เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าเมื่อเราไปเมืองสิงค์ ( in 2015)SnapDiary
Chapter 11 / ลิตเติ้ลอินเดีย
  • เราขึ้นรถเมล์สายเดิมกลับไปลงสถานีรถไฟควีนทาวน์ ซึ่งเป็นสายสีเขียว  

    ตามแผนเราต้องนั่งไปลงที่จุดตัด เพื่อต่อรถสายสีม่วงที่สถานีOutram Park  เพื่อไปลงสถานี  ลิตเติ้ลอินเดีย แต่พวกเราคงคุยกันเพลินไปหน่อย  รถไฟมันวิ่งเลยสถานีที่เราจะลง ไปสองสถานีเมื่อรู้ตัวว่าพลาด  เราต่างหัวเราะให้กันและกัน แล้วเตรียมตัวลงสถานีถัดไป 
    พอรถไฟจอดปุ๊บเราก็ลง ทีนี้ล่ะความบันเทิงก็บังเกิด  คือ...เราออกมายืนรอรถไฟที่หันหัวกลับไปทางเดิมตั้งนาน มันก็ไม่โผ่ลมาซักที  ซึ่งตอนที่นั่งเลยสถานี กรุ๊ปเราคิดง่ายๆแบบนั่งรถBTS บ้านเรา ประมาณว่า… แค่ลงมารอรถไฟด้านตรงกันข้ามก็นั่งย้อนกลับไปไรงี้  ซึ่งจริงๆ แล้วมันบ่ใช่เด้อ...มันต้องขึ้นบันไดไปรออีกชั้นนึง ซึ่งกว่าจะรู้คำตอบแบบนี้ก็เล่นเอาเสียเวลารอ แล้วก็ เสียเวลาถามคนโน้นคนนี้ ตั้งนาน  
    เอาล่ะเป็นอันว่า เราเสียเวลาต่อรถกลับมาที่จุดเปลี่ยนสถานนี ราวครึ่ง ชม.ค่อยได้กลับมาลงที่สถานี Outram Park    ต่อรถสายสีม่วงไปลงที่ ลิตเติ้ลอินเดียสำเร็จ (เฮ้)

    ก่อนเรามาย่านนี้ก็ศึกษาเส้นทาง มาพอสมควร เลยไม่หลง (แต่นั่งรถเลยสถานีจ้า)   เราเดินมาตามถนน ที่ประดับด้วยไฟหลากสี สวยงามระหว่างเดินบนถนน มีชาวแขกอินเดีย เดินสวนไปมา ผสมกับ ชนชาติอื่นๆ ทั้ง ฝรั่งญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ที่นี่คึกคักเป็นที่สุด คนบนถนนเยอะหนาตาแต่ไม่หนาแน่น เดินเล่นได้สบายๆ

    พวกเราใช้กล้องหลักถ่ายรูปเปลี่ยนกันถ่าย ภาพเดียว ภาพคู่ ภาพกลุ่ม ภาพหมู่ ถ่ายกันจนเพลิน รู้ตัวอีกที แบ็ตกล้องหมดจ้า....ว้า...”หมดเร็วแท้ โยนทิ้งซะบ้อ ผมบ่นให้กับกล้องตัวเองออกอาการเซ็งสุดๆ เพราะยังอยากได้ภาพบรรยากาศไฟหลากสีในถนนเส้นนี้  สุดท้ายก็ต้องล้วงเอามือถือ ออกมาเก็บภาพแม้จะได้ภาพที่ควอลิตี้ไม่ค่อยโอแต่ก็ยังพอเก็บบรรยากาศบันทึกความทรงจำไว้ดูได้
    เมื่อเดินเข้าย่านที่เป็นที่ตั้งของห้างมุสตาฟาผมหันมาถามน้องๆว่า จะกินอะไรก่อนมั้ย หรือว่าจะไปเดินดูของก่อน
    ผมได้คำตอบที่เหมือนกันทุกคนเลยว่า...อยากเดินซื้อของก่อนเราเลยมุ่งหน้าสู่ห้าง มุสตาฟา

    เมื่อมาถึงคนเยอะหนาตาพอสมควร ผมหันไปบอกน้องๆให้ระวังคนล้วงกระเป๋าตามคำเตือนในรีวิวที่อ่านมา ก่อนถึงทางเข้าห้าง เราจะเห็นพ่อค้าแม่ค้า (เป็นแขก) ประมาณคนสองคน ยืนคอยเรียกลูกค้าให้ซื้อของที่อยุู่กับมืออารมณ์ประมาณขายของตามหน้าห้างไรงี้  ซึ่งกว่าจะปฏิเสธและหลบ ไหลเข้าไปตามคนที่หนาตา พวกเราก็ส่ายหน้าเสียจนเมื่อคอไปหมด

    เมื่อเข้ามาที่ห้างเจอกับแอร์เย็นค่อยสบายขึ้นหน่อย (บางคนที่ไม่ชินกับกลิ่น อาจจะไม่ค่อยสบายนะครับ) ภายในห้างเต็มไปด้วยของที่จัดเรียงเป็นหมวดหมู่ ละลานตา มีให้เลือกมากมายตามประเภทที่แยกไว้  

    ผมซึ่งให้คำตอบตัวเองอยู่แล้วว่า...จะไม่ซื้ออะไรที่นี่เพราะก่อนมาอ่านรีวิว พันทิป เค้าถกเถียงกันว่า ของที่ขายที่นี่เป็นของแท้หรือของไม่แท้ ในนั้นเถียงกันจนมึน จนผมมึนไปด้วย เลยตัดสินใจว่า....ไม่ซื้อดีกว่า ขอมาเดินดูเอาบรรยากาศเฉยๆท่าจะดีต่อตัวเอง (ความคิดส่วนบุคคลเด้อ) เลยปล่อยให้น้องๆเลือก เครื่องสำอางค์ น้ำหอม ครีม ขนม นม เนย ช็อคโกแล็ต  บลาๆ (เยอะมาก)

    ระหว่างรอน้องๆ ผมลองไลน์หาน้องสาว ถามนางย้ำอีกครั้งว่าอยากได้น้ำหอมไหมนางตอบกลับมาว่า “ซื้อดีมั้ยอ่ะ ผมก็บอกนางกลับไปว่าลองเสี่ยงดูมั้ย ไหนๆ ก็มาแล้ว นางเลยส่งรูปตัวอย่างมาให้ดู ผมก็ลองเดินหาตามรูป  พอเจอ...ก็รู้สึกว่า ราคาต่อขวดนั้นมันพอฟัดพอเหวี่ยงกับบ้านเราเลย (ถ้าซื้อขวดเดียว) ต้องเอาสามขวดขึ้นไปราคาถึงจะน่าคบ จนแล้วจนรอดก็ได้คำตอบว่า....อย่าดีกว่า  กลับมาซื้อที่บ้านเราก็ได้
    ผมเลยเดินดูนั่น ดู นี่ไปเรื่อยๆ  

    กรุ๊ปเราใช้เวลาที่นี่อยู่นานนับชั่วโมง กระทั่งน้องรูมเมทผม เดินมาบอกว่า เงินไม่พออยากจะใช้เงินไทยแลกเงินดอลล่าสิงคโปร์ที่นี่ กรุ๊ปเราเลยปรึกษากันว่า....แลกที่นี่จะได้เรทดีไหม เสี่ยงหรือเปล่านะจ่ายบัตรเครดิตดีกว่ามั้ย บลาๆ จนกระทั่งใครคนหนึ่งเอ๋ยขึ้น
    ป่ะ..ลองไปแลกดูไม่ลองก็ไม่รู้  ลองถามเรทเค้าดูก่อนก็ได้

    ช่าย..ยยยยยไม่ลองก็ไม่รู้ 
    เราเลยเดินไปที่จุดรับแลกเงิน เมื่อเราเดินมาถึง จุดแลกเงิน(ที่ตั้งอยู่นอกห้าง) ผมรู้สึกว่า บรรยากาศมันเหมือนในหนังฮ่องกงเลย ในช่องแลกเงินจะมีพนักงานหน้าเฉยๆ คนหนึ่ง คอยรับเงินทุกชาติ ทุกสกุลที่ยื่นเข้าไปไม่นานก็จะมีเงินดอลล่าสิงคโปร์ยื่นกลับมา ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนี้ไม่มีเว้นช่วงให้เราเอ่ยปากถามเลย แต่เมื่อมองไปข้างบน จะมีจอเอลอีดีตัวหนึ่ง ในนั้นจะมีข้อมูลกับแลกเลินทั้งหมด….วิ่งไปมาแบบเรียลไทม์

    เมื่อเห็นจอนั้นเราก็ร้องอ๋อ…. พอดูรายละเอียดอัตตราแลกเปี่ยนแล้วต้องร้องโอ้ว….. ได้เรทดีกว่าซุปเปอร์ลิทบ้านเราอีกเด้อ
    น้องรูมเมทยื่นแบ้งค์1000 บาทไทยไป ไม่ถึงนาที เราก็ได้เงิน ดอลล่าสิงคโปร์  กลับมา

    ผมซึ่งกำลังทึ่งคนในเค้าท์เตอร์ว่าเขาจำเงินทุกชาติ ทุกสกุลแบงค์ได้ยังไงนะ เลยหันไปถามน้อง ได้คำตอบหลับมาว่า
    ”แหม๋พี่ก็อาชีพเค้าเนาะ เค้าก็ต้องจำได้ซิ “
    เออ….เนาะๆ ช่ายๆ  (ผมยังจำรอยยิ้มเธอได้เหมือนมืออาชีพเลยแหน่ะ นอกเรื่องอีกแระ)

    จากนั้นเราทั้งหมดก็เดินกลับมาที่ ห้างมุสตาฟาอีกครั้งเพื่อเก็บน้ำหอมที่น้องรูมเมทอยากได้  น้องๆ ในกรุ๊ปได้น้ำหอมคนละขวดสงขวด สามขวดยกเว้นผม ที่ไม่ซื้อ (แต่ลองฉีดมาอยู่นะตามประสาเทศเตอร์ไทยแลนด์ ว่ามันจะหอมนานมั้ย )

    เราใช้เวลาที่นั่นอีกราวครั้ง ชั่วโมง ก็เป็นอันจบความต้องการที่จะเดินดูนั้น นี่ประกอบกับท้องที่ออกอาการร้องออกมาว่า….ฉันหิวแล้วนะเธอ กรุ๊ปเราเลยเดินดูอาหารการกินย่านนั้นพอเราเดินดูไปดูมา ไม่รู้ด้วยเพราะอะไร ทำให้เราคิดตรงกันว่ากลับไปกินร้านแถวโรงแรมดีกว่า…... ซึ่งผมเองก็ดีใจนะที่น้องๆคิดแบบเดียวกัน (จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าทำไมไม่นั่งกินอาหารอินเดียที่นั่น ทั้งๆ ที่อยากลองชิมนะจะว่าแพ้กลิ่นก็ไม่ กลัวหรอ ก็ไม่นะ เพราะที่นั่นปลอดภัยสุดๆ เพราะอะไรไม่รู้เลยรู้แต่ว่า อยากกลับมากินที่ร้านใกล้ๆ โรงแรม)

    ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูปรับโหมดเป็นเวลาบ้านเค้า ได้คำตอว่าโอ้วสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ดึกอยู่นะ กรุ๊ปเราควรเดินทางกลับกันได้แล้ว ไม่งั้นอาจไม่ทันรถไฟ จะเสียค่าแท็กซี่บานตะไทเลยทีเดียว

    กรุ๊ปเราขึ้นรถไฟกลับเส้นเดิมโดยที่ตกลงกันว่า จะไม่คุยหยอกล้อกันเพลินจนเลยสถานีจุดเปลี่ยนสายอีกแล้ว

    เราใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานนี ดาโก้ตา เราออกมาช่องทางเดิม แล้วเดินข้ามสะพานลอยมารอรถเมล์ระหว่างรอ ถนนเงียบ ได้บรรยากาศ เลยคว้ามือถือมาถ่ายรูปอีกชุดใหญ่ (ใช่ฮะ เรามาเพื่อถ่ายรุป) ถ่ายไปถ่ายมา วิวไฟเดอร์กล้องมือถือแพนไปเจอป้ายโฆษณาละคร ผมรู้สึกคุ้นตา เลยเข้าไปดูใกล้ๆละครชื่อ เดอะคิงแอนไอ ยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่เลย(แต่คงไม่ได้ดูหรอก เพราะเรากลับพรุ่งนี้แล้ว) ผมเลยยืนอ่านรายละเอียดว่าแสดงที่ไหน วันไหน แต่ยังอ่านไม่จบเลย น้องก็หันมาบอกว่า….
    พี่รถเมล์มาแล้ว…..เลยรีบกดถ่ายรูปมาแช๊ะนึง
    แล้วรีบตามน้องๆ
    ขึ้นรถเมล์ ทิ้งความอยากดูละครไว้ที่ โปสเตอร์เดอะคิงแอนไอ ไว้เบื้องหลัง แล้วนั่งรถเมล์จากมา….



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in