เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
YOUNG MASTER #MINNOninezexsky
8




  • แอชเชอร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงเรียกของเชส ซึ่งทำหน้าที่เป็นหมอนจำเป็นให้ตัวเอง บรรยากาศรอบข้างนั้นแทบจะไร้แสงอยู่เต็มทนจนแทบมองไม่เห็นอะไร และแน่นอนว่ามันคงถึงเวลาที่ทั้งคู่ต้องหยุดพักเสียที แม้ก่อนหน้านี้ไทเลอร์จะคอยหยุดพักให้กับแอชเชอร์อยู่เป็นระยะถึงสองสามครั้งแล้วก็ตาม 


    "คืนนี้เราคงต้องนอนกันที่นี่" เชสเอ่ยหลังจากช่วยประคองตัวของแอชเชอร์ลงมาจากหลังม้า โดยที่คนตัวขาวไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือใดๆ "ฉันไม่อยากเสี่ยงเดินทางตอนกลางคืนสักเท่าไหร่" 


    มันเป็นสถานการ์ณที่ช่วยไม่ได้จริงๆ หากให้รีบเดินทางออกมาตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่นั่นก็เท่ากับว่าจะทำให้แอชเชอร์ที่กำลังบาดเจ็บได้พักผ่อนน้อยลง และยังต้องเดินทางติดต่อกันตลอดครึ่งวัน ทางเลือกในการเดินทางกลับช่วงบ่ายจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะอย่างน้อยหากฟ้ามืด ยังไงเสียพวกเขาทั้งคู่ก็ต้องหยุดพักการเดินม้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ 


    "มันก็คงต้องเป็นแบบนั้น" แอชเชอร์ตอบอย่างไม่คิดจะขัด 


    "นายไปนั่งรอตรงนั้น เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง"


    "ฉันไม่ได้เป็นง่อยนะไทเลอร์"


    "ถ้าไม่อยากให้แผลตัวเองช้ำกว่านี้ก็อยู่เฉยๆ ซะเลสลีย์" หัวหน้าหน่วยตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางหันไปสั่งชาลีให้คอยอยู่ที่นี่กับอัลฟ่าแดนเหนือ ส่วนตัวเองนั้นก็เดินหายเข้าไปอีกด้านซึ่งก็คงไม่พ้นหาเชื้อเพลิงมาก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นในคืนนี้ 


    ฝ่ายแอชเชอร์ที่โดนสั่งให้นั่งเฉยๆ ก็ใช้เวลาที่อยู่เพียงคนเดียวนั้นเลิกเสื้อของตัวเองขึ้นเพื่อดูรอยช้ำที่บริเวณหน้าท้องของตัวเอง ซึ่งแผลช้ำพวกนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมจนน่ารำคาญในความรู้สึกของคนตัวขาว 


    นอกจากจะต้องจำใจหลับเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวดแล้ว แอชเชอร์เองก็ต้องหลับเพื่อหลีกเลี่ยงไทเลอร์ด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าตอนนี้ต้องยกให้เป็นตัวอันตรายอันดับหนึ่งที่ควรอยู่ให้ห่างเลยก็ว่าได้ 


    จูบระหว่างทั้งคู่ที่เกิดขึ้นจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยสักนิด สัมผัสลึกซึ้งพวกนั้นมันคงปฏิเสธได้ยากว่าไม่รู้สึกหวั่นไหว แม้แอชเชอร์เองพยายามจะคิดว่ามันเป็นผลพวงมาจากการกลบกลิ่นก็เถอะ 


    "นายเป็นคนยังไงกันแน่ไทเลอร์..." 

     
    เสียงทุ้มนุ่มบนพึมพำกับตัวเองด้วยความเคลือบแคลงไม่หายกับการกระทำของไทเลอร์ ยิ่งนั่งมองฝ่ามือของตัวเองในตอนนี้มันก็ทำให้นึกถึงภาพที่ไทเลอร์จูบหลังมือตัวเอง 


    ฝั่งเกรย์วูล์ฟตัวโตที่นอนหมอบมองน้ำไหลของลำธารเล็กๆ ที่อยู่ติดกับที่พักของเจ้านายในคืนนี้ ก็หันหน้ามามองใบหน้าของคนที่มันต้องเฝ้าด้วยความสงสัย ใบหูที่เต็มไปด้วยขนนั้นกระดิกไปมาฟังเสียงของอัลฟ่าตัวขาวที่ยังคงบ่นพึมพำกับตัวเองไม่เลิกซ้ำยังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด จนกระทั่งได้ยินเสียงเดินของใครอีกคนที่หายไปนั่นแหละ ถึงทำให้มนุษย์ตัวขาวซีดนั่นกลับมาทำตัวเป็นปกติ 


    เชส ไทเลอร์กลับมาพร้อมไม้ฟืนจำนวนหนึ่งที่มากพอในการใช้สำหรับคืนนี้ หลังจากวางสิ่งที่ได้มาลงเจ้าตัวก็เริ่มต้นจัดการก่อกองไฟอย่างคล่องแคล่วอย่างที่เคยทำ หางตาคมยังคงมองเห็นอัลฟ่าตัวขาวซีดที่นั่งใช้แขนโอบท้องของตัวเองเอาไว้ คงไม่พ้นเจ็บแผลเข้าให้อีก 


    "เจ็บแผลเพิ่มขึ้นหรือเลสลีย์?"


    "เรียกว่าระบบแผลมากกว่า" 


    "ยังไงก็อดทนอีกสักหน่อยเดี๋ยวฉันจะต้มยาให้ มันคงช่วยนายได้" ยาที่เอริคให้มานั้นก็เพียงพอสำหรับการใช้จนถึงวันพรุ่งนี้ กะเวลาแล้วทั้งคู่เองก็น่าจะเดินทางถึงเดอะฮิลล์ได้อย่างพอดีพอดี 


    "...." อัลฟ่าแดนเหนือไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ นอกเสียจากจะมองหน้าของไทเลอร์นิ่ง 


    "มองหน้ากันแบบนี้ อยากจูบฉันอีกหรือไง?" ไทเลอร์เอ่ยกวนประสาทคนหน้านิ่งขึ้นมาอีกรอบ หลังจากหมดสิ้นความอดทนที่จะห้ามให้ตัวเองเลิกแหย่เลสลีย์ 


    "นายมากกว่าที่อยากจูบฉัน" แอชเชอร์ไม่ลังเลที่จะตอกกลับคนที่กวนประสาทตัวเอง


    "ถ้าฉันจูบนายจริงๆ ขึ้นมา จะมาว่ากันไม่ได้นะเลสลีย์" 


    "หยุดความคิดพวกนั้นของนายไปซะ" 


    จะมีบ้างไหมที่แอชเชอร์จะพูดคุยกับไทเลอร์ดีๆ ได้เกินสิบนาที ถ้ามีวันนั้นขึ้นมาล่ะก็คงจะเหลือเชื่อน่าดู 


    "นายจะมาห้ามความคิดฉันได้ยังไง"


    "ต้องให้ฉันทำยังไงนายถึงจะเลิกกวนประสาท ฉันเหนื่อยจะต่อปากต่อคำกับนายเต็มที"


    "คำถามนี้คงไม่มีคำตอบหรอก" 


    ถ้าแอชเชอร์สังเกตสักนิดก็คงจะรู้คำตอบแล้วด้วยซ้ำว่าต้องทำอย่างไร เพราะยิ่งเจ้าตัวยิ่งเถียงหรือยิ่งแสดงอาการว่าไม่พอใจ ไทเลอร์ก็จะยิ่งกวนประสาทมากขึ้น 


    อัลฟ่าตัวขาวซีดฮึดฮัดกับตัวเองอยู่สักพักก่อนจะคว้ากระบอกขวดน้ำที่อยู่ใกล้ๆ ขึ้นมากระดกดื่มแก้กระหายระหว่างที่รอไทเลอร์ต้มยาให้ตัวเอง ความเงียบเริ่มโรยตัวขึ้นเมื่อทั้งเชสและแอชเชอร์ต่างไม่มีใครเปิดบทสนทนาหลังจากที่เถียงกันจบไปหนึ่งยก 


    "สนใจกินอะไรรองท้องหน่อยไหม?" ไทเลอร์ยื่นกระต่ายป่าที่ถูกย่างจนสุกให้กับคนตัวขาวที่นั่งมองนิ่งๆ "เกิดหิวตอนกลางดึก มันคงไม่มีอะไรให้นายกิน"


    "นายกินไปเถอะ เมื่อกี้ตอนรอนายฉันกินขนมปังที่มอร์แกนให้มาไปแล้ว" 


    "มั่นใจนะ?"


    "อือ.." คนตัวขาวครางรับในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับไปจัดที่นอนที่จะใช้นอนในคืนนี้ แต่ก็ไม่ทันคนผิวสีแทนที่แทรกเข้ามาแย่งไปทำต่อหน้าต่อตา 


    "อยู่เฉยๆ บ้างจะได้ไหม" เชสว่าเสียงเข้มก่อนจะใช้สายตาคมดุอีกฝ่ายที่ทำอะไรไม่ดูสภาพร่างกายตัวเอง


    "ฉันไม่ได้เจ็บขนาดที่จะทำอะไรพวกนี้ไม่ได้"


    "งั้นก็ตามใจ" เชสเองก็ไม่อยากจะทำให้แอชเชอร์อึดอัดใจเท่าไหร่นัก แม้จะคอยดูแลแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านิสัยของอัลฟ่านั้นยังคงเป็นพวกที่ไม่ชอบให้ใครมาคอยเอาใจใส่สักเท่าไหร่ ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่ชอบอยู่ในจุดที่ด้อยกว่าคนอื่นถึงจะถูก 


    ดวงตาคมยังคงมองการกระทำของเลสลีย์ที่พยายามจัดแจงที่นอน สำหรับคืนนี้ด้วยท่าทางที่เงอะงะไม่น้อย มองแล้วก็ดูเหมือนคนที่พึ่งเคยทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกไม่มีผิด 


    "นายจะนอนตรงไหน" อัลฟ่าแดนเหนือหันมาถามคนที่นั่งกินเนื้อกระต่ายทันทีเมื่อจัดการที่นอนของตัวเองเรียบร้อย 


    "ที่ข้างๆ นายก็ว่างนี่" 


    "นายหมายถึงจะนอนข้างฉัน?" 


    "ฉลาดดีเลสลีย์"  ไทเลอร์ดีดนิ้วก่อนจะเอ่ยชมคนตัวขาวพลางส่งรอยยิ้มทะเล้นให้อีกฝ่าย 


    "แต่ฉันไม่อยากนอนข้างนาย"


    "นี่อย่าบอกนะว่ากลัวฉันจะทำอะไรนาย?" 


    "แล้วนายมันน่าไว้ใจมากงั้นสิ" 


    จนแล้วจนรอดสุดท้ายก็กลายเป็นว่าทั้งคู่ต้องนอนข้างกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยที่อัลฟ่าแดนเหนือนั้นยังคงส่งสายตาเคืองๆ มาให้กับหัวหน้าหน่วยเป็นระยะๆ 


    "นายยังไม่ได้เล่าให้ฉันฟัง เรื่องที่พวกสเปนเซอร์มาเดอะฮิลล์" 


    "นายอยากรู้อะไรล่ะ" เชสยอมเปิดโอกาสให้เลสลีย์คนเล็กได้ซักถามตัวเองเป็นครั้งแรก แม้ใจจริงจะไม่อยากพูดถึงสักเท่าไหร่ก็ตามแต่ 


    "พี่ชายฉัน.." 


    "หมอนั่นไม่ได้มาด้วย.. ท่าทางสเปนเซอร์จะหวงน่าดู นายไม่รู้หรือ?" เชสย้อนถามแอชเชอร์อย่างไม่คาดหวังในคำตอบที่ตัวเองโยนไปส่งๆ 


    "ทำไมฉันต้องรู้เรื่องพวกนี้" แอชเชอร์ตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยในขณะที่ดื่มยาในถ้วยไปด้วย 


    "ฉันก็แค่ถาม เห็นสองคนนั้นดูแปลกๆ ดีก็เลยอยากรู้อะไรกับเขาบ้าง" 


    "ก็ขอให้จริงอย่างที่ปากนายว่า" คิดหรือว่าแอชเชอร์จะเชื่อในคำพูดของไทเลอร์ง่ายๆ คนอย่างหมอนี่ไม่มีทางถามอะไรแบบนี้ออกมาหรอก ถ้าหากไม่คิดจะหว่านล้อมให้ตัวเขาพูดอะไรบางอย่าง


    "ไม่ใช่ว่ามีอะไรที่มากกว่านี้แต่นายไม่ยอมบอกฉันหรอกหรือ" 


    "นายต่างหากที่ไม่ยอมบอกฉัน" 


    ทั้งแอชเชอร์และไทเลอร์ต่างก็มีเรื่องที่ปกปิดไว้ในใจด้วยกันทั้งคู่ แม้จะพูดคุยราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรแต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าลมปากที่พูดออกมาพวกนั้นมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลยสักนิด 


    "งั้นมานายกับฉัน ลองมาแลกกันตอบคำถามคนละข้อไหมล่ะ" เชสเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอให้กับแอชเชอร์ ซึ่งเจ้าตัวก็มั่นใจเป็นอย่างมากว่าคนอย่างแอชเชอร์จะไม่ลังเลที่จะกระโดดตะครุบข้อเสนอนี้แน่นอน 


    "ตกลง" 


    เห็นไหมล่ะว่าคนอย่างไทเลอร์เดาอะไรไม่เคยพลาด 


    "ฉันให้สิทธินายถามก่อนเลสลีย์" เชสว่าหลังจากที่ตกลงกับอีกฝ่ายเรียบร้อย แสงไฟจากกองไฟตรงหน้ายังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี ทั้งให้ความอบอุ่นและทำให้เชสได้เห็นใบหน้าของเลสลีย์ได้อย่างชัดเจน 


    "นายกับอาเธอร์คิดจะทำอะไรกัน?" 


    นับว่าเป็นคำถามที่เหนือความคาดหมายของเชสไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากเกินกว่าที่เจ้าตัวจะตั้งรับไว้ไม่ได้ หัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์อดคิดในใจไม่ได้ว่าตัวเองนั้นประเมินเลสลีย์คนเล็กต่ำไปหน่อย ถึงได้ทำให้เจ้าตัวระแคะระคายอะไรได้มากขนาดนี้ 


    "ทำทุกอย่างให้นายอยู่ห่างจากพวกแดนเหนือให้ได้มากที่สุด" 


    "นายตอบไม่ชัดเจนพอ" 


    "พี่ชายนายกำลังกันนายให้ออกห่างจากริโอ.. เอาเป็นว่าถ้าพูดกันตรงๆ นายในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากคนในปกครองของฉันสักเท่าไหร่หรอกเลสลีย์ ทั้งหมดพี่ชายนายเป็นคนขอร้องฉันเอง" 


    "นายสนิทกับอาเธอร์ขนาดที่ยอมช่วยฉันทั้งที่มันผิดกฎเนี่ยนะ" ความสัมพันธ์ระหว่างอาเธอร์กับเชสคงไม่ใช่แค่คนรู้จักกันธรรมดาแน่นอน เรื่องที่เสี่ยงขนาดนี้ใครจะยอมทำกันถ้าไม่เชื่อใจกันมากจริงๆ 


    "ฉันให้นายถามฉันได้แค่คำถามเดียว.." 


    ยิ่งไทเลอร์ตัดบทแบบนี้ก็ยิ่งทำให้แอชเชอร์สงสัยมากขึ้นกว่าเดิม ว่าทั้งคู่นั้นสนิทสนมกันมากขนาดนี้ได้ยังไง 


    "นายตอบไม่หมดไทเลอร์"


    "ตาฉันถามนายบ้างแล้วเลสลีย์" ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ คิดหรือว่าจะปกปิดความลับพวกนั้นได้หมด ไม่มีทางเสียหรอก ยังไงแอชเชอร์ก็จะต้องรู้ให้ได้ 


    "นายโกงฉัน" 


    "บอกฉันมาหน่อยสิว่านายรู้อะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอาเธอร์กับริโอบ้าง?" 


    เจ้าของผิวขาวซีดถึงกับหยุดคิดไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำถามของไทเลอร์ ที่มุ่งประเด็นมาเรื่องพี่ชายของตัวเองอย่างไม่มีอ้อมค้อม 


    "ว่ายังไงล่ะ?" เชส ไทเลอร์ ถามย้ำเมื่อยังเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบไม่ยอมเปิดปากพูดเสียที 


    "เขาสองคนเป็นเพื่อนกัน.."


    "นายมั่นใจ?" เชสเค่นเสียงหัวเราะในลำคอกับคำตอบที่ได้รับอย่างไม่เกรงใจ 


    "แต่ดูเหมือนว่าริโอจะไม่คิดแค่นั้นกับอาเธอร์ ก่อนหน้านี้เขาทะเลาะกันหนักมากจนฉันคิดว่าเขาเกลียดกันไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะไม่ว่าอาเธอร์จะทำอะไรหมอนั่นก็ขัดขวางไปเสียหมดรวมไปถึงเรื่องในตระกูลของฉันก็ด้วย"


    "ฉันว่ามันเรียกว่าการเอาชนะมากกว่า" 

     
    "ฉันไม่รู้.. แต่ถ้ามันเป็นการเอาชนะอย่างที่นายพูด ก็แปลว่าหมอนั่นไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งอะไรขนาดนั้นกับอาเธอร์" 


    แม้จะพูดไปแบบนั้นแต่แอชเชอร์เองก็กลับไม่แน่ใจเสียเท่าไหร่ ว่าการคาเดาของตัวเองมันจะมีความถูกต้องมากน้อยสักแค่ไหน


    "แต่ที่ฉันยังสงสัยก็คือ ทำไมหมอนั่นต้องคิดจะกำจัดนาย


    "นี่มันเกินหนึ่งข้อแล้ว..."


    "คำถามนี้ไม่เกี่ยวกับข้อตกลง ฉันแค่อยากถามความคิดเห็นของนายก็เท่านั้น" 


    "ฉันไม่แน่ใจ.. มันเป็นไปได้หลายอย่างเกินกว่าที่จะมั่นใจว่าเพราะอะไรกันแน่" 


    "เรื่องของพวกตระกูลชั้นสูงนี่มันน่าปวดหัวจริงๆ ไม่แปลกเลยสักนิดที่คนอย่างฉันจะไม่เข้าใจ" 


    "อย่ามาโกหกกันดีกว่า นายไม่ใช่คนโง่ไทเลอร์" 


    "นายไม่คิดบ้างหรือไงว่าบางทีฉันอาจจะโง่จริงๆ ก็ได้"


    "คงไม่มีใครเลือกคนโง่ขึ้นมาเป็นหัวหน้าคนเป็นพันหรอก จริงไหม?" 


    ไทเลอร์ล่ะเกลียดพวกชอบรู้ทันจริงๆ.... 


    "เผื่อนายจะลืมว่าฉันถนัดใช้กำลังมากกว่าสมอง


    "กำลังปากของนายก็ด้วย" แอชเชอร์ว่าก่อนจะส่งคืนถ้วยยาที่ตัวเองดื่มจนหมดคืนให้กับไทเลอร์ ที่ยังคงนั่งยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน 


    "นายก็ลองกับปากฉันแล้วนี่เลสลีย์


    "...."


    "ถ้าฉันไม่ถนัดจริง คงไม่ทำให้นายปากช้ำได้ขนาดนี้หรอก" 


    ถ้าไม่ติดว่าแอชเชอร์เองยังเจ็บตัวอยู่ เชื่อเถอะว่าป่านนี้ไทเลอร์คงได้โดนหมัดหนักๆ เข้าสักทีให้มันจบๆกันไป 







    /////






    แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบครึ่งคืนแล้ว แอชเชอร์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะนอนหลับแต่อย่างใด เจ้าตัวยังคงนอนมองสิ่งรอบตัวไปเรื่อย ในขณะที่ไทเลอร์ซึ่งนอนอยู่ข้างๆ นั้นกลับหลับไปแล้ว คนตัวขาวเองก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นักหากหัวหน้าหน่วยเดอะฮิลล์จะนอนหลับได้ง่ายขนาดนี้ ก็ในเมื่อวันทั้งวันเชส ไทเลอร์เองก็ไม่ได้พักผ่อน แตกต่างจากตัวแอชเชอร์ที่ได้หลับไปเสียหลายตื่น จนเป็นผลทำให้ไม่รู้สึกอยากนอนในตอนนี้ 


    ไม่ห่างจากตัวของแอชเชอร์นั้นก็มีชาลีที่ทิ้งตัวนอนหมอบหลับอยู่ จะมีบ้างที่มันยังคงลืมตามามองแอชเชอร์อยู่ยามที่คนตัวขาวขยับตัว ถึงจะมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรแต่หลังจากที่แอชเชอร์ได้อยู่กับชาลีเพียงลำพังอยู่เป็นวันๆ ก็ทำให้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชาลีนั้นก็ไม่ได้มีพิษภัยอะไร  ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ยอมให้แอชเชอร์ลูบขนที่หลังคอให้แบบนี้หรอก... 


    จนถึงตอนนี้คนตัวขาวก็ยังอดคิดถึงคำพูดของไทเลอร์ไม่ได้  คำถามที่เกิดจากข้อตกลงนั้นมันดูเป็นคำถามที่คนเจ้าเล่ห์นั่นถามแอชเชอร์มาอย่างไม่คาดหวังในคำตอบ  ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าถามย้ำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่แอชเชอร์พูด 


    แอชเชอร์มั่นใจเลยว่าเชส ไทเลอร์ จะต้องรู้จักอาเธอร์เป็นอย่างดีถึงขนาดที่ทำให้พี่ชายของเขาไว้ใจ และ เชื่อใจคนที่ไม่ใช่พวกเดียวกัน  


    เข็มกลัดประจำตัวของอาเธอร์ที่แอชเชอร์พกติดตัวมาด้วยถูกหยิบออกมาอีกครั้ง ความสวยงามของมันยังคงสะท้อนให้เห็นภายในดวงตาที่กำลังจ้องมองมันอย่างไม่วางตา นิ้วเรียวสวยค่อยๆ สัมผัสมันอย่างเบามือ 


    'นายบ้าไปแล้วหรือไงอาเธอร์! ถ้าพ่อรู้เรื่องนี้ขึ้นมานายจะเดือดร้อนแค่ไหนรู้บ้างไหม' ภาพของพี่น้องตระกูลเลสลีย์ที่โต้เถียงกันในห้องนั้นสร้างความตกใจให้กับคนรับใช้ภายในบ้านได้เป็นอย่างดี ยิ่งเป็นนายน้อยคนเล็กที่ไม่ค่อยจะทะเลาะกับผู้เป็นพี่แล้วด้วยล่ะก็


    'ฉันไม่มีทางเลือกแอช..' เลสลีย์คนโตที่เป็นฝ่ายโดนน้องชายขึ้นเสียงใส่ยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติ แม้ใบหน้าของเจ้าตัวจะเต็มไปด้วยความตึงเครียดก็ตามแต่


    'นายกำลังกลืนน้ำลายตัวเอง อะไรที่นายเคยพูดไว้ว่าจะไม่ทำ คำพูดพวกนั้นมันโกหกทั้งหมด!" 


    'ฟังฉันก่อนได้ไหมแอช..' 


    แต่ในวินาทีนั้นความรู้สึกนายน้อยของเลสลีย์มันเต็มไปด้วยความโกรธ เกินว่าที่จะฟังเหตุผลอะไรทั้งสิ้นจากปากคนที่สร้างความผิดหวังให้กับตัวเอง


    'มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว นายยังจะอธิบายอะไรอีก' 


    'นายต้องฟัง'


    'ฉันฟังนายมามากพอแล้ว นายอย่าทำให้ฉันรูุ้สึกแย่กับนายไปมากกว่านี้เลยอาเธอร์


    'แอช..'


    'คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าหมอนั่นจะทำให้นายเป็นไปได้ขนาดนี้' 


    แววตาตัดพ้อที่ถูกส่งมาจากอาเธอร์นั้นแอชเชอร์เองก็เลือกที่จะเมินหนี  แสร้งไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของพี่ชายที่แทบจะกลายเป็นคนที่แอชเชอร์ไม่เคยรู้จัก 


    'แค่ความรู้สึกพวกนั้นมันทำให้นายยอมกดตัวเองให้ตกต่ำได้ขนาดนี้เลยหรือ? นายยังมีศักดิ์ศรีของเลสลีย์เหลืออยู่บ้างไหม" 


    '....'


    'ต่อให้ดันทุรังแทบตาย เรื่องของพวกนายก็ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกอาเธอร์..' 



    ในตอนนั้นเขาพูดจาร้ายกาจแบบนั้นออกไปได้อย่างไร.. แอชเชอร์ได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมากับความขลาดเขลาที่มากเกินกว่าจะให้อภัย 


    ความรู้สึกอุ่นร้อนที่ไหลรินรดมาจากบริเวณหัวตา ทำให้เจ้าของดวงตาแดงก่ำกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ของตัวเอง ความรู้สึกผิดต่างๆนานาอัดแน่นอยู่เต็มอกของคนที่รู้ทุกอย่างดีอย่างแอชเชอร์ 


    คำพูดที่แอชเชอร์เคยเอ่ยทำร้ายคนฟังอย่างอาเธอร์มันก็ไม่ต่างจากมีดสองคม  ที่ไม่ว่าจะจับด้านไหนก็สร้างความเจ็บปวดได้ทั้งนั้น


    การร้องไห้ที่ไร้เสียงสะอื้นและมีแต่เพียงน้ำตานั้นดูๆ ไปก็ทรมานไม่น้อยสำหรับคนที่ต้องเก็บความรู้สึกแย่ๆ พวกนั้นเอาไว้ในใจไม่ให้ใครได้รับรู้  ยิ่งแอชเชอร์รู้ว่าพี่ชายของตัวเองพยายามช่วยตัวเองมากแค่ไหนมันก็ยิ่งทำให้ก้อนเนื้อในอกเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม 


    อาเธอร์ผลักเขาออกมาจากโลกโสมมพวกนั้น ในขณะที่ตัวเองทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตายืนอยู่ในโลกแสนสกปรกพวกนั้น  นี่มันถูกต้องแล้วหรือ? 


    แค่ความสูญเสียที่ได้รับก่อนหน้านี้มันก็มากเกินพอ ที่แอชเชอร์จะต้องยอมสูญเสียคนสำคัญในครอบครัวอีกคนหนึ่งไป  


    แดนเหนือในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเชื้อเพลิงดีๆ ที่กำลังรอให้ใครสักคนมาจุดชนวนนัก.. 


     "คิดถึงพี่ชายหรือไงเลสลีย์.." คนที่แอชเชอร์คิดว่าหลับไปแล้วนั้นจู่ๆก็พูดโพล่งออกมา จนทำให้คนที่กำลังร้องไห้อยู่เงียบๆนั้นถึงกับนอนตัวแข็ง 


    "นายยังไม่หลับหรือ?" เสียงนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าทุกครั้ง จนคนถูกถามต้องขยับเข้ามาใกล้ๆ 


    "นายว่าอะไรนะ" มือใหญ่ของไทเลอร์สัมผัสเบาๆ เข้าที่ไหล่ของคนตัวขาวซีดก่อนที่เจ้าตัวจะชะโงกหน้าไปมองคนที่นอนตะแคงหันหลังให้กับตัวเอง 


    ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คาดไว้.. นายน้อยของเลสลีย์นั้นกำลังร้องไห้อยู่จริงๆ อีกทั้งในมือของเจ้าตัวเองก็ยังคงมีเข็มกลัดของพี่ชายที่ตัวของไทเลอร์เป็นคนเอามามอบให้  


    "อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้ได้ไหม.." 


    เมื่อเห็นคราบน้ำตาที่ยังคงเปื้อนแก้มขาวนั่นก็ทำให้ไทเลอร์ต้องยอมปิดปากในทันที  คนที่แสนดื้อรั้นและพยศอย่างแอชเชอร์ยามที่เป็นแบบนี้มันทำให้ไทเลอร์รู้สึกไม่ดีไปด้วย จะด้วยเพราะเหตุผลไหนก็ตามแต่ที่ทำให้เจ้าตัวเสียน้ำตา 


    ไทเลอร์เองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเลสลีย์ สถานการ์ณที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดแบบนี้เล่นเอาไทเลอร์รับมือลำบากเช่นกัน เขาเองก็ไม่เคยปลอบคนร้องไห้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จะมีก็แต่ปล่อยให้หยุดร้องเองโดยไม่ต้องมานั่งพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจ 


    ฟุ่บ



    ไทเลอร์ดึงไหล่ของคนตัวขาวให้พลิกตัวหันหน้าเข้าหาตัวเอง ก่อนจะดึงรั้งช่วงเอวได้รูปของแอชเชอร์เข้ามาจนร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกัน ซึ่งคนที่ถูกดึงเข้าไปกอดนั้นก็ใช้มือดันเข้าที่หน้าอกอีกฝ่ายในทันที 


    "อยากร้องก็ร้องซะ ฉันไม่ได้จะห้าม" เชสว่าเสียงเข้ม พลางกดใบหน้าของอีกคนให้ซุกลงที่หน้าอกของตัวเอง 


    "ทำบ้าอะไรของนาย"


    "ฉันจะยอมเป็นพี่ชายให้นายสักคืนหนึ่งก็แล้วกันเลสลีย์ตัวน้อย


    คำเรียกที่ใช้เรียกแอชเชอร์ของไทเลอร์นั้นทำให้คนตัวขาวถึงกับกระดากอายขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เลสลีย์ตัวน้อยบ้าบออะไรกัน ไทเลอร์ชักจะใช้คำน่าเกลียดกับเขาเกินไปแล้ว!!


    "ไทเลอร์!"


    "ว่าไงเลสลีย์ตัวน้อย" 


    อย่างไทเลอร์น่ะไม่มีทางเป็นพี่ชายให้แอชเชอร์ได้เลยสักนิด... ถ้าเป็นอาเธอร์หมอนั่นคงไม่มีทางพูดจากวนประสาทแบบนี้กับแอชเชอร์แน่ๆ 


    "ใครสั่งให้สอนให้นายปลอบใจคนอื่นด้วยการกวนประสาทกันไทเลอร์!"


    "ก็ในแบบของฉันไง :)" 








    /////





    ท่ามกลางสถาปัตยกรรมอันงดงามและแสงไฟจากโคมไฟที่ตกแต่งภายในห้องนั้นกลับไม่ได้ทำให้คนที่อยู่อาศัยรู้สึกสุขใจเลยสักนิด ความงามของมันกลับกลายเป็นพิษร้ายที่คอยทำร้ายให้คนที่อยู่บอบช้ำมากขึ้นในทุกวัน คำภาวนาที่เฝ้าสวดอ้อนวอนต่อพระเป็นเจ้าก็ดูจะถูกเมินเฉย 


    ปัญหาทุกอย่างยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าหวั่นใจว่าสักวันมันจะกลายเป็นตัวทำลายทุกคนที่อยู่รอบข้าง... 


    "ถ้านายไม่อยากเดือดร้อน ก็หยุดยุ่งกับเรื่องนี้ซะอาเธอร์" 


    ร่างขาวจัดที่อยู่ในชุดสีอ่อนตัวยาวกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องส่วนตัว เงยหน้ามองผู้ที่เข้ามาใหม่เล็กน้อย ก่อนจะหันหลับมาสนใจในหน้าหนังสือที่ตัวเองกำลังอ่านดังเดิม ราวกับไม่สะทกสะท้านในคำพูดของคนที่ยืนอ้าปากพูดปาวๆ 


    "ฉันกำลังอ่านหนังสือ..." แต่ถึงอย่างนั้นเลสลีย์คนโตก็ยังคงตอบกลับไปอย่างรักษามารยาท ซึ่งมันก็ไม่ได้ช่วยให้คนอย่างริโอยอมล่าถอยออกไปง่ายๆ 


    เจ้าของร่างสูงใหญ่ในชุดผ้าเนื้อดีของชนสูงศักดิ์นั้นก้าวเท้าเข้ามาหาคนที่ยังนั่งเมินเฉยตัวเองไม่เลิก ยิ่งอาเธอร์ทำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ริโออยากจะเอาชนะ 


    "อ่านเข้าไป มันก็ไม่ได้ทำให้นายออกไปจากที่นี่ได้.." แขนแข็งแรงของรอยัลอัลฟ่าเท้าคร่อมซ้อนทับจากทางด้านหลังของคนตัวขาวที่นั่งอยู่ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาพูดคุยกับคุณชายเลสลีย์ 


    "อย่างน้อยฉันก็ทำให้แอชหนีนายพ้น.." ใบหน้างดงามของอัลฟ่าหนุ่มที่ต้องแสงไฟสีนวลยังคงเชิดขึ้นอย่างถือดี จนริโออดขบขันภายในใจอย่างเสียไม่ได้ 


    "อย่าหวังว่าฉันจะหยุด จนกว่าจะได้ตัวแอชเชอร์.."


    "พอสักทีเถอะริโอ สิ่งที่นายกำลังทำมันมากเกินไปแล้ว" 


    "แล้วฉันทำเพื่อใคร? นายรู้บ้างไหมอาร์ธ"  


    "ฉันไม่ต้องการ..."


    "...."


    "ไม่เคย.. ไม่เคยต้องการอะไรจากนายทั้งนั้น ริโอ"


    ใบหน้าขาวผินเข้าหาคนที่โน้มใบหน้าลงมาคุยกับตัวเองทันที เมื่อฝ่ามือของคนที่เท้าแขนคร่อมตัวเองนั้นเลื่อนเข้ามาทาบทับฝ่ามือของตัวเองทั้งสองข้าง ซ้ำย้ำยังออกแรงบีบจนทำให้อาเธอร์ต้องยอมปล่อยหนังสือที่อยู่ในมือออก 


    "แต่ฉันต้องการนาย" 


    ฝ่ามือใหญ่ของร่างสูงใหญ่นั้นบังคับฝ่ามือขาวที่ตัวเองจับอยู่ ให้ขึ้นมาทาบทับที่บริเวณอกด้านซ้ายของอาเธอร์เอง ซึ่งในตำแหน่งนั้นเองก็คือตำแหน่งที่มีเข็มกลัดของตระกูลสเปนเซอร์ติดเอาไว้ เพื่อตอกย้ำให้คุณชายของเลสลีย์ได้ตระหนักอยู่ทุกเมื่อยามที่สัมผัสหรือเห็นมัน


    "จำเอาไว้.." 


    หรือนี่จะเป็นบทลงโทษของคนทรยศที่อย่างอาเธอร์ต้องชดใช้กัน... 













    'เชส! ฉันหาอุโมงค์นั่นเจอแล้วตามที่นายเคยบอกไว้..'







    HASTAG #youngmastermn 







    TALK : จากตอนแรกที่คิดว่าจะจบเรื่องนี้ภายในไม่เกิน 12 ตอน แต่ตอนนี้คิดว่าไม่น่าจะจบได้แล้วจริงๆค่ะเพราะว่ายังมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่เคลียร์บวกความสัมพันธ์ของไทเลอร์กับเลสลีย์ที่ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่จะพยายามวางไว้ไม่ให้เกิน 20 ตอนนะคะ (ถ้าทำได้) (ღ˘⌣˘ღ) ยังไงก็ฝากติดตามอีกเช่นเคยด้วยนะงับ // เราอ่านทุกคอมเมนต์ด้วยความรู้สึกขอบคุณจริงๆ ค่ะ จากที่ไม่มั่นใจว่าจะแต่งออกมาได้ดีเท่าที่ควรไหม ตอนนี้ได้รับกำลังใจและความมั่นใจเพิ่มอย่างเต็มที่เลย ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านด้วยค่ะ เลิ้บๆๆ 










Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in