"แล้วมันจะแปลกอะไรถ้าอัลฟ่าอย่างนายที่อ่อนแอกว่าทรูอัลฟ่าแบบฉัน จะรู้สึกอยากถูกครอบครอง"
หลังจากที่เชสพูดออกไปเลสลีย์คนเล็กก็เอาแต่นั่งนิ่งจนผิดวิสัย จะมีก็แต่มือขาวที่บีบแขนของเชสแน่น หากจะให้เดามันก็คงไม่พ้นจะระบายความหงุดหงิดที่แสดงออกมาไม่ได้ เนื่องจากร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวยของตัวเอง
ดูๆ ไปแล้วมันก็ไม่ต่างจากหมาป่าตัวเล็กที่เขี้ยวเล็บยังไม่แหลมคมดี ทำได้อย่างมากที่สุดก็คงจะเป็นแค่การขู่
"ถึงฉันจะรู้สึก แต่นายคงไม่มีวันได้ครอบครองหรอกไทเลอร์"
"เอาเถอะ ฉันแค่บอกไว้ให้นายรู้ตัว.. ไม่ได้หวังจะทำเรื่องพวกนั้นกับนาย" เชสตอบด้วยความสัตย์จริง ก่อนจะจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายจนเรียบร้อย "ไม่ต้องกังวลหรอก"
ถ้าคนแบบเชส ไทเลอร์ เป็นพวกเอาแต่ผลประโยชน์ไม่สนใจเรื่องความถูกต้อง ป่านนี้ในเดอะฮิลล์ก็คงมีโอเมก้าเอาไว้เป็นของเล่นให้พวกคนในหน่วยไปแล้ว
"ขนาดไม่ได้หวังแล้วรอยแดงพวกนี้ที่นายทำไว้ นายจะบอกว่าไม่ได้ตั้งใจงั้นสิ"
"ตามสัญชาตญาณ.."
นับว่าเป็นคำตอบที่ห่วยแตกสิ้นดีในความคิดของแอชเชอร์ มันจะมีสักครั้งไหมที่ไทเลอร์จะหาเหตุผลชักจูงให้แอชเชอร์คล้อยตามได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ
"...."
"แต่อย่างน้อย ฉันก็ยังหักห้ามมันได้" หากเชสไม่สามารถหักห้ามใจได้ เชื่อเถอะ ว่าเลสลีย์คงได้กลายเป็นใครอีกคนที่ต้องหยุดอยู่ภายใต้คำสั่งของอัลฟ่าคู่ชีวิตอย่างเชสไปแล้ว
ช่างเป็นการกลบกลิ่นที่เชสเองนั้นไม่ได้ประโยชน์และไม่เสียประโยชน์อะไร...
"ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ.. ว่าอย่างน้อยหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์ก็ยังมีเกียรติ" ฝ่ายเชสที่ขยับตัวลุกขึ้นยืนอยู่ข้างเตียง ก็ทำเพียงแค่ก้มหัวเล็กน้อยด้วยท่าทางที่อ่อนน้อม แต่ก็ยังคงทำให้แอชเชอร์แอบรู้สึกหมั่นไส้กับการกระทำนั้นอย่างเสียไม่ได้
ยิ่งพูดคุยกับไทเลอร์ ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์ต้องฝืนร่างกายของตัวเองหนักขึ้น ต่างจากตอนที่เจ้าตัวอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว ความเจ็บปวดที่ต้องกัดฟันฝืนทนมันก็ไม่ต่างจากการอยู่ใกล้ขีดความอดทนที่มีอยู่จำกัด
"นับว่าเป็นเกียรติที่ได้รับคำชมจากนายน้อย"
บนใบหน้าคมของไทเลอร์ยังคงมีรอยยิ้มมุมปากประดับอย่างเช่นเคย แต่เรื่องแปลกก็คือการที่หัวหน้าหน่วยคนเก่งนั้นดันคว้ามือของแอชเชอร์ไปจูบหลังมือนี่สิ
"นาย..."
คนป่วยถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ต่อให้สัมผัสอุ่นร้อนจากริมฝีปากเมื่อครู่จะละออกไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่ยังชัดเจนนั่นกำลังทำให้แอชเชอร์เบลอไปหมด มิหนำซ้ำเจ้าของการกระทำนั่นก็ยังเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจคนที่กำลังตกใจเลยสักนิด
ให้ตายเถอะ.. นี่หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์สมองกลับไปแล้วหรือไงถึงได้ทำอะไรแบบนี้ลงไป การกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุผลพวกนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับเชส ไทเลอร์ เลยสักนิด
"เช็ดตัวก็แล้ว แต่ทำไมยังหน้าแดงขนาดนั้นอยู่อีกล่ะเลสลีย์"
คำทักของผู้ที่เดินเข้ามาใหม่อย่างเอริค ทำให้คนถูกทักถึงกับชะงักค้างไปยิ่งกว่าเดิม อุณหภูมิในร่างกายที่ว่าร้อนอยู่แล้วก็ยิ่งเพ่ิ่มมากขึ้นเมื่อเจอประโยคที่ทักตัวเองมาแบบนั้น
"เอ่อ..."
"เชสคงไม่ได้แกล้งอะไรนายหรอก ใช่ไหม?"
นั่นสิ.. การกระทำพวกนั้นของเชสมันเรียกว่าแกล้งได้หรือเปล่า? แอชเชอร์เองก็ไม่สามารถตีความได้กับคนๆ นี้
"เปล่า"
"ก็ดี..." เอริคไม่ได้ถามซักไซ้อะไรคนป่วยต่อ นอกจากจะเข้ามาดูอาการที่เริ่มจะแย่ของแอชเชอร์ ซึ่งคนป่วยก็ดูจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอย่างที่เคยเป็น ร่องรอยช้ำตามร่างกายกับแผลที่มีคงต้องใช้เวลาสักระยะในการรักษา ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะทำให้แอชเชอร์ยังไม่สามารถกลับไปที่เดอะฮิลล์ได้ แรงกระแทกในการขี่ม้าในระยะทางหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องดีนักสำหรับคนที่ร่างกายนั้นยังบอบช้ำ "ยังไงช่วงนี้ก็อย่าฝืนทำอะไรที่เกินตัวแล้วกัน ถ้านายยังอยากจะรีบหายไวๆ"
"อือ.."
ผ้าพันแผลผืนใหม่ถูกบรรจงพันเข้าที่ต้นแขนด้านซ้านของแอชเชอร์จนสมบูรณ์ การบาดเจ็บในครั้งนี้คงยังไม่เท่ากับครั้งแรกที่เอริคได้พบกับแอชเชอร์ แต่จะว่าไม่หนักก็คงพูดไม่ได้ในเมื่อแผลเก่าของแอชเชอร์ที่ยังไม่ถึงกับหายเต็มที่นั่นกลับมาโดนเพิ่มรอยช้ำให้เจ็บเพิ่ม
แพทย์หนุ่มเก็บข้าวของที่ใช้ทำแผลให้กับแอชเชอร์จนเรียบร้อย ในขณะที่ปล่อยให้อีกฝ่ายกินยาที่อยู่ในถ้วยให้หมด แม้คนป่วยจะมีสีหน้าที่ขยาดกับยาในถ้วยไม่น้อยก็ตาม
"ถ้านายไม่อยากต้องมาทนกินอะไรพวกนี้ คราวหน้าคราวหลังก็พยายามทำให้ตัวเองเจ็บน้อยที่สุดซะ"
แอชเชอร์ทำได้เพียงแค่ยกยิ้มเล็กๆ ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อยกับคำพูดของเอริคที่ดูจะเป็นไปได้ยากเหลือเกิน
"พักซะ แล้วค่อยตื่นมาตั้งคำถามที่นายอยากรู้จากฉัน.."
เพียงแค่มองสายตาของเลสลีย์ ก็ทำให้เอริครับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงอยากรู้เรื่องราวที่เกิดในเดอะฮิลล์ไม่น้อย แต่จากสภาพเจ้าตัวแล้วคงจะไม่เหมาะหากจะสนทนากับคนป่วยในตอนนี้
ฝ่ายเชสเองหลังจากที่ออกมาจากห้องซึ่งเลสลีย์ใช้พักอยู่ชั่วคราว เจ้าตัวก็ไม่ลืมที่จะเรียกชาลีออกมาด้วยกัน เพื่อให้เอริคได้ทำอะไรสะดวกมากยิ่งขึ้น ขืนให้ชาลีอยู่ด้วยล่ะก็มีหวังเอริคคงได้ออกมาบ่นเชสอีกยาวเหยียด ในแบบที่เรียกว่าฟังวันนี้แล้วเผื่อไปอีกสองเดือนข้างหน้า
เชสหายเข้าไปคุยกับราเชลสักพักตามประสาคนคุ้นเคย ก่อนจะเดินสำรวจรอบๆ เหมืองแร่อย่างเช่นทุกครั้งที่มาโดยมีชาลีคอยตามอยู่เนืองๆ สภาพของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ค่อนข้างจะไร้ต้นไม้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกในเขตของการทำเหมืองแร่ แต่ก็ยังคงมีคูน้ำรอบๆ เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
กระต่ายป่าในถุงผ้าสีทึบที่ได้รับมาจากราเชลตกอยู่ในมือของเชสเมื่อร่างสูงเดินกลับมาถึงที่พัก ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบกระต่ายป่าที่ตายแล้วขึ้นมาแล้วโยนส่งให้กับชาลี และนี่ก็นับว่าเป็นรางวัลชิ้นโตสำหรับเกรย์วูล์ฟที่ทำตามหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะกระต่ายป่าในถุงใบขนาดกลางนี่นั้นคืออาหารของชาลีทั้งหมดอย่างไม่มีข้อแม้
แม้ใครจะมองว่าจ่าฝูงของการ์เดียนดูน่ากลัวมากแค่ไหน แต่สำหรับเชสแล้วชาลีนั้นนับได้ว่าเป็นเพื่อนที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด เรียกได้ว่าเป็นคู่หูต่างสปีชีย์เลยก็ว่าได้ถ้าจะเปรียบเทียบอย่างนั้น
"เลสลีย์คงต้องพักอยู่ที่นี่สักระยะ.."
เอริคที่เดินเข้ามาเจอกับเชสเอ่ยบอกทันที ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เชสกำลังยืนอยู่ ด้านคนฟังเองก็เพียงแค่พยักหน้ารับในสิ่งที่หมอหนุ่มบอก มองเผินๆ อาจจะดูเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ในความจริงแล้วเจ้าตัวกำลังไล่เรียงลำดับเรื่องที่ต้องทำภายในหัวก็เท่านั้น
"นายกลับไปก่อนก็ได้ ส่วนทางนี้ก็ฝากไว้กับฉัน" เอริคเอ่ยพูดต่อ ในขณะที่ยังคงลอบสังเกตการกระทำของเชสเพื่อเก็บข้อมูลบางอย่างมาแก้ไขข้อสงสัยของตัวเอง
"บางทีการอยู่ที่นี่ก็อาจจะเสี่ยงไปสำหรับเลสลีย์" เชสตอบเสียงเรียบ
"ยังไง?"
"หน่วยกลางต้องเข้ามาเอาแร่ที่นี่ทุกๆ ห้าวัน ครั้งล่าสุดที่พวกนั้นมามันคือเมื่อสองวันก่อน" หัวหน้าหน่วยคนเก่งอดกังวลไม่ได้ แม้เชสจะคุมคนในเดอะฮิลล์ได้ดีแต่เขาเองก็ไม่สามารถควบคุมคนอื่นที่นอกเหนือได้หมด หากมีใครพลั้งปากขึ้นมาก็คงจะได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
"ฉันก็ลืมคิดเรื่องนี้ไป.."
ก็ไม่แปลกที่เชส ไทเลอร์ จะรอบคอบและถี่ถ้วนขนาดนี้ ในเมื่อตำแหน่งที่เจ้าตัวยืนอยู่นั้นต้องแบกความรับผิดชอบอยู่เต็มบ่าทั้งสองข้าง
"รักษาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้.. ยังไงเราก็ต้องออกจากโรสต์ก่อนที่หน่วยกลางจะมา" แน่นอนว่าถ้าพวกเขาออกจากโรสต์ก่อนที่หน่วยกลางจะมา นั่นจะทำให้ไม่มีทางที่ทั้งสองฝ่ายได้พบกัน ด้วยทิศทางของการเดินทาง เดอะฮิลล์ต้องขึ้นไปทางฝั่งชายแดนที่ติดกับตอนเหนือ แต่หน่วยกลางนั้นต้องเดินทางลงไปทางทิศใต้
"นั่นร่างกายคน ไม่ใช่เหล็กที่นายจะตีขึ้นมาใหม่ตอนไหนก็ได้นะเชส"
"เราไม่มีทางเลือก"
เอริคถึงกับถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างไม่รู้จะแย้งอย่างไรในเมื่อทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน
"ทุกอย่างที่ทำเพราะสัญญาของเลสลีย์คนโต หรือ เพราะความรู้สึกจริงๆ ของนายกันแน่?"
"นั่นไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องตอบนาย"
ให้มันได้แบบนี้สิไทเลอร์.. นี่ขนาดเอริคยอมถามโดยการเกริ่นเรื่องอื่นมาก่อนหน้าแล้ว เชสก็ยังคงจะปากหนักไม่ยอมพูดเหมือนเคย
"งั้นคืนนี้นายก็คงต้องคิดหาคำตอบหนักๆ เพื่อไปตอบเลสลีย์แล้วล่ะ"
"?"
"เรื่องที่เกิดขึ้นที่เดอะฮิลล์วันนี้ นายคิดเหรอว่าเลสลีย์จะไม่ถามถึง"
"คงจะเป็นนายมากกว่ามั้งที่จะโดนถาม" เชสว่าก่อนจะเดินกลับมานั่งใกล้ๆ กับเอริคหลังจากให้อาหารชาลีเรียบร้อย "นายมีโอกาสเจอหน้ามากกว่าฉัน"
"ก็ไม่แน่.."
"แต่นายก็คงรู้ใช่ไหมว่าเรื่องที่อาเธอร์มาเดอะฮิลล์ นั่นเป็นเรื่องที่นายไม่ควรเล่าให้แอชเชอร์ฟัง"
"ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนายต้องปิดบังแอชเชอร์ มันมีเหตุผลอะไรที่ทำให้นายต้องทำแบบนี้"
"สักวันนายจะรู้.."
แล้วมันต้องใช้เวลาสักเท่าไหร่กัน?
/////
หลังจากที่ได้กินยาและนอนหลับพักผ่อน อาการของแอชเชอร์ก็ดีขึ้นมากว่าเดิมแม้จะยังมีไข้อยู่ ในช่วงเช้าของวันที่สองนี้ราเชลเองก็นำข้าวที่ต้มกับมันฝรั่งและหัวหอมที่พึ่งทำมาใหม่ๆ เข้ามาให้อัลฟ่าตัวขาวซีดอย่างเช่นเคย ซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่มีท่าทีอิดออดในการกินอาหาร ต่างจากคนป่วยทั่วไปที่มักจะไม่ค่อยกิน ซึ่งราเชลเองก็เดาได้ว่าอัลฟ่าตรงหน้าตัวเองคงไม่พ้นเป็นพวกฝืนทานเพื่อให้หายเป็นแน่
มองอีกฝ่ายโดนรวมๆ แล้วก็ทำให้ราเชลยิ่งมั่นใจเข้าไปใหญ่ว่าอัลฟ่าตัวขาวนี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างคนอื่น ต่อให้ตัดเรื่องใบหน้าที่ไร้ที่ตินั่นออก มันก็ยังคงมีการกระทำอย่างอื่นที่แสดงถึงความเป็นคนที่ถูกอบรบสั่งสอนมาอย่างดี
ยกตัวอย่างเช่นในตอนนี้ที่อีกฝ่ายกำลังทาน.. ทั้งท่าทาง การกินอาหาร มันดูเรียบร้อยไปเสียหมดจนเรียกได้ว่าราเชลเองแทบจะไม่ได้ยินเสียงช้อนกระทบกับถ้วยภาชนะที่ตัวเองใส่ซุปมาให้อีกฝ่าย แน่นอนว่ามันไม่ใช่ท่าทางที่เชื่องช้าจนน่าเกลียด
"มีอะไรหรือเปล่า ทำไมนายถึงเอาแต่จ้องฉันแบบนั้น" หลังจากที่กลืนข้าวลงไปในคอแล้ว เจ้าของผมสีปีกกาจึงหันมาตั้งคำถามกับคนที่เอาแต่มองหน้าตัวเอง
"นายต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ.."
เลสลีย์คนเล็กเอียงคอมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเจ้าตัว
"ฮะๆ อะไรที่ทำให้นายคิดว่าฉันเป็นแบบนั้น"
"ทุกอย่าง.."
"...."
"นายเป็นคนของหัวหน้าไทเลอร์ในแบบไหนกัน"
จากริมฝีปากที่เคยยกยิ้มขึ้นมานิดหน่อยก็กลับบึ้งตึงในทันที เมื่อได้ยินประโยคที่แสนจะฟังไม่เข้าหูุ ฟังดูแล้วมันทำให้แอชเชอร์รู้สึกอยากจะบีบคอไทเลอร์ขึ้นมาเสียในตอนนี้
"ฉันอิ่มแล้ว.." แอชเชอร์ตัดบทก่อนจะดันถ้วยอาหารตรงหน้าให้ออกห่างจากตัวเอง ซึ่งท่าทางที่เปลี่ยนไปของแอชเชอร์ก็ทำให้ราเชลรู้ตัวในทันทีว่าตัวเองได้ทำอะไรพลาดลงไปแล้ว
"ฉันคงถามอะไรนายมากไป หวังว่านายคงไม่ถือสา"
"จะขอบคุณมากถ้านายไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก"
แอชเชอร์ไม่ต้องการให้ใครมาย้ำสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ ใครจะคิดว่าแค่การกลบกลิ่นมันจะสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายและความรู้สึกของตัวเองได้มากขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมได้ จนต้องตีอกชกลมกับตัวเองอยู่ในใจคนเดียว
ทั้งที่เป็นอัลฟ่าแท้ๆ แต่กลับมีความรู้สึกพวกนี้มันก็น่าเจ็บใจไม่น้อย สำหรับแอชเชอร์ เลสลีย์ แล้ว เขาไม่ต้องการครอบครองใคร และ ก็ไม่ต้องการให้ใครมาครอบครองตัวเอง เขารักอิสระเกินกว่าที่จะมาผูกความรู้สึกไว้กับสิ่งที่จะบั่นทอนจิตใจของตัวเอง
"นี่ยา.." มือขาวรับถ้วยยาในมือของราเชลมาก่อนจะค่อยๆ ประคองดื่มมันจนหมดถ้วย ทั้งๆที่อยากคายมันออกมาแค่ไหนก็ตาม แต่ก็เลือกไม่ได้ในเมื่ออยากหายก็ต้องฝืนทนกินเข้าไป จะให้มานอนเจ็บไข้ซมอยู่แบบนี้เห็นจะเป็นการทรมานร่างกายตัวเองเสียเปล่าๆ
"แล้วนี่พวกเขาไปไหนแล้วล่ะ" แอชเชอร์อดถามไม่ได้
"เอริคอยู่ที่บ้านพัก ส่วนหัวหน้าไทเลอร์ออกไปช่วยสร้างสะพานอยู่ที่หลังหมู่บ้าน"
เท่าที่ผ่านมาสิ่งที่แอชเชอร์มั่นใจอย่างหนึ่งของไทเลอร์ก็คือการที่อีกฝ่ายไม่เคยจะอยู่นิ่งเฉย วันๆ นึงต้องได้ออกไปทำอะไรสักอย่างให้ได้ เหมือนพวกไม่ชอบอยู่สบายๆ
"แต่หัวหน้าบอกว่าตอนเย็นจะแวะเข้ามาดูอาการนายอีกรอบ"
ก็ขอให้ไทเลอร์เข้ามาดูอาการจริงๆ ไม่ใช่มาชวนต่อปากต่อคำ..
คล้อยหลังที่ราเชลออกไป แอชเชอร์เองก็ยังคงนั่งพิงหัวเตียงอยู่แบบนั้นเพื่อใช้เวลาคิดทบทวนกับตัวเองไปเรื่อยๆ ทุกอย่างที่แอชเชอร์ตั้งใจจะทำมันดูยากเย็นไปเสียหมด ทุกอย่างมันดูไม่เป็นใจต่อให้ไทเลอร์จะช่วยเหลือเขาได้ก็ตาม
"มันต้องมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้อีกสิ"
ยิ่งเป็นไทเลอร์ก็ยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย คนที่ดูมีความลับอะไรเยอะแยะแบบนี้ แอชเชอร์จะต้องทำยังไงให้หมอนั่นเปิดปากโดยไม่ต้องบีบบังคับ
หรือว่าแอชเชอร์จะต้องญาติดีกับไทเลอร์จริงๆ...
"อาการดีขึ้นบ้างไหม นายน้อย"
ทันทีที่โผล่หน้าเข้ามาให้เห็น ไทเลอร์ก็กวนประสาทแอชเชอร์เข้าให้จนใบหน้าดูดีเรียบนิ่งในทันที เมื่อวานในตอนเย็นไทเลอร์เองก็ไม่ได้โผล่เข้ามาเจอเลสลีย์ตามที่ราเชลบอก ซึ่งนับว่าโชคดีในตอนนั้นแต่กลับไม่ใช่ในตอนนี้
"ก็ดีขึ้นตามที่นายเห็น"
"ร่างกายนายยังฟื้นฟูเร็วเหมือนเดิมเลยจริงๆ" เชสว่าพลางเดินวนรอบเตียงของแอชเชอร์ ก่อนจะหยุดยืนอยู่ที่ปลายเตียง "แบบนี้คงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ตอนเดินทางกลับเดอะฮิลล์"
"ฮะ?"
"เราไม่มีเวลาอยู่ที่นี่นานหรอกเลสลีย์ ฉันยังไม่อยากให้หน่วยกลางมาเจอตัวนายตอนนี้" เชสว่าด้วยท่าทีจริงจัง "พวกเราต้องเดินทางออกจากที่นี่บ่ายนี้"
"แล้ว..."
"ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะปล่อยให้นายขี่ม้าเองหรอกเลสลีย์ ขืนปล่อยไปแบบนั้นนายคงได้ตายเพราะตกหลังม้าคอหักกันพอดี"
เชสกระตุกยิ้มมุมปากทันทีที่เอ่ยจบ ยิ่งเห็นเลสลีย์มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องพูดจาให้ใบหน้าดูดีนั่นบูดบึ้ง หรือ ไม่ก็ต้องทำให้เลสลีย์คนเล็กเปิดปากเถียงอะไรออกมาสักประโยคให้แสบคันๆ
"พึ่งรู้ว่านายมีงานอดิเรกชอบทรมานคนป่วย"
"มองฉันในแง่ดีบ้างก็ได้นะเลสลีย์ นี่นายคงไม่ได้คิดว่าฉันจะให้นายเดินกลับหรอกนะ"
"แล้วนายจะให้ฉันกลับยังไงไทเลอร์" หัวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันอีกครั้งโดยที่สายตายังคงจ้องคนที่ยืนอยู่ปลายเตียง "ในเมื่อนายไม่ให้ฉันขี่ม้า.."
"ก็ไปกับฉันไง.."
"!!!"
"ไม่ต้องดีใจออกนอกหน้าขนาดนั้นก็ได้นะเลสลีย์"
ดีใจบ้าดีใจบออะไรกัน นี่มันไม่ใช่เรื่องที่แอชเชอร์ต้องมาดีใจสักนิด
"หน้าตาฉันดูดีใจมากหรือ?"
"อย่างน้อยในฐานะคนที่ถูกกลบกลิ่น นายก็ควรจะดีใจนะที่ได้อยู่ใกล้ๆฉัน"
"ถ้าฉันรู้ว่ามันจะกระทบกับเรื่องอื่นแบบนี้ ชาตินี้นายก็ไม่มีวันได้กลบกลิ่นฉันหรอกไทเลอร์"
"แต่ดูเหมือนว่าชาตินี้ฉันจะได้ทำแล้ว.."
แล้วแอชเชอร์จะเถียงอะไรได้ในเมื่อมันเป็นเรื่องจริง
"แล้วเอริคล่ะ?"
"ฉันให้เอริคล่วงหน้ากลับไปตั้งแต่เมื่อเช้า ตอนนี้ที่นี่เหลือแค่เรา"
พระเจ้า.. วินาทีแอชเชอร์แทบอยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด
"นายควรพูดว่าแค่ฉันกับนาย มากกว่าที่จะใช้คำว่าเรา"
"ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหนนะเลสลีย์"
"ถ้าไม่มีทางเลือกให้ฉันตั้งแต่แรกก็อย่ามาอ้อมค้อม"
"เหมือนนายเวลาที่หลอกถามอะไรจากเอริคใช่ไหม?" เชสเท้าแขนลงกับปลายเตียงใกล้ๆ กับปลายเท้าของแอชเชอร์
ช่วงที่พักร่างกายนั้นเอริคต้องเข้ามาดูอาการของแอชเชอร์อยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าตัวถูกคนตัวขาวหลอกถามอะไรหลายๆ อย่างอยู่บ่อยๆ ซึ่งคนตอบก็ดูเต็มใจจะบอกง่ายๆ เหมือนตั้งใจกวนประสาทให้เชสมาจัดการอัลฟ่าแดนเหนือที่แสนอยากรู้อยากเห็นนี่เอง
ไม่เคยมีใครบอกเลสลีย์เลยหรือไงว่าบางทีความอยากรู้อยากเห็นมันก็มักจะนำพาความเจ็บปวดมาให้
รู้เท่าที่สมควรรู้ ให้ตัวเองไม่เดือดร้อนมันก็มาพอแล้ว..
"ฉันไม่ได้หลอก"
"ไม่ได้หลอก เพราะเอริคเต็มใจตอบให้นายว่างั้น?"
"แล้วฉันไปบังคับคนอื่นให้พูดได้ไหมล่ะ ก็ไม่.."
"ถ้าอยากรู้นัก ทำไมไม่มาถามฉันตรงๆ"
"คนแบบนายเนี่ยหรือจะตอบฉัน"
"มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน.."
"แน่นอนว่าฉันคงไม่เสี่ยงกับคนเจ้าเล่ห์แบบนายอีก"
แต่สุดท้ายแล้วนายน้อยของเลสลีย์ก็ต้องจำใจขึ้นมานั่งบนหลังม้าโดยที่มีหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์นั่งซ้อนอยู่ทางด้านหลังของตัวเอง ส่วนชาลีก็ยืนอยู่ใกล้ๆ คอยรอรับคำสั่งจากคนเป็นเจ้านาย
ใบหน้าดูดีถึงกับก้มมองขนแผงคอม้าตัวสีดำสนิทที่มีขนมันเงาแทนที่จะสบตากับราเชลและมอร์แกนที่ออกมาส่งทั้งคู่บริเวณหน้าโรสต์
"แอชเชอร์จะไหวหรือหัวหน้าไทเลอร์" ราเชลเองก็อดเป็นห่วงคนที่เอาแต่ก้มหน้านิ่งอย่างช่วยไม่ได้ เพราะล่าสุดที่เขาช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้อีกฝ่ายรอยช้ำบนร่างกายนั้นก็ยังไม่หายดี
"ไม่ไหวก็ต้องอดทนจริงไหม?"
"อย่ากังวลเลย ฉันไหว.." แอชเชอร์เอ่ยตอบคนที่ยืนมองอยู่ก่อนจะส่งยิ้มเล็กๆ ให้อีกฝ่าย
"ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้เช้าพวกเราต้องส่งแร่ให้หน่วยกลาง ก็จะขออาสาพานายไปส่งที่เดอะฮิลล์"
"ลำบากพวกนายเปล่าๆ น่ะราเชล" เชสเป็นฝ่ายตอบแทน
"ยังไงก็ขอให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัย หากมีอะไรให้พวกเราช่วยอีกก็บอกได้ทันที"
"ขอบใจทั้งสองคนมากที่ช่วยเหลือพวกเรา ไว้ถึงวันปลดประจำการเมื่อไหร่ เดอะฮิลล์ยินดีที่จะส่งคนของเรามาช่วยพวกนายที่นี่"
"ขอบคุณ"
เมื่อพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเชสเองก็ค่อยๆ ควบม้าออกมาจากโรสต์โดยมีอัลฟ่าแดนเหนือนั่งนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ข้างหน้าตัวเอง ไทเลอร์เองก็ยังคงได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแอชเชอร์ปะปนกับกลิ่นประจำตัวของตัวเองที่เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
"นายหลับหรือเลสลีย์" เชสเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ เมื่อยังเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ยอมปริปากพูดกับตัวเองสักคำทั้งๆที่อยู่กันเพียงสองคน
"ฉันเจ็บแผล.." มือขาวซีดแตะเบาๆ ที่หน้าท้องของตัวเองก่อนจะแสดงสีหน้าแหยแก "มันกระแทก" ฟังจากน้ำเสียงของเลสลีย์แล้วก็คงจะเจ็บไม่น้อย
"ไว้สักระยะหนึ่งฉันจะแวะพักให้นาย"
"อืม.."
แอชเชอร์รับข้อเสนอของเชสอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะอยากกัดฟันทนแต่มันก็คงไม่ดีกับร่างกายของตัวเองเท่าไหร่นัก ครั้นจะให้ช้าลงกว่านี้ก็คงจะทำให้การเดินทางมันยืดยาวเข้าไปอีก เมื่อมองลงไปทางด้านล่างๆ ฝั่งข้างกันนั้น แอชเชอร์ก็ยังคงเห็นชาลีที่เดินทอดน่องอยู่อย่างสบายอกสบายใจ
"เดี๋ยวยาที่เอริคให้นายไว้ก็คงจะออกฤทธิ์"
"แต่ฉันไม่อยากหลับ.."
"ไม่อยากหลับหรือว่าไม่อยากนอนพิงอกฉันกันแน่เลสลีย์"
ทั้งที่แอชเชอร์อุตส่าห์เลี่ยงพูดแล้วแท้ๆ แต่ไทเลอร์ก็กลับพูดมันออกมาหน้าตาเฉย
"นายก็รู้นี่"
"แค่นอนพิงอกฉันมันจะทำให้นายเสียศักดิ์ศรีอะไรกัน" เชสก้มหน้าลงไปถามใกล้กับใบหูขาว จนทำให้คนที่กำลังนั่งนิ่งนั้นตกใจจนสะดุ้งแล้วเอี้ยวใบหน้ากลับมาหาเจ้าของผิวสีแทน
"ไทเลอร์..."
กลีบปากบางที่แสนจะนุ่มนิ่มนั้นสัมผัสกับริมฝีปากของเชสทุกครั้งที่ขยับปากพูด ครั้นจะให้ขยับถอยหนีก็ถูกแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่โอบผ่านรอบเอวตัวเองนั้นล็อคเอาไว้
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่แอชเชอร์ได้มองตาของไทเลอร์ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้และเต็มตา ซึ่งในเวลานี้มันก็ช่างเป็นจังหวะที่ไม่สมควรจริงๆ
กลิ่นไม้ซีดาร์ที่มาจากทรูอัลฟ่าผิวสีแทนไม่ได้ทำให้แอชเชอร์รู้สึกสดชื่นอย่างที่ควรเป็น ตรงกันข้ามด้วยซ้ำเพราะตอนนี้แอชเชอร์ เลสลีย์กับรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เหมือนกับวันนั้นไม่มีผิดที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
"ฉันไม่เล่น.." ยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้สัมผัสกันมากขึ้นจนเกินความจำเป็น
"กลิ่นนายนี่มันหอมกว่ากลิ่นโอเมก้าด้วยซ้ำ" ดวงตาเจ้าเล่ห์มีประกายบางอย่างขึ้นมาทันทีที่ประสานสายตากับอัลฟ่าตัวขาว
"อย่าเอาฉันไปเปรียบกับโอเมก้า"
"แน่นอนว่านายอยู่สูงกว่าพวกนั้นอยู่แล้วเลสลีย์"
"...."
"โอเมก้าพวกนั้นไม่มีทางเป็นได้เหมือนอย่างที่นายเป็นเลยสักนิด"
"ฉัน.."
"จูบได้ไหม.."
คำขออนุญาตของเชสนั้นคงเป็นเพียงแค่พูดตามมารยาทที่ไร้ประโยชน์สิ้นดี ในเมื่อสุดท้ายไทเลอร์ก็ได้โอกาสลิ้มรสความหอมหวานจากริมฝีปากของเจ้าของกลิ่นกุหลาบดามัสก์อีกครั้ง... โดยที่แอชเชอร์เองก็ทำได้แค่เพียงรับสัมผัสนั้นอย่างจำยอม
"อยู่ๆ ในหัวฉันตอนนี้ มันก็กลับคิดอยากจะทำมากกว่าจูบเสียอีกเลสลีย์"
แรงดึงดูดระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้านั้นคงเทียบไม่ได้กับแรงดึงดูดระหว่างอัลฟ่าและทรูอัลฟ่า...
"ฉันอยากนอนแล้ว" แอชเชอร์ตัดบทก่อนจะเอี้ยวใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนที่บดขยี้ริมฝีปากตัวเองจนแดงช้ำเมื่อครู่
"ไม่รังเกียจอกฉันแล้วหรือไง" แต่เชสก็ยังคงแหย่อีกฝ่ายไม่เลิก "ถ้าจะนอนก็ต้องพิงอกฉันนะ"
"หุบปากสักทีไทเลอร์" คนตัวขาวที่ไร้ทางเลือกกระแทกตัวลงพิงกับอกของเชสก่อนจะหลับตาหนี ทิ้งให้คนที่กลายเป็นหมอนจำเป็นทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป
"ถ้าเจ็บแผลมากกว่านี้ก็บอกฉัน"
"...."
"เพราะถ้าไม่บอก นายคงได้นอนพิงอกฉันแบบนี้จนถึงเดอะฮิลล์แน่..."
HASTAG #youngmastermn
เราลงฟิคไว้สองที่นะคะ ทั้งในDEK-D แล้วก็ minomore สามารถเลือกอ่านกันได้ตามความสะดวกเลยนะคะ ʕ≧ᴥ≦ʔ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in