ายจะหักหลังหรือทำร้ายตัวเอง มีอยู่ไม่กี่ทางหรอกครับ ถ้าไม่ทนอยู่ด้วยกันต่อไป ก็ต้องหนีไปให้ห่างจนกว่าพันธะที่ถูกหมายเอาไว้จะจางหายไป หรือไม่ก็รอให้ตายจากกัน”


    คำอธิบายของเขาทำให้ผมนึกถึงกรณีของแฟนนี่ น้องสาวของผมที่จำใจต้องแต่งงานกับอัลฟ่าที่เป็นพ่อของโลเวลล์และเข้าใจความหมายนั้นได้ในทันที เหตุผลของเธอเป็นเหตุผลที่น่าเห็นใจ แต่ผมไม่แน่ใจนักว่า เหตุผลข้อนี้ของเธอจะฟังขึ้นในหมู่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เป็นอัลฟ่าส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ยอมรับรู้ความลำบากข้อนี้ของโอเมก้า


    “นี่ใช่ไหมครับ คือ เหตุผลที่คุณหมอพูดกับผมว่า ถ้าคุณหมอเป็นมิสซิสพ็อตต์ ก็อาจฆ่าเจมส์ พ็อตต์เหมือนกัน”


    ดร. ฟอล์กเนอร์ยกแก้วไวน์ของเขาขึ้นจิบ สบตากับผม แววตาของเขาบอกผมว่า คำตอบนั้นไม่ถูกเสียทั้งหมด


    “ไม่ผิดครับ แต่ยังมีเหตุผลอื่นอีก และอาจเป็นแรงจูงใจสำคัญอีกข้อหนึ่งที่โอเมก้าด้วยกันจะนึกได้ในทันที สารวัตรจะลองเดาดูไหมล่ะครับ”


    ผมขมวดคิ้วกับคำกล่าวของเขา พยายามนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่ผมจะออกปากยอมแพ้ ผมก็ฉุกใจขึ้นได้


    “คุณหมอหมายถึงเจนนี่ เมนโดซ่า?”


    “ถูกแล้วครับ” เขาพยักหน้ารับ ดวงตาสีเขียวของเขาหม่นลงเมื่อเอ่ยถึงโอเมก้าสาวชาวต่างชาติเคราะห์ร้ายคนนั้น “ผมอดคิดไม่ได้ว่า เธอตัดสินใจฆ่าเจมส์ พ็อตต์เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ปกป้องเจนนี่ไม่ได้”


    “แต่ถ้าเจมส์ พ็อตต์ตาย เจนนี่ก็จะไม่สามารถแต่งงานกับเขาและขอพำนักอยู่ในอังกฤษต่อไปได้ และอาจถูกส่งกลับเพราะกระทำความผิดฐานหลบหนีเข้าเมืองทั้งที่ตั้งท้องอยู่”


    “ระหว่างการตกอยู่ใต้พันธะของอัลฟ่าที่ไม่เคยมองเห็นคุณค่าของเธอเลย กับการมีอิสระอยู่ในประเทศของตัวเอง และยังมีโอกาสเริ่มต้นใหม่...” เขาเอ่ย “ผมคิดว่าคลาร่าคงไม่อยากให้เจนนี่ต้องเดินซ้ำรอยที่เธอเคยเดิน และนั่นอาจเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักพอที่จะทำให้เธอตัดสินใจลงมือฆ่าเจมส์ พ็อตต์แทน”


    แม้จะเป็นการคาดเดา แต่คำพูดของเขาทำให้ผมมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากมุมมองของโอเมก้าได้ชัดเจนขึ้น และสิ่งที่ได้รับรู้ก็ทำให้ผมอดเศร้าใจแทนหญิงสาวทั้งสองคนไม่ได้ เธอต่างตกเป็นเหยื่อ แม้ว่าเหยื่ออย่างคลาร่า พ็อตต์จะกลายเป็นผู้ลงมือเสียเอง แต่สิ่งที่เธอเคยเผชิญมาและเหตุผลเบื้องหลังการกระทำควรแก่การได้รับความเข้าใจและเห็นใจ


    ถ้าไม่มีเสียงของโอเมก้าอย่างโทเบียส ฟอล์กเนอร์ อัลฟ่าอย่างผมก็อาจมองข้ามในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดถึงหรือมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นจนพลาดรายละเอียดที่สำคัญไป และโอเมก้าทั้งสอง


    “ผมโชคดีที่ได้คุณหมอมาช่วยทำคดีนี้” ผมบอก แต่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผมกลับส่ายหน้า


    รอยยิ้มบนริมฝีปากของเขาอบอุ่นและอ่อนโยนอย่างที่ผมไม่เคยเห็นเขายิ้มให้ใครมาก่อน และดวงตาสีเขียวหลังเลนส์กระจกที่ทอดจับบนใบหน้าของผมฉายแววเป็นมิตรและมีประกายบางอย่างที่ทำให้ใจของผมเต้นแรงได้ยิ่งกว่าครั้งไหน


    “ผมต่างหากที่โชคดีที่ได้จอคุณ”




    To be continued...


    //ตอนหน้าตอนจบแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการติดตามมาโดยตลอด :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
เขินคุณหมอ;-;
chavimint (@chavimint)
เราก็รู้สึกว่าคุณหมอโชคดีนะที่เจอสารวัตร >< สารวัตรก็โชคดีที่เจอหมอ เจอคนที่ติดอยู่ในใจมานาน
belibalii (@belibalii)
ไม่อยากให้จบเลยค่ะ อยากอ่านต่อยาวๆๆๆๆ