เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A SUITCASE & A DREAMTermfan
@DisneyUSA | (3) You Can Fly!
  • คุณคิดว่า สิ่งที่เรียกว่า “ไทม์ แมชชีน” หรือ “เครื่องข้ามมิติเวลา” นั้นมีจริงไหม มันจะมีหน้าตาเหมือนกับที่ปรากฏในเรื่องโดเรมอนหรือเปล่า (คุณอาจจะลองเปิดลิ้นชักคุณดูก็ได้นะ ข้างในนั้นอาจจะมีมันจอดอยู่ก็ได้) เท่าที่ฝันสังเกตมา ฝันค้นพบว่ามนุษย์อย่างเราๆชอบที่จะเรียนรู้ และค้นหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ซากปรักหักพังที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนประกอบของอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ หรือโครงกระดูกของสัตว์น้อยใหญ่ที่ถูกทับถมอยู่ในชั้นใต้ดิน หรือแม้แต่ในหิมะขาวโพลนที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งไปเสียไกล เราพาตัวของเราเองเข้าไปอยู่ในยุคสมัยนั้น เพื่อทำความเข้าใจการมีชีวิตของสิ่งต่างๆ โดยผ่านทางหลักฐานทั้งหลายที่เราพบเจอ การคาดคะเนที่มีตรรกะ และวิทยาศาสตร์ เราเรียนรู้อดีตเพื่อพัฒนาปัจจุบัน เราชอบความจริงที่ยืนหยัดมั่นคงของอดีต และในขณะเดียวกัน เราก็ชอบความไม่แน่นอนที่ล่องลอยอยู่ในอนาคต แม้จะมีความเสี่ยง เราก็ลงทุน แม้จะหวาดเสียว แต่ก็เล่น แม้จะหมดหนทาง ก็ยังสู้ต่อไป เพราะไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปมาตลอดเวลา เราจึงชอบที่จะเล่นกับมัน และฝากความฝันเอาไว้ที่ปลายฟ้าเพื่อหาหนทางจะไปให้ถึงดวงดาวดวงนั้นในที่สุด อย่างน้อยก็เป็นแรงบันดาลใจและดาวนำทางที่จะช่วยให้เราก้าวเดินต่อไปแม้ในวันที่ฟ้ามืดมัวเต็มที และอาจจะด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เราอยากมีเจ้าเครื่อง ไทม์ แมชชีน เพื่อพาเราข้ามมิติของกาลเวลา และสถานที่ 

    แต่ว่าตอนนี้ คุณรู้อะไรไหม ฝันนั่งอยู่ใน ไทม์ แมชชีน (อย่างน้อยก็ในความคิดของฝัน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับอีกร้อยกว่าชีวิต เราทุกคนต่างมีจุดหมายและเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป แต่เราล้วนมุ่งตรงไปยังสิ่งสำคัญเดียวกันบนสายการเดินทางเดียวกัน ช่างน่าประหลาดใจที่เราจะมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วยมากมายขนาดนี้ แต่ถึงยังไงเราก็ต้องเดินต่อด้วยขาตัวเองอยู่ดี ใครๆก็รู้ว่าการออกเดินทางแต่ละหนจะต้องใช้ความเชื่อมั่นที่เก็บสะสมมาตลอดเป็นเดิมพัน เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่จะต้องควักออกมา แต่เราหลายคนก็ยอมที่จะเสี่ยง แม้มันแทบจะทำให้เราหมดตัวเลยก็ตาม เราไม่มีทางรู้ว่าเราจะไปถึงวันเวลาใด ยากลำบากแค่ไหน พบเจอใครระหว่างทางบ้างหรือเปล่า และอุปสรรค์ที่ขวางกั้นตามทางนั้นจะมาปล้นความเชื่อเฮือกสุดท้ายของเราไปได้หรือไม่ หรือแม้แต่ความเหนื่อยล้าจะพาเราออกนอกเส้นทางที่คาดหวังเอาไว้ไหม เราไม่มีทางรู้อะไรได้เลย แต่อย่างน้อย เราก็เดินหน้า อย่างน้อย ปลายทางก็ขยับเข้ามาใกล้ปลายเท้าเรามากขึ้น ในขณะที่อีกหลายคนไม่พร้อมที่จะพบกับความเสี่ยง ยังพยายามที่จะเก็บเกี่ยวความเชื่อมั่นต่อไป จนมันผันเปลี่ยนไปเป็นความกลัว กลัวว่าหากวางเดิมพันครั้งนี้แล้วแพ้ เขาจะสูญเสียมันไป สูญเสียความเชื่อที่อุตส่าห์ปกป้องมาตลอดชีวิต กลัวว่าจะเสียมันไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงเลือกที่จะทิ้งเป้าหมายแทน และเมื่อถึงวันที่พร้อม สุขภาพร่างกายก็คงจะไม่พร้อมจะออกเดินทางอีกแล้ว
      
    ตอนนี้ฝันกำลังเดินหน้า สถานีแรกของฝันหยุดที่เมืองนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ฝันต้องหมุนนาฬิกาสองรอบถึงจะตรงตามเวลาในท้องถิ่น อย่างนี้ก็หมายความว่าฝันกำลังใช้เวลาในอนาคตอยู่สินะ ฝันเดินสำรวจรอบๆ เพราะฝันจะได้เส้นยืดสายสองชั่วโมง ก่อนจะออกเดินทางต่อไปยังเมืองซีแอตเทิล ประเทศอเมริกา หลังจากเดินไปเดินมาได้ซักพัก ฝันก็ตัดสินใจไปหาที่นั่งพักเฉยๆ เหตุผลที่แท้จริงไม่ใช่เพราะว่าเหนื่อยแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะถ้าฝันเดินนานกว่านี้ ฝันได้ซื้อขนมทานจนหมดตัวเสียก่อนแน่ๆ คนญี่ปุ่นแลมีความสามารถที่จะเปลี่ยนขนมหรือผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของตัวเองให้ดูมีค่า มีเรื่องราว และมีประวัติศาสตร์ที่พวกเขาภาคภูมิใจอยู่ในของทุกๆชิ้น ทุกสิ่งอย่างจึงดูประณีตและละเอียดอ่อน ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็นได้เป็นอย่างดี ฝันเชื่อว่า ไม่ว่าจะของชิ้นใด หากเราภูมิใจในสิ่งนั้นแล้ว ทุกคนจะสามารถรับรู้ได้ถึงคุณค่าที่ซ่อนอยู่ภายใน เมื่อสมัยที่ฝันเรียนภาษาญี่ปุ่น ฝันเคยถามคุณครูถึงเรื่องความใส่ใจของคนญี่ปุ่นต่อการทำอาหารอยู่เหมือนกัน เซนเซย์ตอบมาประมาณว่า คนญี่ปุ่นเชื่อว่าทุกๆสิ่งจะมีวิญญาณหรือเทพเจ้าสถิตอยู่ การทำสิ่งต่างๆด้วยความประณีตอ่อนโยนก็ถือว่าเป็นการเคารพท่าน เพราะเรากำลังนำวัตถุดิบนั้นๆมาทำเป็นอาหารต่อชีวิตให้กับเราต่อไป ว่าอย่างนี้แล้วก็อยากให้คนไทยเราหันมาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์พื้นบ้านของเราบ้าง ใส่ใจในสิ่งที่เรามีกันบ้าง เรามีแต่ของดีๆทั้งนั้น แต่เรากลับมองว่ามันไม่ดีเท่าของฝรั่ง ช่างน่าเศร้าใจ 

    ได้เวลาเดินทางต่อไปยังสถานีถัดไปแล้ว ฝันมองรอบๆตัว กวาดตาไปตามที่นั่งในแต่ละแถว ฝันก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่ฝันรู้จัก หรือแม้แต่คุ้นตาเลยแม้แต่นิด คนบางคนก็มีบทบาทแค่ห้านาทีหรือน้อยกว่านั้นในโลกของเรา เราอาจไม่ได้เกิดมาเพื่อรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ตลอดการเดินทางที่ยาวนานขนาดนี้ ฝันก็อยากจะมีคนรู้จักโผล่มาให้ได้เห็นหน้าเหมือนกันนะเนี่ย 

    ในเครื่องบินมีหน้าจอ LCD ติดอยู่หลังเบาะของผู้โดยสารด้านหน้าให้เราได้เล่นฆ่าเวลาตลอด 17 ชั่วโมงนี้ (มีเวลาให้ฆ่าเหลือเฟือเลยทีเดียว) มีทั้งหนัง เพลง เกม และอื่นๆอีก ฝันลองเปิดดูรายชื่อหนังที่มี ไม่มีเรื่องไหนน่าสนใจเลย ฝันจึงตัดสินใจเปิดไปดูการ์ตูนเรื่องโปรด “มู่หลาน” แทน อย่างน้อยก็ของนั่งดูไปฮัมเพลงไปด้วยแล้วกัน เพราะฝันชอบเพลง Reflection และเพลง I'll Make a Man Out of You เอามากๆ แต่ด้วยความที่เราสามารถเลือกภาษาได้ด้วย มู่หลานเป็นคนจีน เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศจีน ฝันเรียนภาษาจีน แล้วทำไมจะไม่ล่ะ ดูภาษาจีนเลยดีกว่า ฝึกภาษาไปในตัว แถมน่าจะได้อรรถรสมากยิ่งขึ้นด้วย เมื่อหนังเริ่ม ฝันก็กรอไปจนถึงตอนที่เพลงแรกเริ่มบรรเลง เส้นประสาททั้งหมดตื่นตัวเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเส้นประสาทที่เป็นญาติกันกับกระดูกค้อน ทั่ง และโกลนในหูทั้งสอง เนื้อเพลงเริ่มลองล่องเข้ามาในโสตประสาทอย่างต่อเนื่อง และภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ฝันเปลี่ยนภาษาค่ะ! ไม่รู้ว่าฝันงงหัวเพราะความกดอากาศที่เปลี่ยนไป การนอน (ที่ไม่ค่อยสบายกาย) มากเกินไปตลอดการเดินทางเที่ยวที่ผ่านมา หรือภาษาที่สวยงามเกินสมองน้อยๆของฝันจะประมวลผลทัน กว่าจะรู้ตัวอีกที ฝันก็ค้นพบว่าอากาศรอบตัวเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ ฝันกระชับเสื้อกันหนาวเข้าอีกนิด กางผ้าห่มที่ได้รับมา คลุมช่วงล่างทั้งหมด ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัดและมืดสนิท ความเย็นยังมาตามตื้ออย่างไม่มีทีท่าว่าจะเลิกราง่ายๆ ฝันเปิดหน้าจอ LCD ขึ้นมาอีกหน กดไปดูแผนที่การเดินทางซึ่งจะบอกจุดปัจจุบันที่เราอยู่ ว่าอยู่ที่ไหนแล้วบนโลกใบนี้ และมาได้ไกลแค่ไหนแล้วบนเส้นทางจากจุดเริ่มต้น ฝันคิดว่าตอนนี้ ฝันกำลังอยู่เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกที่ได้ชื่อว่าเป็นผืนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะกินพื้นที่ถึง1 ใน 3 ของพื้นผิวทั้งหมดของโลกเลยทีเดียว ไม่น่าเชื่อว่าอุณหภูมิจะต่ำขนาดนี้ ถ้าหากฝันอยู่บนเรือเดินสมุทร จะเป็นอย่างไรกันนะ 
       
    รัตติกาลและความเย็นยะเยือกเป็นฝ่ายชนะฝันไปในที่สุด ฝันค่อยๆปิดเปลือกตาที่แสนอ่อนล้าลง คงถึงเวลาที่จะให้มันได้พักผ่อนยาวๆอีกหน ก่อนจะลืมตาขึ้นมาและออกผจญภัยต่ออย่างสดชื่น ไม่รู้ว่าข้าวเช้าวันต่อไปจะเป็นอะไร น่าจะดีถ้ามีโกโก้ร้อนๆด้วย ฝันเม้มปากเมื่อคิดถึงความอุ่นท้องที่จะได้รับหลังดื่มมัน อืม ใช่เลยอุ่นๆ แต่ทำไมถึงมีกลิ่นเหมือนเหล็กด้วยล่ะ อ๋อนั่นสินะ สงสัยอากาศข้างบนนี้คงแห้งมากเกินไป ปากแตกเฉยเลย
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in