‘มึงเป็นต้นแบบให้กูในหลายๆเรื่องนะ’
.
ประโยคง่ายๆ ที่นำให้ฉันนึกถึงสิ่งที่ฉันถามตัวเองอยู่ทุกวัน
‘เหตุผลของการมีชีวิตอยู่คืออะไร’
นั่นสิ
เหตุผลของการมีชีวิตอยู่ของฉันคืออะไร
ไม่คาดหวังคำตอบอลังการหรอก สำหรับฉันการได้ลุ้นว่าบอสโคนันคือใครตลอด 11 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตมาตลอดอยู่แลัว แต่อยู่เค้าก็ดันเฉลยบอสในปีที่ 18 ของฉัน มันทำให้ฉันเขวไปสักพักเลย ฉันดิ่งเพียงเพราะว่า ฉันรู้บอสขององค์กรชุดดำแล้ว ชีวิตยังต้องรออะไรอีกวะ ทุกวันนี้เลยต้องหาเหตุผลใหม่ๆในแต่ละวันเพื่อเป็นแรงใจในการมีชีวิตอยู่ต่อ อย่างการหาหนังเรื่องใหม่ที่อยากดู รอว่าในชีวิตจะมีหนังที่ถูกใจฉันมากกว่า spotlight หรือ you are the apple of my eye ได้อีกหรือเปล่า ฉันก็ยังหาเหตุผลในแต่ละวันไปเรื่อยๆ เช่นวันนี้ได้ใส่ชุดพละ วันนี้ได้เรียนคอมพิวเตอร์ หรือแค่วันนี้จะมีเข้าแถวรวม คือแค่นี้ก็มีความสุขในแต่ละวันได้แล้ว
แต่พอชีวิตใกล้ถึงเส้นตาย เห็นเพื่อนเครียดมหาลัย เครียดเรื่องนู่นนี่นั่นก็ถามตัวเองว่า ต้องเครียดตามไหม ต้องร้องไห้หรือเปล่า เริ่มคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่มีอะไรถูกต้องซักอย่าง โทษตัวเองในหลายๆ ครั้ง
จากมีเป้าหมายกลายเป็นคนไม่มีเป้าหมายชัดเจน เริ่มล่องลอย ไม่มีจุดหมายในชีวิต ไม่มีเหตุผลในการมีชีวิต เริ่มคิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่มีอะไรถูกต้องซักอย่าง
จนมีโอกาสได้คุยเปิดอกกับเพื่อนสนิทตอนม.ปลาย ฉันพูดให้ฟังว่าตอนม.ต้นฉันนิสัยไม่ดีเลย ไม่ชอบตัวเองตอนนั้นมากๆ มันพูดมาประโยคนึงว่า
‘มึงเป็นคนที่ทำให้กูสามารถช่างแม่งได้’
งงอะไรของมัน
มันให้เหตุผลว่า ฉันเป็นคนช่างแม่ง ไม่สนใจอะไรที่ไร้สาระ ซึ่งก็จริง อะไรที่ไม่สำคัญในชีวิตฉันจะไม่เก็บมาใส่ใจ เพราะชีวิตมีเรื่องมากพออยู่แล้ว ไม่อยากจะเมมโมรี่สิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจเอาไว้ มันยังพูดอีกว่า กูน่าจะสนิทกับมึงไวๆเนาะ เสียเวลาม.4 ไปตั้งปีนึงแหนะมันทำให้ฉันรู้สึกว่า เออก็มีคนรักเราว่ะ เพราะที่ผ่านมารู้ว่ามีคนรัก แต่ไม่มีใครแสดงออกให้เห็นเลย บางทีฉันก็ต้องการความรักที่แสดงออก
ก็พูดไป ฉันนี่แหละเป็นคนรักแต่ไม่แสดงออกแย่ แย่มากๆ
ถึงจะยังล่องลอยกับชีวิต
แต่อย่างน้อยก็ได้เหตุผลของการมีชีวิตอยู่เพิ่มมาอีกข้อหนึ่ง
*
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in