ทุกคนต่างก็มีความฝันของตัวเองกันใช่มั้ยละ ตั้งแต่เด็กเราฝันอยากเป็นตั้งหลายอย่าง แอร์โฮสเตสเอย ดีไซน์เนอร์ นักร้อง นี่เคยอยากเป็นนักวิจัยงานด้วยนะ แต่คุณรู้มั้ยว่าพอมาถึงตอนนี้เรากลับคิดไม่ออกทุกครั้งเวลามีคนถามว่า
'โตขึ้นอยากเป็นอะไร'
เออ แล้วเราอยากเป็นอะไรกันแน่วะ
เนี่ย คำถามนี้เป็นคำถามที่โคตรยากสำหรับเราเลย พ่อแม่ผู้ใหญ่หลายคนก็เสนออาชีพดีๆให้ เช่น หมอ วิศวกร เภสัชกร สถาปนิก
แต่ฮัลโหล เกรดเราโคตรจะย่ำแย่ :( เราเลือกเข้าสายศิลป์ภาษา ตอนนั้นในหัวเราไม่ได้คิดอะไรหรอกเราแค่ชอบภาษาและอยากเรียนภาษาใหม่ๆเท่านั้น คิดว่าเออเดี๋ยวค่อยเปลี่ยนตัวเองก็ได้ เนี่ยขึ้นมอปลายเปลี่ยนตัวเองๆ
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน
หึ! เปลี่ยนกับผีน่ะสิ
โอ๊ย เราติดเล่นมาก ทั้งติดซีรีย์ติดติ่งเกาหลี ขี้เกียจไม่ส่งงาน อยากบอกทุกคนเลยนะถ้าคิดจะเปลี่ยนตัวเองต้องทำเลย! อย่าเป็นแบบเรา นี่แค่ครึ่งปีแรกเกรดเรายังเส็งเคร็งขนาดนี้เลย ต้องมีวินัยกับตัวเองมากๆ และเราคิดว่าที่เราเป็นแบบนี้เพราะ
หนึ่ง ขี้เกียจระดับควีน
สอง ไม่มีเป้าหมายหรือความฝัน
เหมือนกับเรือที่ล่องลอยอยู่ในทะเล ไม่มีจุดหมายปลายทางอะไรเลย ยอมโดนน้ำกระทบสาดบ้าง เรือเกือบคว่ำบ้าง มันเป็นภัยที่อันตรายมากเลยนะถ้าเราไม่คิดจะกู้ชีพตัวเองออกมาเลย
จนกระทั่งหลายวันก่อนเราได้ฟังใครบางคนพูดมา เขาคนนั้นให้ข้อคิดและแรงผลักดันกับเราได้ดีมากๆ
"ที่นั่งในมหาลัยมันมีไม่พอสำหรับทุกคนหรอกนะ"
ในใจเราตอนนั้นแบบ เฮ้ เราเป็นคนหนึ่งที่อยากมีเก้าอี้นั่งสวยๆในมหาลัยฯนะ คนๆนั้นบอกว่าเราเป็นผู้ถูกเลือกในการแข่งขันนี้แล้ว เขาถามเราว่าอยากแพ้เหรอ
ไม่มีใครอยากยอมแพ้ทั้งนั้นแหละ เราตอบในใจ และมันทำให้เราคิดได้ว่าเราควรทำอะไรซักอย่างได้แล้ว
อย่างน้อยก็เปลี่ยนแปลงตัวเอง ส่งงานให้ครบ สอบให้ผ่าน แค่นั้น แต่สิ่งที่เรารู้สึกได้หลังจากนั้นคือ
"เชี่x แม่z ยากว่ะ" ถ้าคุณเป็นพวกขี้เกียจแบบเราล่ะก็จะเข้าใจ
โห คุณเราท้อมากๆ เสียน้ำตาไม่รู้กี่ลิตร เราไม่เคยท้อเรื่องเรียนมาก่อนนะอาจเป็นเพราะเราไม่เคยจริงจังกับเรื่องนี้ซักที พอเห็นว่าตัวเองพลาดไปมากแค่ไหนก็เสียใจเอาเรื่องเหมือนกัน
ก็นะ เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว อย่างน้อยก็ทำให้วันนี้มันดีกว่าเมื่อวานและวันก่อนๆ
จากวันนั้นที่เราได้คุยกับเขามันทำให้เด็กยีราฟอย่างเราเนี่ย มีความฝันขึ้นมา
นี่คุณ การตามหาตัวเองมันไม่ยากหรอกนะ :) คนหนึ่งคนใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่เราอยากบอกว่ารีบหน่อยนะคะ เวลาไม่เคยรอใคร
ใจร้ายใช่มั้ยล่ะ!
เราค้นพบตัวเองจากคนอื่น งงมั้ย คือเราชอบสอนคนอื่นมากๆ ยิ่งเวลาเป็นวิชาภาษาเนี้ยเราจะชอบมากๆ แต่คำบางคำเราก็แปลไม่ออกหรอกนั่นแหละปัญหา มันทำให้เราอยากจะแปลมันออก อยากแชร์มันให้ทุกคนรับรู้
เราอยากเป็นนักแปลหนังสือ :)
มันเป็นอาชีพที่เราคิดว่าแม่xโคตรจะเข้ากับเราเลยวะ เห็นเราขี้เกียจแบบนี้เราชอบอ่านมากเลยนะ ดูย้อนแย้งไปหน่อยแฮะ เราชอบอ่านวรรณกรรมต่างประเทศอะไรพวกนี้ หนังสือทุกเล่มมันก็เหมือนกับประตู
เปิดโลกให้เราได้เห็นผ่านตัวอักษร
คูลใช่ปะ เราก็อยากเป็นหนึ่งคนที่แปลเรื่องราวดีๆให้ทุกคนอ่าน มันมีความสุขนะ บอกไม่ถูกแต่มีความสุขนี่แค่ความคิดนะเนี่ย ตอนนั้นพอเราคิดออกเราใช้มือถือที่สารพัดประโยชน์ค้นหาเลยค่ะว่าคณะไหนอะไรยังไง จนกระทั่งมีเตะตาเราอยู่สองคณะซึ่งนั่นก็คือ คณะศิลปศาสตร์ ธรรมศาสตร์ กับ มนุษยศาสตร์ เกษตรศาสตร์
มันคือคณะที่เรียนเกี่ยวกับภาษาล้วนๆ นั่นก็เป็นเรื่องดี :)
ส่วนตัวคือเราไม่คิดถึงว่าจบไปจะทำอะไรดีอะ เราคิดว่าถ้าตัวเรามีศักยภาพพอยังไงคนอื่นก็ต้องเห็นและทั้งหมดทั้งมวลขึ้นอยู่กับความพยายามและแรงขยันค่ะ! ฮื่อ เราจะมีวินัยมากขึ้น สำหรับคุณที่มีปัญหาแบบเรานะเราแนะนำให้หากำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ไม่ก็ผู้ปกครองที่แสนน่ารัก
เชื่อยีราฟนะพวกท่านต้องแนะนำอะไรดีๆและให้กำลังใจคุณที่กำลังท้ออยู่ได้แน่ๆ กอดหนึ่งกอดเวลาเหนื่อยนี่มันโคตรจะฮีลเลยนะ ถ้าคุณเป็นพวกขี้อายปรึกษาเพื่อนดีๆซักคน คุณไม่ได้เผชิญปัญหาแย่ๆอยู่คนเดียวนะคะ รู้ัมั้ย นี่ให้กำลังใจเลยนะสู้ไปด้วยกัน
ฮึ้บๆ เราทำได้ จะเหนื่อยจะล้าแค่ไหนยังไงก็ต้องฝ่าไปให้ได้ จะไม่ขี้เกียจ! จะไม่ขี้เกียจ!
มนุษย์เราเกิดมาเพื่อพัฒนาตัวเอง
ps. ขอบคุณเขาคนนั้นสำหรับแรงผลักดัน
และขอบคุณตัวเองที่อดทนขึ้นบันไดมาอีกหนึ่งก้าว ก้าวเล็กๆแต่เป็นก้าวทีี่ดี ถึงจะทุลักทุเลไปหน่อยก็เถอะ
ยีราฟเองค่ะ ราตรีสวัสดิ์ :D
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in