เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Midnight Thought (ทูคิมดง)myephemeralmind
SF: We Are All Silly (1)
  • คิมดงฮันยืนรอใครบางคนที่ป้ายรถเมล์มาสักพักแล้ว อากาศที่เริ่มเย็นขึ้นในตอนกลางคืนทำให้เขาต้องกระชับเสื้อโค้ทของตนเองเข้าอีกที ในระหว่างที่รอดงฮันรับรู้ถึงสายตาของใครหลายคนที่เดินผ่านไปและจับจ้องมองมา


    คงจะเป็นเพราะผมสีทองที่เพิ่งไปย้อมมาตามคำยุยงของใครบางคนล่ะมั้ง

    ใครบางคนคนนั้นที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเขา


    “มาแล้วๆ”


    คิมดงฮยอน เพื่อนร่วมห้องเรียนของเขาเอง เจ้าตัววิ่งไปพลางส่งยิ้มกว้างมาตั้งแต่ระยะไกล เรียกได้ว่าเห็นตั้งแต่ร้อยเมตรก่อนหน้า

    ดงฮยอนเป็นคนที่ยิ้มสวยมากๆคนหนึ่งเท่าที่ดงฮันเคยรู้จัก ถึงเขาจะเคยคิดว่าพอรอยยิ้มบนหน้าของดงฮยอนรวมกับหางตาชี้ๆนั่นแล้วจะแอบน่าหมั่นไส้หน่อยๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาละสายตาไปจากคิมดงฮยอนไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย



    “ว้าว ดงฮันนี่กับผมสีใหม่ ไปย้อมตามที่ฉันบอกจริงๆแฮะ” ไม่ทำท่าตื่นเต้นอย่างเดียวแต่ดงฮยอนยังยกมือขึ้นมาจับๆผมของเขาเล่นพร้อมหัวเราะคิกคักพึงพอใจ

    “อืม เห็นเซ้าซี้มานานแล้วไม่ใช่เหรอ”



    พวกเขาสูงไล่เลี่ยกันมากทำให้ดงฮยอนไม่ต้องเขย่งตัวขึ้นเพื่อจะเล่นผมเขาได้แต่อย่างไร และด้วยส่วนสูงที่ไล่เลี่ยกันทำให้ทุกครั้งที่ยืนหันหน้าคุยกับดงฮยอนแล้วเหมือนจะได้สบตากันตลอดเวลา



    ดวงตาของดงฮยอนมีประกายอยู่ตลอดเวลา หางตาชี้ๆนั่นทำให้ดวงตาวาววับดูเจ้าชู้ แต่ถุงใต้ตาน้อยๆของเจ้าตัวกลับน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ทั้งหมดนั้นถึงจะมีแว่นตาเลนส์กลมอันใหญ่ๆบังตลอดเวลาก็ไม่ได้ลดเสน่ห์เฉพาะตัวของคิมดงฮยอนลงไปหรอก





    “แล้วจะไปได้ยังล่ะ นายมาช้านะ”


    “นายนั่นแหละมาเร็วกว่าเวลาเกินไป ฉันน่ะไม่เรียกว่าสายหรอกนะ แค่ลืมหยิบโค้ตแล้วแม่เรียกให้กลับไปเอาต่างหากเลยดูเหมือนจะมาช้า...”


    ถึงจะหาเรื่องพูดแก้ตัวไปแต่ดงฮยอนก็ยังเดินตามเขามาอยู่ดี



    ตอนนี้พวกเขาทั้งคู่กำลังมุ่งหน้าไปสู่เกมส์เซ็นเตอร์ที่ดงฮยอนเคยออกปากชวนเขาตอนอาทิตย์ก่อน อันที่จริงก็ไม่ได้สนิทกันมากขนาดนั้น ต่างฝ่ายต่างก็มีเพื่อนสนิทของตนเอง แต่อาจจะเป็นเพราะเคยเล่นบาสด้วยกันบ่อยๆกับที่เขาชอบเจอดงฮยอนตามร้านเกมส์เซ็นเตอร์จนกลายเป็นคู่หูร้านเกมส์ไปแล้วล่ะมั้ง ดงฮยอนเป็นพวกชอบเล่นเกมส์ตู้เอามากๆแถมเล่นได้บ้าบิ่นสุดๆไปเลยล่ะ



    แต่ชวนมาเล่นในวันวาเลนไทน์นี่ก็นะ...ไม่รู้จะคิดยังไงดีเหมือนกัน


    “ฉันไปเจอร้านนึงมีโปรโมชั่นสำหรับคนที่มาเป็นคู่ ซื้อเหรียญเติมเกมส์ลดครึ่งราคา”


    ดงฮันก็เออออไปตามคำชวนนั่นแหละ วันวาเลนไทน์เพื่อนรักของพวกเขาต่างก็หนีไปสวีทกับแฟนกันหมด แถมได้มาเล่นเกมส์กันสองคนแบบนี้ก็ไม่เลวเลย



    เล่นเกมส์ตู้กับใครก็ไม่สนุกเท่าเล่นกับดงฮยอนอีกแล้วล่ะ







    “วันนี้นายไม่ได้ใส่แว่นตามานะ”



    “ฮะ ฉันเหรอ” คิมดงฮยอนดูอ้ำอึ้งไปเสียหน่อย เจ้าตัวยกนิ้วชี้ขึ้นเกาจมูกเล็กน้อย “ก็...มันไม่ค่อยถนัดเวลาเล่นเกมส์เท่าไหร่ วันนี้ฉันกะจะมาเอาชนะนายแบบเต็มที่เลยนะ”



    โกหก ดงฮันรู้ กับอีแค่เล่นเกมส์ตู้ในเกมส์เซ็นเตอร์น่ะ คนที่ใส่แว่นเล่นบาสได้อย่างโลดโผนแบบคิมดงฮยอนน่ะเหรอจะรู้สึกไม่สะดวก และไม่ใช่แค่ไม่ใส่แว่นหรอก วันนี้ดงฮยอนแต่งตัวดีเป็นพิเศษ มีการสวมเสื้อโค้ท จากที่ปกติชอบใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ง่ายๆ ถ้าหนาวก็ทับด้วยเสื้อฮู้ดหนาๆสักตัวก็พอ ทรงผมที่เคยปล่อยสบายๆ แต่วันนี้กลับเซ็ทมาอย่างดี



    จะว่าแต่ดงฮยอนก็ไม่ได้หรอก ดงฮันเองก็เพิ่งไปย้อมผมมา วันนี้เขาเองก็เลือกชุดแบบพิถีพิถันสุดๆเหมือนกัน

    ก็นะ...วันนี้ไม่ใช่วันธรรมดานี่นา





    “คู่รักเยอะตามที่คิดไว้เลยแฮะ”

    ดงฮยอนหัวเราะแห้งๆตอนที่พวกเขาเดินมาถึงหน้าร้าน พอมาอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักแบบนี้แล้วทั้งคู่ก็ได้แต่กันมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่กระอักกระอ่วนเล็กน้อย

    ในร้านเกมส์เซ็นเตอร์ที่ดงฮยอนพามาเต็มไปด้วยคู่รักจำนวนมากที่ควงแขนกันมาเล่นเครื่องเล่นแบบกระหนุงกระหนิง ที่ดูจะฮิตสุดคงหนีไม่พ้นตู้คีบตุ๊กตาที่ฝ่ายหญิงมักจะอ้อนอยากได้ตุ๊กตาในเครื่องแล้วฝ่ายชายจะโชว์ความสามารถในการเล่น



    “ตัวเอง เค้าอยากได้ตัวนั้นอ่า...ตัวเองคีบให้เขาหน่อยสิ”

    “ได้เลยตัวเอง”



    ดงฮันอดไม่ได้ที่จะยืนมองคู่รักคู่หนึ่งด้วยใจที่ลุ้นไปด้วยว่าฝ่ายชายจำสามารถทำภารกิจได้สำเร็จหรือไม่ แต่ก่อนจะรู้ผลลัพธ์ เสียงที่คุ้นเคยในโทนใหม่ได้เรียกความสนใจเขาไปก่อน



    “ตัวเองเค้าแลกเหรียญแล้ว”



    เป็นคิมดงฮยอนที่ดัดเสียงเล็กเสียงน้อยตอนแบเหรียญในกำมือออกมาให้ดู ถ้าเป็นพวกฮยอนบินหรือแทดงเพื่อนสนิทของเขาที่ทำเสียงกับท่าทางแบบนั้นให้ดู ดงฮันคงวิ่งไล่เตะด้วยความหมั่นไส้ไปแล้ว แต่นี่มันคิมดงฮยอนนี่นา

    คิมดงฮยอนที่พอมีเหรียญเล่นเกมส์เต็มกำมือแล้วเลิกสนใจบรรยากาศหวานแหววในร้านแล้วพุ่งเข้าหาเครื่องเล่นเป็นเด็กๆ กระโดดโหยงเหยงกวักมือให้ดงฮันเดินตามไปเล่นด้วยเป็นเด็กๆ

    ดงฮันไม่มีปัญหากับการเลือกเล่นเกมส์หรอก จะเล่นเกมส์อะไร เล่นกับคิมดงฮยอนก็สนุกทั้งนั้น





    ดงฮยอนพาเขาเล่นอะไรหลายอย่างมาก แต่อย่างสุดท้ายยังไงก็หนีไม่พ้นเครื่องต่อยมวยวัดพลังหมัดของตนเอง ไม่ว่ามากี่ครั้งดงฮยอนก็จะเล่นมันทุกครั้ง



    “ถ้าใครได้คนแพ้เลี้ยงต๊อก ดีลมั้ย”

    “ดีล”



    ดงฮยอนมีท่าทีร่าเริงมากกว่าเดิมทันทีที่ดงฮันยื่นกำปั้นไปชนเป็นการตกลงกัน เจ้าตัวคงมั่นใจแน่ๆว่าจะชนะ เพราะเกือบทุกครั้งที่เล่นด้วยกันดงฮยอนมักจะเอาชนะดงฮันไปได้ทุกที

    เห็นดูผอมๆแบบนั้นแต่ดงฮยอนบ้าพลังไม่ใช่เล่น

    ดงฮยอนให้เขาเป็นฝ่ายต่อยก่อนด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวจะต่อยทีหลังให้จบสวยๆแล้วจะได้มาเกทับเต็มที่ ซึ่งดงฮันจะขัดอะไรได้ มันก็เป็นแบบนั้นมาตลอด



    “913 คะแนนเองเหรอดงฮันนี่ อ่อนว่ะ”

    “เชิญคุณคิมดงฮยอนเลยครับ”

    “เตรียมเงินเลี้ยงต็อกฉันได้เลยเพื่อน”



    คนพูดหัวเราะร่า พลางบิดไม้บิดมือเป็นการเตรียมตัว สายตามุ่งมั่นแน่วแน่ของดงฮยอนเวลาจะเล่นเกมส์ก็เป็นอีกอย่างที่ดึงดูดให้ดงฮันละสายตาไปจากดงฮยอนไปไม่ได้ มุมปากที่ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างคนที่เชื่อว่าตนเองจะชนะนั่นก็เช่นกัน

    เพราะมัวแต่จ้องจนตกอยู่ในภวังค์งั้นเหรอ ในจังหวะที่ดงฮยอนกำลังจะต่อยเครื่องเล่นดงฮันถึงเผลอพูดออกไป







    “ดงฮยอนอา.. ชอบนะ”

    ตู้ม!


    .
    .
    .




    “นายมัน...ขี้โกง”



    ดงฮยอนพูดขึ้นก่อนจะค่อยๆคีบต๊อกโบกีหนึ่งชิ้นในถ้วยเข้าปากไปพร้อมกับส่งสายตาเชือดเฉือนใส่เขา ตอนนี้ทั้งคู่ออกจากเกมส์เซ็นเตอร์มายืนหน้าร้านต๊อกโบกีตามข้อตกลงในร้านเกมส์ว่าใครแพ้จะต้องเลี้ยงต๊อกโบกี้อีกฝ่าย



    “ฉันขี้โกงตรงไหน”

    “ก็นายพูดอะไรออกมาตอนนั้น กะจะให้ฉันตกใจจนแพ้ใช่ป่ะ”

    “นายต่อยได้คะแนนเยอะกว่าฉันอีกนะ ถ้วยนี้ฉันก็เลี้ยง””



    ดงฮันไม่คิดว่าตัวเองขี้โกง เพราะผลลัพธ์ของเกมส์นั้นเขาแพ้เหมือนเคย แถมดงฮยอนเองยังทำลายสถิติของตัวเองอีกด้วย ก็ตอนที่เขาพูดออกไปน่ะทำให้ดงฮยอนเผลอลงแรงต่อยไปมากกว่าเดิมอีก ต่อยเสร็จหันกลับมามองเขาแบบอึ้งๆ



    “ใครเขาบอกชอบกันตอนต่อยเครื่องเล่นล่ะโว้ย” ไม่บ่นแบบหัวเสียเปล่า จบประโยคดงฮยอนรีบจัดการกับต๊อกโบกีในมือต่อ

    “นายไม่ได้รู้อยู่แล้วเหรอคิมดงฮยอน ความรู้สึกของฉันน่ะ”

    “ไม่รู้ซะหน่อย” คนตรงหน้ายังคงจดจ้องอยู่กับถ้วยต๊อกของตนเองและหลบสายตาของเขาอยู่

    “คิดว่ารู้อยู่แล้วเลยชวนมาเดทกันซะอีก”

    “ฉันจะไปกล้าคิดเข้าข้างตัวเองได้ไง ก็แค่...อยากชวนมาเล่นเกมส์ด้วยกันเฉยๆ เล่นด้วยกันสนุกดี” เพราะดงฮยอนที่กำลังพูดอยู่นั้นมัวแต่ก้มมองถ้วยต็อกในมือ เลยไม่เห็นว่าดงฮันกำลังยิ้มแก้มแทบปริอยู่แบบนี้ แต่แบบนั้นก็ไม่เลวเพราะขืนเงยหน้าขึ้นมาสบตาตอนนี้ดงฮันต้องรู้สึกเขินเป็นบ้ากว่านี้แน่ๆ

    ถึงอย่างนั้นก็อยากได้ยินให้มันชัดเจนกว่านี้



    “แล้วสรุปนายคิดยังไงกับฉันล่ะดงฮยอน”

    “ย่าห์ คิมดงฮัน ฉันชัดเจนขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอ” ดงฮยอนโวยวายออกมา แต่ภายใต้ท่าทางที่โวยวายนั่นดงฮันก็รับรู้ได้ถึงความเขินอายที่ปิดไม่มิดของอีกฝ่าย

    “ฉันอยากได้ยินให้แน่ใจชัดๆนี่นา”



    ดงฮันเซ้าซี้อยู่สักพัก ดงฮยอนนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง สูดหายใจเข้าออกสักพักคล้ายจะตั้งสติก่อนจะจ้องหน้าเขานิ่งๆแล้วพูดออกมา



    “อืม ฉันก็ชอบนายเหมือนกันคิมดงฮัน”

    “เยส!”



    ดงฮันเผลอตะโกนออกมาอย่างลืมตัวจนคนรอบข้างหัวมามองพวกเขา จนโดนดงฮยอนตีให้นิ่งลงก่อนแกล้งกลบเกลื่อนไม่ให้เป็นจุดสนใจ



    “ให้ตายสิ พวกเรานี่มัน...งี่เง่าพอๆกันเลยแฮะ”



    หลังสิ้นสุดคำบ่นงึมงำของคิมดงฮยอน ทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาเบาๆพร้อมๆกันอีกครั้งก่อนจะแอบกระชับฝ่ามือที่มีปลายเสื้อโค้ทบังอยู่เข้าด้วยกัน



    มันก็คงจะงี่เง่าจริงๆ ทั้งที่ทุกอย่างจะชัดเจนมาตลอดแท้ๆ นัดเจอกันในวันวาเลนไทน์ ทั้งเตรียมตัวกันมาดีกว่าปกติทั้งคู่ แต่ไม่มีใครกล้าจะพูดมันออกมาชัดๆเสียที พอบทจะพูดออกมาดันเป็นโอกาสที่ไม่โรแมนติกเอาเสียเลย



    คนนึงพูดตอนอีกฝ่ายกำลังจะต่อยเครื่องเล่น

    อีกคนยืนสารภาพหน้าร้านขายต็อกเล็กๆริมทาง




    คำสารภาพของพวกเราเรียบง่าย และเป็นสถานการณ์ที่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย แต่พอได้ยินคำตอบออกมาแล้ว ดงฮันก็ได้บันทึกข้อมูลลงในหัวทันทีว่าหน้าร้านต็อกก็เป็นสถานที่ที่โรแมนติกได้เหมือนกัน แถมตอนนี้เขารู้สึกมีความสุขจนแทบจะบินได้แล้วล่ะ



    คิมดงฮันคงจะงี่เง่าแบบที่คิมดงฮยอนบอกจริงๆนั่นแหละ...


    .
    .
    .
    #มนต101
    เจ้าเดียวกับในเด็กดีเลยค่ะ แค่อยากลองเอามาอัพในนี้บ้าง แฮะๆ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in