เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
7




  • "แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าอัลฟ่าอย่างนายที่อ่อนแอกว่าทรูอัลฟ่าแบบฉัน จะรู้สึกอยากถูกครอบครอง


    หลังจากที่เชสพูดออกไปเลสลีย์คนเล็กก็เอาแต่นั่งนิ่งจนผิดวิสัย จะมีก็แต่มือขาวที่บีบแขนของเชสแน่น หากจะให้เดามันก็คงไม่พ้นจะระบายความหงุดหงิดที่แสดงออกมาไม่ได้ เนื่องจากร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยของตัวเอง 


    ดูๆ ไปแล้วมันก็ไม่ต่างจากหมาป่าตัวเล็กที่เขี้ยวเล็บยังไม่แหลมคมดี ทำได้อย่างมากที่สุดก็คงจะเป็นแค่การขู่


    "ถึงฉันจะรู้สึก แต่นายคงไม่มีวันได้ครอบครองหรอกไทเลอร์" 


    "เอาเถอะ ฉันแค่บอกไว้ให้นายรู้ตัว.. ไม่ได้หวังจะทำเรื่องพวกนั้นกับนาย" เชสตอบด้วยความสัตย์จริง ก่อนจะจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายจนเรียบร้อย "ไม่ต้องกังวลหรอก" 


    ถ้าคนแบบเชส ไทเลอร์ เป็นพวกเอาแต่ผลประโยชน์ไม่สนใจเรื่องความถูกต้อง ป่านนี้ในเดอะฮิลล์ก็คงมีโอเมก้าเอาไว้เป็นของเล่นให้พวกคนในหน่วยไปแล้ว 


    "ขนาดไม่ได้หวังแล้วรอยแดงพวกนี้ที่นายทำไว้ นายจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจงั้นสิ" 


    "ตามสัญชาตญาณ.." 


    นับว่าเป็นคำตอบที่ห่วยแตกสิ้นดีในความคิดของแอชเชอร์ มันจะมีสักครั้งไหมที่ไทเลอร์จะหาเหตุผลชักจูงให้แอชเชอร์คล้อยตามได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ 


    "...."


    "แต่อย่างน้อย ฉันก็ยังหักห้ามมันได้" หากเชสไม่สามารถหักห้ามใจได้ เชื่อเถอะ ว่าเลสลีย์คงได้กลายเป็นใครอีกคนที่ต้องหยุดอยู่ภายใต้คำสั่งของอัลฟ่าคู่ชีวิตอย่างเชสไปแล้ว 


    ช่างเป็นการกลบกลิ่นที่เชสเองนั้นไม่ได้ประโยชน์และไม่เสียประโยชน์อะไร...


    "ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ.. ว่าอย่างน้อยหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ยังมีเกียรติ"  ฝ่ายเชสที่ขยับตัวลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียง ก็ทำเพียงแค่ก้มหัวเล็กน้อยด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม แต่ก็ยังคงทำให้แอชเชอร์แอบรู้สึกหมั่นไส้กับการกระทำนั้นอย่างเสียไม่ได้ 


    ยิ่งพูดคุยกับไทเลอร์ ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์ต้องฝืนร่างกายของตัวเองหนักขึ้น ต่างจากตอนที่เจ้าตัวอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว ความเจ็บปวดที่ต้องกัดฟันฝืนทนมันก็ไม่ต่างจากการอยู่ใกล้ขีดความอดทนที่มีอยู่จำกัด 


    "นับว่าเป็นเกียรติที่ได้รับคำชมจากนายน้อย"


    บนใบหน้าคมของไทเลอร์ยังคงมีรอยยิ้มมุมปากประดับอย่างเช่นเคย แต่เรื่องแปลกก็คือการที่หัวหน้าหน่วยคนเก่งนั้นดันคว้ามือของแอชเชอร์ไปจูบหลังมือนี่สิ 


    "นาย..."


    คนป่วยถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ต่อให้สัมผัสอุ่นร้อนจากริมฝีปากเมื่อครู่จะละออกไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่ยังชัดเจนนั่นกำลังทำให้แอชเชอร์เบลอไปหมด  มิหนำซ้ำเจ้าของการกระทำนั่นก็ยังเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจคนที่กำลังตกใจเลยสักนิด 


    ให้ตายเถอะ.. นี่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์สมองกลับไปแล้วหรือไงถึงได้ทำอะไรแบบนี้ลงไป การกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุผลพวกนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเชส ไทเลอร์ เลยสักนิด 


    "เช็ดตัวก็แล้ว แต่ทำไมยังหน้าแดงขนาดนั้นอยู่อีกล่ะเลสลีย์" 


    คำทักของผู้ที่เดินเข้ามาใหม่อย่างเอริค ทำให้คนถูกทักถึงกับชะงักค้างไปยิ่งกว่าเดิม อุณหภูมิในร่างกายที่ว่าร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งเพ่ิ่มมากขึ้นเมื่อเจอประโยคที่ทักตัวเองมาแบบนั้น 


    "เอ่อ..."


    "เชสคงไม่ได้แกล้งอะไรนายหรอก ใช่ไหม?"


    นั่นสิ.. การกระทำพวกนั้นของเชสมันเรียกว่าแกล้งได้หรือเปล่า? แอชเชอร์เองก็ไม่สามารถตีความได้กับคนๆ นี้ 


    "เปล่า" 


    "ก็ดี..."  เอริคไม่ได้ถามซักไซ้อะไรคนป่วยต่อ นอกจากจะเข้ามาดูอาการที่เริ่มจะแย่ของแอชเชอร์ ซึ่งคนป่วยก็ดูจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอย่างที่เคยเป็น ร่องรอยช้ำตามร่างกายกับแผลที่มีคงต้องใช้เวลาสักระยะในการรักษา ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะทำให้แอชเชอร์ยังไม่สามารถกลับไปที่เดอะฮิลล์ได้ แรงกระแทกในการขี่ม้าในระยะทางหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับคนที่ร่างกายนั้นยังบอบช้ำ "ยังไงช่วงนี้ก็อย่าฝืนทำอะไรที่เกินตัวแล้วกัน ถ้านายยังอยากจะรีบหายไวๆ" 


    "อือ.." 


    ผ้าพันแผลผืนใหม่ถูกบรรจงพันเข้าที่ต้นแขนด้านซ้านของแอชเชอร์จนสมบูรณ์  การบาดเจ็บในครั้งนี้คงยังไม่เท่ากับครั้งแรกที่เอริคได้พบกับแอชเชอร์ แต่จะว่าไม่หนักก็คงพูดไม่ได้ในเมื่อแผลเก่าของแอชเชอร์ที่ยังไม่ถึงกับหายเต็มที่นั่นกลับมาโดนเพิ่มรอยช้ำให้เจ็บเพิ่ม 


    แพทย์หนุ่มเก็บข้าวของที่ใช้ทำแผลให้กับแอชเชอร์จนเรียบร้อย ในขณะที่ปล่อยให้อีกฝ่ายกินยาที่อยู่ในถ้วยให้หมด แม้คนป่วยจะมีสีหน้าที่ขยาดกับยาในถ้วยไม่น้อยก็ตาม 


    "ถ้านายไม่อยากต้องมาทนกินอะไรพวกนี้ คราวหน้าคราวหลังก็พยายามทำให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุดซะ" 


    แอชเชอร์ทำได้เพียงแค่ยกยิ้มเล็กๆ ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อยกับคำพูดของเอริคที่ดูจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน 


    "พักซะ แล้วค่อยตื่นมาตั้งคำถามที่นายอยากรู้จากฉัน.."


    เพียงแค่มองสายตาของเลสลีย์ ก็ทำให้เอริครับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงอยากรู้เรื่องราวที่เกิดในเดอะฮิลล์ไม่น้อย แต่จากสภาพเจ้าตัวแล้วคงจะไม่เหมาะหากจะสนทนากับคนป่วยในตอนนี้ 





    ฝ่ายเชสเองหลังจากที่ออกมาจากห้องซึ่งเลสลีย์ใช้พักอยู่ชั่วคราว เจ้าตัวก็ไม่ลืมที่จะเรียกชาลีออกมาด้วยกัน เพื่อให้เอริคได้ทำอะไรสะดวกมากยิ่งขึ้น ขืนให้ชาลีอยู่ด้วยล่ะก็มีหวังเอริคคงได้ออกมาบ่นเชสอีกยาวเหยียด ในแบบที่เรียกว่าฟังวันนี้แล้วเผื่อไปอีกสองเดือนข้างหน้า


    เชสหายเข้าไปคุยกับราเชลสักพักตามประสาคนคุ้นเคย ก่อนจะเดินสำรวจรอบๆ เหมืองแร่อย่างเช่นทุกครั้งที่มาโดยมีชาลีคอยตามอยู่เนืองๆ สภาพของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ค่อนข้างจะไร้ต้นไม้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกในเขตของการทำเหมืองแร่ แต่ก็ยังคงมีคูน้ำรอบๆ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน


    กระต่ายป่าในถุงผ้าสีทึบที่ได้รับมาจากราเชลตกอยู่ในมือของเชสเมื่อร่างสูงเดินกลับมาถึงที่พัก ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบกระต่ายป่าที่ตายแล้วขึ้นมาแล้วโยนส่งให้กับชาลี และนี่ก็นับว่าเป็นรางวัลชิ้นโตสำหรับเกรย์วูล์ฟที่ทำตามหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะกระต่ายป่าในถุงใบขนาดกลางนี่นั้นคืออาหารของชาลีทั้งหมดอย่างไม่มีข้อแม้ 


    แม้ใครจะมองว่าจ่าฝูงของการ์เดียนดูน่ากลัวมากแค่ไหน แต่สำหรับเชสแล้วชาลีนั้นนับได้ว่าเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด เรียกได้ว่าเป็นคู่หูต่างสปีชีย์เลยก็ว่าได้ถ้าจะเปรียบเทียบอย่างนั้น 


    "เลสลีย์คงต้องพักอยู่ที่นี่สักระยะ.." 


    เอริคที่เดินเข้ามาเจอกับเชสเอ่ยบอกทันที ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เชสกำลังยืนอยู่ ด้านคนฟังเองก็เพียงแค่พยักหน้ารับในสิ่งที่หมอหนุ่มบอก มองเผินๆ อาจจะดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ในความจริงแล้วเจ้าตัวกำลังไล่เรียงลำดับเรื่องที่ต้องทำภายในหัวก็เท่านั้น


    "นายกลับไปก่อนก็ได้ ส่วนทางนี้ก็ฝากไว้กับฉัน" เอริคเอ่ยพูดต่อ ในขณะที่ยังคงลอบสังเกตการกระทำของเชสเพื่อเก็บข้อมูลบางอย่างมาแก้ไขข้อสงสัยของตัวเอง 

     
    "บางทีการอยู่ที่นี่ก็อาจจะเสี่ยงไปสำหรับเลสลีย์" เชสตอบเสียงเรียบ


    "ยังไง?"


    "หน่วยกลางต้องเข้ามาเอาแร่ที่นี่ทุกๆ ห้าวัน ครั้งล่าสุดที่พวกนั้นมามันคือเมื่อสองวันก่อน" หัวหน้าหน่วยคนเก่งอดกังวลไม่ได้ แม้เชสจะคุมคนในเดอะฮิลล์ได้ดีแต่เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมคนอื่นที่นอกเหนือได้หมด หากมีใครพลั้งปากขึ้นมาก็คงจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย 


    "ฉันก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป.." 


    ก็ไม่แปลกที่เชส ไทเลอร์ จะรอบคอบและถี่ถ้วนขนาดนี้ ในเมื่อตำแหน่งที่เจ้าตัวยืนอยู่นั้นต้องแบกความรับผิดชอบอยู่เต็มบ่าทั้งสองข้าง 


    "รักษาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้.. ยังไงเราก็ต้องออกจากโรสต์ก่อนที่หน่วยกลางจะมา" แน่นอนว่าถ้าพวกเขาออกจากโรสต์ก่อนที่หน่วยกลางจะมา นั่นจะทำให้ไม่มีทางที่ทั้งสองฝ่ายได้พบกัน ด้วยทิศทางของการเดินทาง เดอะฮิลล์ต้องขึ้นไปทางฝั่งชายแดนที่ติดกับตอนเหนือ แต่หน่วยกลางนั้นต้องเดินทางลงไปทางทิศใต้


    "นั่นร่างกายคน ไม่ใช่เหล็กที่นายจะตีขึ้นมาใหม่ตอนไหนก็ได้นะเชส"


    "เราไม่มีทางเลือก" 


    เอริคถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างไม่รู้จะแย้งอย่างไรในเมื่อทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน 


    "ทุกอย่างที่ทำเพราะสัญญาของเลสลีย์คนโต หรือ เพราะความรู้สึกจริงๆ ของนายกันแน่?" 


    "นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องตอบนาย" 


    ให้มันได้แบบนี้สิไทเลอร์.. นี่ขนาดเอริคยอมถามโดยการเกริ่นเรื่องอื่นมาก่อนหน้าแล้ว เชสก็ยังคงจะปากหนักไม่ยอมพูดเหมือนเคย 


    "งั้นคืนนี้นายก็คงต้องคิดหาคำตอบหนักๆ เพื่อไปตอบเลสลีย์แล้วล่ะ"


    "?"


    "เรื่องที่เกิดขึ้นที่เดอะฮิลล์วันนี้ นายคิดเหรอว่าเลสลีย์จะไม่ถามถึง" 


    "คงจะเป็นนายมากกว่ามั้งที่จะโดนถาม" เชสว่าก่อนจะเดินกลับมานั่งใกล้ๆ กับเอริคหลังจากให้อาหารชาลีเรียบร้อย "นายมีโอกาสเจอหน้ามากกว่าฉัน"


    "ก็ไม่แน่.."


    "แต่นายก็คงรู้ใช่ไหมว่าเรื่องที่อาเธอร์มาเดอะฮิลล์ นั่นเป็นเรื่องที่นายไม่ควรเล่าให้แอชเชอร์ฟัง" 


    "ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนายต้องปิดบังแอชเชอร์ มันมีเหตุผลอะไรที่ทำให้นายต้องทำแบบนี้" 


    "สักวันนายจะรู้.."


    แล้วมันต้องใช้เวลาสักเท่าไหร่กัน? 











    /////











    หลังจากที่ได้กินยาและนอนหลับพักผ่อน อาการของแอชเชอร์ก็ดีขึ้นมากว่าเดิมแม้จะยังมีไข้อยู่ ในช่วงเช้าของวันที่สองนี้ราเชลเองก็นำข้าวที่ต้มกับมันฝรั่งและหัวหอมที่พึ่งทำมาใหม่ๆ เข้ามาให้อัลฟ่าตัวขาวซีดอย่างเช่นเคย ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่มีท่าทีอิดออดในการกินอาหาร ต่างจากคนป่วยทั่วไปที่มักจะไม่ค่อยกิน ซึ่งราเชลเองก็เดาได้ว่าอัลฟ่าตรงหน้าตัวเองคงไม่พ้นเป็นพวกฝืนทานเพื่อให้หายเป็นแน่ 


    มองอีกฝ่ายโดนรวมๆ แล้วก็ทำให้ราเชลยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าอัลฟ่าตัวขาวนี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างคนอื่น ต่อให้ตัดเรื่องใบหน้าที่ไร้ที่ตินั่นออก มันก็ยังคงมีการกระทำอย่างอื่นที่แสดงถึงความเป็นคนที่ถูกอบรบสั่งสอนมาอย่างดี 


    ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้ที่อีกฝ่ายกำลังทาน.. ทั้งท่าทาง การกินอาหาร  มันดูเรียบร้อยไปเสียหมดจนเรียกได้ว่าราเชลเองแทบจะไม่ได้ยินเสียงช้อนกระทบกับถ้วยภาชนะที่ตัวเองใส่ซุปมาให้อีกฝ่าย แน่นอนว่ามันไม่ใช่ท่าทางที่เชื่องช้าจนน่าเกลียด 


    "มีอะไรหรือเปล่า ทำไมนายถึงเอาแต่จ้องฉันแบบนั้น" หลังจากที่กลืนข้าวลงไปในคอแล้ว เจ้าของผมสีปีกกาจึงหันมาตั้งคำถามกับคนที่เอาแต่มองหน้าตัวเอง 


    "นายต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ.." 


    เลสลีย์คนเล็กเอียงคอมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเจ้าตัว 


    "ฮะๆ อะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันเป็นแบบนั้น" 


    "ทุกอย่าง.."


    "...."


    "นายเป็นคนของหัวหน้าไทเลอร์ในแบบไหนกัน" 


    จากริมฝีปากที่เคยยกยิ้มขึ้นมานิดหน่อยก็กลับบึ้งตึงในทันที เมื่อได้ยินประโยคที่แสนจะฟังไม่เข้าหูุ ฟังดูแล้วมันทำให้แอชเชอร์รู้สึกอยากจะบีบคอไทเลอร์ขึ้นมาเสียในตอนนี้ 


    "ฉันอิ่มแล้ว.." แอชเชอร์ตัดบทก่อนจะดันถ้วยอาหารตรงหน้าให้ออกห่างจากตัวเอง ซึ่งท่าทางที่เปลี่ยนไปของแอชเชอร์ก็ทำให้ราเชลรู้ตัวในทันทีว่าตัวเองได้ทำอะไรพลาดลงไปแล้ว


    "ฉันคงถามอะไรนายมากไป หวังว่านายคงไม่ถือสา" 


    "จะขอบคุณมากถ้านายไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก" 


    แอชเชอร์ไม่ต้องการให้ใครมาย้ำสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ ใครจะคิดว่าแค่การกลบกลิ่นมันจะสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายและความรู้สึกของตัวเองได้มากขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ จนต้องตีอกชกลมกับตัวเองอยู่ในใจคนเดียว  


    ทั้งที่เป็นอัลฟ่าแท้ๆ แต่กลับมีความรู้สึกพวกนี้มันก็น่าเจ็บใจไม่น้อย สำหรับแอชเชอร์ เลสลีย์ แล้ว เขาไม่ต้องการครอบครองใคร และ ก็ไม่ต้องการให้ใครมาครอบครองตัวเอง เขารักอิสระเกินกว่าที่จะมาผูกความรู้สึกไว้กับสิ่งที่จะบั่นทอนจิตใจของตัวเอง 


    "นี่ยา.." มือขาวรับถ้วยยาในมือของราเชลมาก่อนจะค่อยๆ ประคองดื่มมันจนหมดถ้วย ทั้งๆที่อยากคายมันออกมาแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เลือกไม่ได้ในเมื่ออยากหายก็ต้องฝืนทนกินเข้าไป จะให้มานอนเจ็บไข้ซมอยู่แบบนี้เห็นจะเป็นการทรมานร่างกายตัวเองเสียเปล่าๆ 


    "แล้วนี่พวกเขาไปไหนแล้วล่ะ" แอชเชอร์อดถามไม่ได้ 


    "เอริคอยู่ที่บ้านพัก ส่วนหัวหน้าไทเลอร์ออกไปช่วยสร้างสะพานอยู่ที่หลังหมู่บ้าน" 


    เท่าที่ผ่านมาสิ่งที่แอชเชอร์มั่นใจอย่างหนึ่งของไทเลอร์ก็คือการที่อีกฝ่ายไม่เคยจะอยู่นิ่งเฉย วันๆ นึงต้องได้ออกไปทำอะไรสักอย่างให้ได้ เหมือนพวกไม่ชอบอยู่สบายๆ 


    "แต่หัวหน้าบอกว่าตอนเย็นจะแวะเข้ามาดูอาการนายอีกรอบ"


    ก็ขอให้ไทเลอร์เข้ามาดูอาการจริงๆ ไม่ใช่มาชวนต่อปากต่อคำ..


    คล้อยหลังที่ราเชลออกไป แอชเชอร์เองก็ยังคงนั่งพิงหัวเตียงอยู่แบบนั้นเพื่อใช้เวลาคิดทบทวนกับตัวเองไปเรื่อยๆ ทุกอย่างที่แอชเชอร์ตั้งใจจะทำมันดูยากเย็นไปเสียหมด ทุกอย่างมันดูไม่เป็นใจต่อให้ไทเลอร์จะช่วยเหลือเขาได้ก็ตาม 


    "มันต้องมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีกสิ"


    ยิ่งเป็นไทเลอร์ก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย คนที่ดูมีความลับอะไรเยอะแยะแบบนี้ แอชเชอร์จะต้องทำยังไงให้หมอนั่นเปิดปากโดยไม่ต้องบีบบังคับ  


    หรือว่าแอชเชอร์จะต้องญาติดีกับไทเลอร์จริงๆ...







    "อาการดีขึ้นบ้างไหม นายน้อย


    ทันทีที่โผล่หน้าเข้ามาให้เห็น ไทเลอร์ก็กวนประสาทแอชเชอร์เข้าให้จนใบหน้าดูดีเรียบนิ่งในทันที เมื่อวานในตอนเย็นไทเลอร์เองก็ไม่ได้โผล่เข้ามาเจอเลสลีย์ตามที่ราเชลบอก ซึ่งนับว่าโชคดีในตอนนั้นแต่กลับไม่ใช่ในตอนนี้


    "ก็ดีขึ้นตามที่นายเห็น" 


    "ร่างกายนายยังฟื้นฟูเร็วเหมือนเดิมเลยจริงๆ" เชสว่าพลางเดินวนรอบเตียงของแอชเชอร์ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียง "แบบนี้คงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ตอนเดินทางกลับเดอะฮิลล์" 


    "ฮะ?" 


    "เราไม่มีเวลาอยู่ที่นี่นานหรอกเลสลีย์ ฉันยังไม่อยากให้หน่วยกลางมาเจอตัวนายตอนนี้" เชสว่าด้วยท่าทีจริงจัง "พวกเราต้องเดินทางออกจากที่นี่บ่ายนี้" 


    "แล้ว..."


    "ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะปล่อยให้นายขี่ม้าเองหรอกเลสลีย์ ขืนปล่อยไปแบบนั้นนายคงได้ตายเพราะตกหลังม้าคอหักกันพอดี" 


    เชสกระตุกยิ้มมุมปากทันทีที่เอ่ยจบ ยิ่งเห็นเลสลีย์มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดจาให้ใบหน้าดูดีนั่นบูดบึ้ง หรือ ไม่ก็ต้องทำให้เลสลีย์คนเล็กเปิดปากเถียงอะไรออกมาสักประโยคให้แสบคันๆ 


    "พึ่งรู้ว่านายมีงานอดิเรกชอบทรมานคนป่วย" 


    "มองฉันในแง่ดีบ้างก็ได้นะเลสลีย์ นี่นายคงไม่ได้คิดว่าฉันจะให้นายเดินกลับหรอกนะ" 


    "แล้วนายจะให้ฉันกลับยังไงไทเลอร์" หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันอีกครั้งโดยที่สายตายังคงจ้องคนที่ยืนอยู่ปลายเตียง "ในเมื่อนายไม่ให้ฉันขี่ม้า.."


    "ก็ไปกับฉันไง.." 


    "!!!" 


    "ไม่ต้องดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้นะเลสลีย์"


    ดีใจบ้าดีใจบออะไรกัน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่แอชเชอร์ต้องมาดีใจสักนิด 


    "หน้าตาฉันดูดีใจมากหรือ?" 


    "อย่างน้อยในฐานะคนที่ถูกกลบกลิ่น นายก็ควรจะดีใจนะที่ได้อยู่ใกล้ๆฉัน" 


    "ถ้าฉันรู้ว่ามันจะกระทบกับเรื่องอื่นแบบนี้ ชาตินี้นายก็ไม่มีวันได้กลบกลิ่นฉันหรอกไทเลอร์"


    "แต่ดูเหมือนว่าชาตินี้ฉันจะได้ทำแล้ว.." 


    แล้วแอชเชอร์จะเถียงอะไรได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง


    "แล้วเอริคล่ะ?"


    "ฉันให้เอริคล่วงหน้ากลับไปตั้งแต่เมื่อเช้า ตอนนี้ที่นี่เหลือแค่เรา


    พระเจ้า.. วินาทีแอชเชอร์แทบอยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด 


    "นายควรพูดว่าแค่ฉันกับนาย มากกว่าที่จะใช้คำว่าเรา


    "ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหนนะเลสลีย์"


    "ถ้าไม่มีทางเลือกให้ฉันตั้งแต่แรกก็อย่ามาอ้อมค้อม" 


    "เหมือนนายเวลาที่หลอกถามอะไรจากเอริคใช่ไหม?" เชสเท้าแขนลงกับปลายเตียงใกล้ๆ กับปลายเท้าของแอชเชอร์ 


    ช่วงที่พักร่างกายนั้นเอริคต้องเข้ามาดูอาการของแอชเชอร์อยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าตัวถูกคนตัวขาวหลอกถามอะไรหลายๆ อย่างอยู่บ่อยๆ ซึ่งคนตอบก็ดูเต็มใจจะบอกง่ายๆ เหมือนตั้งใจกวนประสาทให้เชสมาจัดการอัลฟ่าแดนเหนือที่แสนอยากรู้อยากเห็นนี่เอง 


    ไม่เคยมีใครบอกเลสลีย์เลยหรือไงว่าบางทีความอยากรู้อยากเห็นมันก็มักจะนำพาความเจ็บปวดมาให้ 
    รู้เท่าที่สมควรรู้ ให้ตัวเองไม่เดือดร้อนมันก็มาพอแล้ว..


    "ฉันไม่ได้หลอก"


    "ไม่ได้หลอก เพราะเอริคเต็มใจตอบให้นายว่างั้น?"


    "แล้วฉันไปบังคับคนอื่นให้พูดได้ไหมล่ะ ก็ไม่.."


    "ถ้าอยากรู้นัก ทำไมไม่มาถามฉันตรงๆ"


    "คนแบบนายเนี่ยหรือจะตอบฉัน" 


    "มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน.."


    "แน่นอนว่าฉันคงไม่เสี่ยงกับคนเจ้าเล่ห์แบบนายอีก" 





    แต่สุดท้ายแล้วนายน้อยของเลสลีย์ก็ต้องจำใจขึ้นมานั่งบนหลังม้าโดยที่มีหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั่งซ้อนอยู่ทางด้านหลังของตัวเอง ส่วนชาลีก็ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยรอรับคำสั่งจากคนเป็นเจ้านาย 


    ใบหน้าดูดีถึงกับก้มมองขนแผงคอม้าตัวสีดำสนิทที่มีขนมันเงาแทนที่จะสบตากับราเชลและมอร์แกนที่ออกมาส่งทั้งคู่บริเวณหน้าโรสต์ 


    "แอชเชอร์จะไหวหรือหัวหน้าไทเลอร์" ราเชลเองก็อดเป็นห่วงคนที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งอย่างช่วยไม่ได้ เพราะล่าสุดที่เขาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายรอยช้ำบนร่างกายนั้นก็ยังไม่หายดี 


    "ไม่ไหวก็ต้องอดทนจริงไหม?" 


    "อย่ากังวลเลย ฉันไหว.." แอชเชอร์เอ่ยตอบคนที่ยืนมองอยู่ก่อนจะส่งยิ้มเล็กๆ ให้อีกฝ่าย 


    "ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้เช้าพวกเราต้องส่งแร่ให้หน่วยกลาง ก็จะขออาสาพานายไปส่งที่เดอะฮิลล์"


    "ลำบากพวกนายเปล่าๆ น่ะราเชล" เชสเป็นฝ่ายตอบแทน 


    "ยังไงก็ขอให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัย หากมีอะไรให้พวกเราช่วยอีกก็บอกได้ทันที" 


    "ขอบใจทั้งสองคนมากที่ช่วยเหลือพวกเรา ไว้ถึงวันปลดประจำการเมื่อไหร่ เดอะฮิลล์ยินดีที่จะส่งคนของเรามาช่วยพวกนายที่นี่" 


    "ขอบคุณ"




    เมื่อพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเชสเองก็ค่อยๆ ควบม้าออกมาจากโรสต์โดยมีอัลฟ่าแดนเหนือนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ข้างหน้าตัวเอง ไทเลอร์เองก็ยังคงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแอชเชอร์ปะปนกับกลิ่นประจำตัวของตัวเองที่เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด 


    "นายหลับหรือเลสลีย์" เชสเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ เมื่อยังเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมปริปากพูดกับตัวเองสักคำทั้งๆที่อยู่กันเพียงสองคน 


    "ฉันเจ็บแผล.." มือขาวซีดแตะเบาๆ ที่หน้าท้องของตัวเองก่อนจะแสดงสีหน้าแหยแก "มันกระแทก" ฟังจากน้ำเสียงของเลสลีย์แล้วก็คงจะเจ็บไม่น้อย 


    "ไว้สักระยะหนึ่งฉันจะแวะพักให้นาย" 


    "อืม.."  


    แอชเชอร์รับข้อเสนอของเชสอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะอยากกัดฟันทนแต่มันก็คงไม่ดีกับร่างกายของตัวเองเท่าไหร่นัก ครั้นจะให้ช้าลงกว่านี้ก็คงจะทำให้การเดินทางมันยืดยาวเข้าไปอีก  เมื่อมองลงไปทางด้านล่างๆ ฝั่งข้างกันนั้น แอชเชอร์ก็ยังคงเห็นชาลีที่เดินทอดน่องอยู่อย่างสบายอกสบายใจ 


    "เดี๋ยวยาที่เอริคให้นายไว้ก็คงจะออกฤทธิ์" 


    "แต่ฉันไม่อยากหลับ.." 


    "ไม่อยากหลับหรือว่าไม่อยากนอนพิงอกฉันกันแน่เลสลีย์" 


    ทั้งที่แอชเชอร์อุตส่าห์เลี่ยงพูดแล้วแท้ๆ แต่ไทเลอร์ก็กลับพูดมันออกมาหน้าตาเฉย 


    "นายก็รู้นี่" 


    "แค่นอนพิงอกฉันมันจะทำให้นายเสียศักดิ์ศรีอะไรกัน" เชสก้มหน้าลงไปถามใกล้กับใบหูขาว จนทำให้คนที่กำลังนั่งนิ่งนั้นตกใจจนสะดุ้งแล้วเอี้ยวใบหน้ากลับมาหาเจ้าของผิวสีแทน 


    "ไทเลอร์..." 


    กลีบปากบางที่แสนจะนุ่มนิ่มนั้นสัมผัสกับริมฝีปากของเชสทุกครั้งที่ขยับปากพูด ครั้นจะให้ขยับถอยหนีก็ถูกแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่โอบผ่านรอบเอวตัวเองนั้นล็อคเอาไว้ 


    นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่แอชเชอร์ได้มองตาของไทเลอร์ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้และเต็มตา ซึ่งในเวลานี้มันก็ช่างเป็นจังหวะที่ไม่สมควรจริงๆ 


    กลิ่นไม้ซีดาร์ที่มาจากทรูอัลฟ่าผิวสีแทนไม่ได้ทำให้แอชเชอร์รู้สึกสดชื่นอย่างที่ควรเป็น ตรงกันข้ามด้วยซ้ำเพราะตอนนี้แอชเชอร์ เลสลีย์กับรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิดที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ 


    "ฉันไม่เล่น.." ยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้สัมผัสกันมากขึ้นจนเกินความจำเป็น 


    "กลิ่นนายนี่มันหอมกว่ากลิ่นโอเมก้าด้วยซ้ำ" ดวงตาเจ้าเล่ห์มีประกายบางอย่างขึ้นมาทันทีที่ประสานสายตากับอัลฟ่าตัวขาว 


    "อย่าเอาฉันไปเปรียบกับโอเมก้า" 


    "แน่นอนว่านายอยู่สูงกว่าพวกนั้นอยู่แล้วเลสลีย์"


    "...."


    "โอเมก้าพวกนั้นไม่มีทางเป็นได้เหมือนอย่างที่นายเป็นเลยสักนิด" 


    "ฉัน.." 


    "จูบได้ไหม.." 


    คำขออนุญาตของเชสนั้นคงเป็นเพียงแค่พูดตามมารยาทที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี  ในเมื่อสุดท้ายไทเลอร์ก็ได้โอกาสลิ้มรสความหอมหวานจากริมฝีปากของเจ้าของกลิ่นกุหลาบดามัสก์อีกครั้ง... โดยที่แอชเชอร์เองก็ทำได้แค่เพียงรับสัมผัสนั้นอย่างจำยอม 


    "อยู่ๆ ในหัวฉันตอนนี้ มันก็กลับคิดอยากจะทำมากกว่าจูบเสียอีกเลสลีย์


    แรงดึงดูดระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้านั้นคงเทียบไม่ได้กับแรงดึงดูดระหว่างอัลฟ่าและทรูอัลฟ่า...


    "ฉันอยากนอนแล้ว" แอชเชอร์ตัดบทก่อนจะเอี้ยวใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนที่บดขยี้ริมฝีปากตัวเองจนแดงช้ำเมื่อครู่ 


    "ไม่รังเกียจอกฉันแล้วหรือไง" แต่เชสก็ยังคงแหย่อีกฝ่ายไม่เลิก "ถ้าจะนอนก็ต้องพิงอกฉันนะ" 


    "หุบปากสักทีไทเลอร์" คนตัวขาวที่ไร้ทางเลือกกระแทกตัวลงพิงกับอกของเชสก่อนจะหลับตาหนี ทิ้งให้คนที่กลายเป็นหมอนจำเป็นทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป 


    "ถ้าเจ็บแผลมากกว่านี้ก็บอกฉัน" 


    "...."


    "เพราะถ้าไม่บอก นายคงได้นอนพิงอกฉันแบบนี้จนถึงเดอะฮิลล์แน่..." 









    HASTAG #youngmastermn 






    เราลงฟิคไว้สองที่นะคะ ทั้งในDEK-D แล้วก็ minomore สามารถเลือกอ่านกันได้ตามความสะดวกเลยนะคะ ʕ≧ᴥ≦ʔ 










Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in