เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Alive : ฆ่า(ข้า) ต้อง รอด !NO.W
ตอนที่ 45 : คืนวันที่แสนยาวนาน
  • ……….

     

    ตอนที่ 45 : คืนวันที่แสนยาวนาน

     

    “นี่ฉันโดนเธอยิงรึเนี่ย”   ผมเอามือกุมบาดแผลโดนยิงที่ตอนนี้มีเลือดไหลออกมาช้าๆ  แต่ไม่สาหัสเท่าไหร่สำหรับผมที่เป็นพวกพิเศษ

    “ฉะ  ฉัน..”  เธอตัวสั่นเทา พูดจากระอักกระอ่วน 

    “ใจเย็นๆ”  ผมพยายามทำให้เธอผ่อนคลายและลดปืนลง  เดี๋ยวมันจะโป้งป้างขึ้นมาอีก

    “ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใคร แต่ช่วยจัดการเจ้านี่ก่อนได้มั้ย?”  โจพูดขึ้น  ผลักร่างของไบรอันวางกับพื้น  ดันตัวเองไปนั่งชิดกับกำแพงฝั่งเดียวกับอลิซที่ยังไม่ได้สติ  

     

                เจ้าเนื้อไหม้ที่อยู่ตรงหน้าแคลทำท่าจะลุกขึ้นต่อกรอีกครั้งหลังจากโดนแคลลั่นเข้าที่หัวไปสามสี่นัด  ผมเดินเข้าไปดึงมีดเล่มยาวจากหัวไบรอัน อดีตเพื่อนร่วมทางที่ผมไว้ใจ  ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกแล้วก็ตาม

     

                ผมเดินเข้าไปช้าๆ  แคลเขยิบถอยไปข้างหลังเมื่อเจ้าเนื้อไหม้เดินไปทางเธอ  ผมยกแขนที่ถือมีดขึ้นแทงลงเข้าไปที่หลังคอ  กระชากร่างมันกลับมา  ดึงมีดออก สะบั้นหัวมันหล่นตุบลงบนพื้น

    “ทำไมนายฆ่ามันง่ายจัง?” โจทึ่งกับสิ่งที่เห็น

    “พวกนายเล่นมันซะเยินแล้วนี่”  ผมตอบ 

     

    “นายเป็นใคร?”  แคลที่เริ่มระงับสติอารมณ์จากเหตุการณ์ต่างๆได้ถาม  เธอยังระแวงเมื่อผมจะเข้าไปใกล้เธอมากกว่านี้

    “เอาเป็นว่าฉันมาช่วยเธอแล้วกัน” ผมตอบ  “นายลุกไหวมั้ย”  ผมหันไปถามโจ

    “ตอบมาก่อนว่านายเป็นใคร” แคลยังยืนยันคำพูดเดิม  คราวนี้เธอยกปืนขึ้นขู่ซะด้วย

    “แต่ก่อนเธอขี้แยกว่านี้นะ ถ้าฉันจำไม่ผิด ไหงกลายเป็นสาวโหดซะได้ล่ะ” ผมว่า  สีหน้าเธอดูไม่เล่นด้วย  แต่แววตาเธอมันบอกว่าเธอเริ่มสงสัยว่าผมรู้อดีตของเธอได้อย่างไร

    “ก็ได้ๆ  เจ้าสิ่งนี้น่าจะบอกสถานะผมได้อยู่นา” ผมยกข้อมือขึ้น  เผยกำไลข้อมืออันเล็กที่สลักรูปหัวใจไว้ตรงกลาง ผมไม่รู้ว่าเธอจะเห็นมันรึเปล่า  เพราะแสงยิ่งไม่ค่อยมีอยู่  แต่ดูจากอาการของเธอ  บอกผมได้เป็นอย่างดีว่าเธอกำลังใช้ความคิดอยู่  แน่ล่ะ ก็เธอเป็นคนให้ผมเองนี่

    “เจค ?”  เธอพูด  ยังไม่มั่นใจกับสิ่งที่เอ่ยออกมา

    “ก็ใช่น่ะสิ”  

    “นะ  นายตายไปแล้วนี่”  เธอยังไม่เชื่อ แต่น้ำตาเริ่มเอ่อ 

    “เธอบอกเองไม่ใช่รึไง  ว่าฉันน่ะตายยาก  รู้สึกเหมือนเธอเคยพูดไว้นะ”  ผมพูด

    “แปลว่าตอนนั้นนายก็อยู่ด้วยสินะ  ตอนที่ฉันกำลังไปรักษาน่ะ”  ผมพลาดซะแล้วสิที่พูดออกไป    

    “เอ่อ...”

     

    เพี๊ยะ  !  เสียงตบดังขึ้นฉาดใหญ่  โจถึงกับพูดขึ้นมาว่า“โอ๊ะ  โอว”  ขณะมองเราสองคนเหมือนกำลังดูละครเวทีอยู่

    “ผมขอโทษ ก็เข้าเมืองไม่ได้นี่นา ไม่รู้จะทำยังไงนี่”  ผมอธิบาย เธอไม่สนใจสิ่งที่ผมพูด โผเข้ากอดทันที ผมโอบกอดเธอตอบ  

    “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก...”  เธอพูด  ดูเหมือนโรคขี้แยจะกลับมากำเริบอีกแล้ว

    “อ้อ !  ที่เธอยอมเข้าทีมสำรวจก็เพราะนายคนนี้สินะไอ้เราก็หลงนึกว่าเธอคบกับไบรอันซะอีก หมอนั่นรู้เข้าคงเสียใจแย่ ถึงแม้จะไม่มีวันได้รู้แล้วก็เถอะ” โจหันไปมองร่างไบรอัน

    “เธอเข้าทีมสำรวจเพื่อตามหาผมหรอ” ผมถาม เธอรีบผละตัวออก

    “อย่างหลงตัวเองไปหน่อยเลยน่า”  เธอใช้แขนเสื้อเช็ดหยาดน้ำตา  “รีบออกไปจากที่นี่เถอะ  เหมือนโดนรมควันยังไงก็ไม่รู้” แคลว่า ทำเอาผมนึกขึ้นได้ว่ามันไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาพูดคุยกันสักเท่าไหร่  เธอเดินไปพยุงอลิซขึ้นจากพื้น

    “มา ฉันจะหิ้วนายลงไปเอง” ผมบอก ดูจากสภาพของโจแล้ว  ทั้งโดนแทง โดนบาดทั่วตัวซะขนาดนี้คงลุกขึ้นเดินเองไม่ไหวแล้วแน่ๆ

    “เดี๋ยวผมนำลงไปเอง  อ้อ  แนะนำให้หยิบไฟฉายไปด้วยนะ  ข้างล่างมันค่อนข้างมืด” ผมหันไปบอกแคล เธอถอดไฟฉายออกจากปลายปืนพร้อมกับพยุงอลิซตามผมเข้าประตูบันไดหนีไฟเพื่อจะลงไปข้างล่าง  จะได้ออกไปจากที่นี่สักที

    “ลาก่อนไบรอัน  ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง”แคลพูดทิ้งท้าย

     

    ……….

     

    “ไหนกำลังเสริมวะ  นี่ก็นานแล้วนะ” เอิร์นถามเปา  ทุกคนนั่งกันอยู่ในร้านอาหารแถวนั้น

    “เดี๋ยวก็มาน่า” เปาตอบ 

    “หัวหน้าเรียก  ฮ.  มารับพวกเรารึเปล่าครับ?”  ลูกทีมคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน

    “ใช่  มาแล้วสินะ”  เปาลุกขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์อยู่ไกลๆ 

    “นี่เรียก ฮ. มารับเลยเหรอวะ?”  ริกถาม 

    “ก็มันเร็วกว่านี่”  เปาว่า เดินออกไปนอกร้านขณะเฮลิคอปเตอร์ที่ตนเรียกมากำลังลดระดับลงจอด ใบพัดส่งคลื่นลมแรงพัดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวปลิวว่อนกระจัดกระจายไปทั่ว

    “ยังคิดอยู่เลยนะเนี่ย ว่าถ้าแผนมันพลาดขึ้นมาได้เซอร์ไพรส์ของจริงแน่”  อ๋องพูดขึ้น คิดถึงเรื่องที่ตนเพิ่งรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด

    “คิดมากน่า พวกเราคิดกันมาอย่างดีแล้วเว่ย”  ริกตอบก่อนก้าวขึ้น ฮ.

    “ก็หวังว่าอย่างนั้นล่ะนะ” อ๋องว่า

     

    ด้วยความที่เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเล็ก  นั่งหันหน้าเข้าหากันก็พอดีสี่คนแล้ว  เหล่าลูกทีมจึงต้องนั่งพื้นเครื่อง  ห้อยขาออกไป ถือเป็นการสังเกตการณ์ไปในตัว เมื่อทุกคนนั่งประจำที่พร้อม นักบินก็พาเครื่องทะยานขึ้นสู่อากาศอีกครั้ง   

     

    ..........

     

    “พวกทีมสำรวจลงมากันแล้วครับ”

    “หายาไปให้ไอ้คนที่เจคอุ้มอยู่นั่นหน่อย ดูท่าอาการหนักเอาเรื่อง” นอร่าสั่ง

    “ครับ” ลูกทีมรับคำ 

     

    เจควางโจลงกับสนามหญ้า  ปล่อยให้ลูกทีมช่วยปฐมพยาบาลเขา “อลิซ”  แคลเรียกอลิซที่เพิ่งได้สติ  เธอค่อยๆ ให้อลิซนั่งลงกับพื้นก่อนจะสังเกตว่าการปฐมพยาบาลของหน่วยจู่โจมช่างแตกต่างจากพวกเธอยิ่งนัก ตรงที่ว่าพวกนั้นให้กินยารักษาซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมสำรวจไม่มีวันได้รับเพราะมันหาวัตถุดิบยาก ถ้าเธอมีเจ้ายานี่เหล่าทีมสำรวจก็คงไม่ต้องตายกันมากมายทุกครั้งที่ออกภาคสนาม

     

    “ไบรอันล่ะ” นอร่าเดินเข้ามาถามเจค

    “หมอนั่นโดนกัด ไม่รู้ไปโดนเมื่อไหร่” ผมตอบเธอ

    “เฮ้อ ! หมอนั่นถือเป็นมือดีซะด้วยสิ”  นอร่าเสียดาย เพราะเธอก็เคยร่วมทางกับไบรอันมาระยะหนึ่งก่อนหน้านี้

    “ว่าแต่  ดูเธอไม่เป็นอะไรเลยนะ” นอร่าหันไปมองแคลที่กำลังปลอบอลิซที่ร้องไห้อย่างหนักเมื่อเธอบอกความจริงเรื่องไบรอันทำเอาเธอกับโจร้องไห้ตามไปด้วย

    “นั่นน่ะสิ”

    “ได้ข่าวว่านายเอาเลือดตัวเองฉีดเข้าร่างเธอ”  นอร่าเอ่ย

    “ก็มันรักษาชีวิตเธอไว้ได้” ผมตอบ  แต่นอร่ากับหันไปสนใจกับสิ่งที่มาใหม่แทน  เฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งกำลังแล่นลงจอดบนพื้นสนามหญ้า  นักบินขับวนอยู่นานกว่าจะหาที่ลงจอดที่ปราศจากซากศพได้  พวกริกก้าวลงพร้อมกับลูกทีม

    “แล้วรถล่ะ” นอร่อถามริกทันที

    “มันโดนอัดเละไปแล้วล่ะ” ริกตอบเสร็จก็ยิ้มให้นอร่า

    “พวกมันฉีดไวรัสเข้าร่าง กลายพันธุ์เป็นเจ้ายักษ์ได้เนี่ยสิ” เอิร์นกล่าวเสริม

    “ของเล่นใหม่พวกมันสินะ  แต่เอาเถอะ  รอดมาได้ก็โอเคแล้วล่ะ”เธอว่า

     

    “เอาล่ะ สรุปแล้วภารกิจคราวนี้เป็นยังไง” อ๋องที่ค่อยๆเดินโดยมีเปาพยุงอยู่พูดขึ้น

    “ภารกิจสอดแนมพวกมันที่ขนพวกซอมบี้ขึ้นรถบรรทุกอันนั้นรู้แล้วว่าทำไม”ผมตอบ

    “แล้วพวกมันขนไปทำอะไร?” เปาถาม

    “เอาไปรักษาให้หาย  แล้วเอาไปทดลองเปลี่ยนเป็นพวกพิเศษอีกที”ผมอธิบาย

    “มันรักษาได้ด้วยเหรอ” เอิร์นสงสัย

    “พวกมันอ้างว่าซอมบี้เป็นเพียงแค่ชื่อโรคเท่านั้น  สามารถรักษาได้” ผมตอบตามที่ได้ยินมา

    “รู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะที่ได้ยิน”  ริกพูด  “อีกทั้งพวกมันยังผลิตวัคซีนแบบพกพาอีกไม่รู้จะโหดไปไหน”  ริกกล่าว

    “แต่ภารกิจชิงแคปซูลเราพลาดไป” นอร่าพูดขึ้น

    “…”

    “พวกมันมีกำลังเสริมมารับแคปซูลไปตั้งแต่แรกแล้ว  พวกมันเพียงแค่ขับรถเป็นตัวล่อให้ดูเหมือนว่าแคปซูลยังอยู่ที่มัน”ผมตอบ

    “ให้มันได้อย่างนี้สิ” อ๋องว่า

    “อย่างนี้พวกมันไม่แข็งแกร่งขึ้นรึไง” เอิร์นถาม

    “อันที่จริงผมมีอีกเรื่องที่ต้องบอกนะ”   ผมเล่าเรื่องพอลให้ทุกคนฟังรวมทั้งแผนการและพวกพ้องของเขาด้วย

    “เราจะเชื่อใจได้เหรอ?” ริกถามเพราะยังไม่เคยปรากฏว่าพบคนที่6 มาก่อน

    “เชื่อไม่เชื่อ  มันก็เป็นเพียงความหวังเดียวของเราอยู่ดี”  เปาบอก

    “ถ้าเป็นอย่างที่พอลว่า อีกไม่กี่วันเราก็คงได้ข่าวแล้วล่ะ” อ๋องกล่าว

     

    “งั้นเรากลับกันเถอะ โคตรง่วงเลย ลุยมาตั้งแต่บ่ายจนถึงเช้าอีกวันแล้วเนี่ย” ริกพูดไปหาวไป   ตอนนี้ฟ้าเริ่มสว่างแล้ว  ดวงอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาพร้อมกับวันใหม่

    “ไปเรียกรวมพรรคพวกได้แล้ว” เปาสั่งลูกทีม

    “ผมจะพาทีมสำรวจไปส่งที่นิวเคลโอ พวกนั้นต้องรายงานภารกิจ” ผมพูด

    “ภารกิจพวกนั้นคือชาวบ้านนี่นะ  ถึงจะช่วยได้แค่ครึ่งเดียวก็เถอะ”อ๋องว่า

    “งั้นนายก็พาพวกนั้นนั่ง ฮ. ไปแล้วกัน มันเร็วกว่า” เปาตอบ

    “ขอบคุณ” ผมกล่าว เดินกลับไปแจ้งพวกแคล

    “อ่าว แล้วพวกเราล่ะ”  เอิร์นถามเมื่อเห็นเปาตัดสินใจไป

    “เหลือรถตั้งสองคันก็อัดๆ กันไปละกัน”  เปาบอก  เดินไปหาลูกทีมที่มารวมตัวกัน  จำนวนหน่วยจู่โจมตอนแรกร่วมสามสิบ  ตอนนี้เหลือกันไม่ถึงครึ่ง  ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าย่อมเสียใจที่ต้องเสียชีวิตอันมีค่าของเหล่าลูกน้องไป

    “ก่อนอื่นเลยนะ ฉันอยากจะขอโทษพวกนายที่เสี่ยงชีวิตและต้องเสียเพื่อนรักไปมากมายในคืนนี้และภารกิจก็ดันไม่สำเร็จ”  เปากล่าวต่อหน้าลูกน้องทุกคนที่ยืนฟังด้วยความตั้งใจ  อ๋อง ริก  เอิร์น  เดินมาเรียงหน้ากระดานถัดจากเปา

    “แต่ก็เหมือนเดิม แม้วันนี้เราจะพ่ายแพ้แก่พวกเคลโอ แต่มันก็จะเป็นบทเรียนที่สำคัญยิ่งที่ทำให้พวกเรานั้นพร้อมกว่านี้  เก่งขึ้นกว่านี้  ในครั้งหน้า”  เปากล่าว

    “ฉันสัญญากับพวกนายได้เลยว่า  พวกนายทุกคนจะได้เป็นหนึ่งในคนที่ได้ถล่มเคลโอให้สิ้นซากให้พวกมันได้หายไปจากผืนดินนี้แน่นอน !” อ๋องตะโกน เหล่าลูกทีมพากันโห่ร้องด้วยความฮึกเหิม

     

    “พวกเราจงยืนไว้อาลัยให้กับเหล่าผู้กล้าที่สละชีวิตเพื่อชาวบ้านและพวกพ้องอันเป็นที่รัก”   

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวนิ่งสงบ  ทุกคนที่ยืนอยู่  ณ สถานที่แห่งนี้พร้อมใจกันยืนนิ่งไว้อาลัยให้แก่เหล่าผู้กล้า  ทั้งบรรดาลูกทีมที่เสียชีวิต  ไบรอัน และชาวบ้านมากมายที่พวกตนไม่สามารถช่วยไว้ได้

               

    หลังจากยืนสงบนิ่ง  นอร่าตัดสินใจไปนิวเคลโอกับเจคด้วย  เพราะไม่อยากนั่งเบียดเสียดไปในรถ  ทั้งหมดเริ่มแยกย้ายกันไปตามทางของตน  รถเรนจ์ โรเวอร์ สีดำสองคัน บึ่งออกจากคฤหาสน์ ลัดเลาะไปตามท้องถนนในหมู่บ้านที่ปราศจากพวกกลายพันธุ์  มุ่งหน้ากลับสู่ฐานที่มั่นของพวกตน

     

                อีกด้านหนึ่งเฮลิคอปเตอร์ก็มุ่งหน้าสู่นิวเคลโอ  เมืองที่ปราศจากซอมบี้  เมืองที่เต็มไปด้วยมนุษย์ธรรมดาสามัญอยู่กันอย่างปกติสุข

    “แล้วพวกชาวบ้านล่ะ” แคลถาม

    “เดี๋ยวทางเราจะพาไปส่ง เมื่ออาการพวกเขาดีขึ้น” นอร่าตอบ  “แล้วนี่พวกเธอจะไม่พูดกันหน่อยรึไง  เจอกันทั้งที” นอร่าพูดขึ้นเมื่อเห็นผมและแคลต่างนั่งกันเงียบไม่พูดไม่จา

    “....”

    “เธอรู้รึยังล่ะ ว่าเจคน่ะเป็น...”  

    “เหมือนคุณสินะ สงสัยตั้งนานแล้วล่ะ” แคลตอบ  ผมหันไปหาเธอทันทีและเธอก็หันตอบ

    “คนอะไรสู้กับคนเป็นสิบๆ แล้วยังรอดมาได้”  เธอพูดขณะมองหน้าผม

    “นั่นสินะ  เป็นใครก็คงรู้” นอร่าหัวเราะ

     

                บนเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังมุ่งหน้าไปนิวเคลโอ  มีแค่พวกผมสามคนที่คุยกัน  อลิซเอาแต่จ้องมองไปข้างนอก  ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความคิด  ส่วนโจก็เอาแต่มองอลิซด้วยสายตาเป็นห่วง  โจสภาพดีขึ้นเมื่อได้ยาของหน่วยจู่โจมไปกินถึงแม้บาดแผลจะยังไม่สมานดีก็ตาม

     

                สักพักทุกคนบนเฮลิคอปเตอร์ก็เอาแต่นั่งเงียบ  จ้องมองออกไปยังสถานที่ไกลๆแต่ละคนก็เหนื่อยล้าไม่แพ้กัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่นักบินที่พาพวกเขากลับไปสู่บ้านสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด  อย่างน้อยก็ในตอนนี้

     

    ..........

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in