เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
you, me and our alternate universe.M
Moonlight on the rooftop
  • “ทำไมเราถึงเลิกกันนะ” หญิงสาวถามเสียงเบา คำถามสั้นๆ ลอยเคว้งกลางอากาศท่ามกลางความมืดที่โอบกอดร่างพวกเขาสองคนที่นอนอยู่กลางสวนขนาดย่อมบนดาดฟ้าชั้นบนสุดของอพาร์ทเมนท์ริมแม่น้ำ มีขวดเบียร์เปล่าๆ จำนวนไม่น้อยถูกทิ้งไว้ข้างกาย

    “คุณบอกว่าผมไม่ใส่ใจน่ะ ซึ่งมันก็จริง ผมแสดงออกไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่” ชายหนุ่มกระซิบตอบ มือหนาสัมผัสหญ้าปลอมที่ล้อมรอบทั่วบริเวณ พลันนึกถึงไปยังอดีตที่มีใบหน้าของหญิงสาวเปื้อนคราบน้ำตา ริมฝีปากที่สำลักความเศร้ากับน้ำเสียงที่แตกหัก 

    “เรายังเด็กเกินไปด้วยล่ะมั้ง”

    “ไม่หรอก ความรักมันไม่มีข้อกำหนดว่าต้องอายุเท่าไหร่ถึงจะรู้สึกได้” 

    เธอเงียบ เขาจึงเงียบตาม เสียงผู้คนและเสียงเพลงดังลอดออกมาจากประตูที่ถูกปิดไว้เป็นระยะๆ ย้ำเตือนถึงการหลบหนีของพวกเขาสองคนที่บังเอิญมาซ่อนตัวที่เดียวกันและยังเป็นคนในอดีตที่อาศัยอยู่ในกล่องความทรงจำที่ถูกเก็บไว้ลึกเกินมือจะเอื้อมถึง

    “แล้วถ้าเลือกย้อนเวลากลับไปได้ล่ะ” 

    “ก็คงเลือกคุณเหมือนเดิม” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีใครมอง “ตอนนั้นรู้สึกว่าชอบคุณมากกว่าเดิมก็คงเป็นตอนที่บอกคุณว่าชอบเพลง Lovebug แล้วคุณก็ร้องออกมาเสียดื้อๆ หน้าฉันร้อนไปหมดเลยนะ” ชายหนุ่มหลุดหัวเราะ อาจจะดังเกินไปหน่อยเพราะขวดเบียร์ก่อนหน้าเหล่านั้น แต่มันก็ทำให้เธอหลุดหัวเราะตามไปด้วย

    “อีกอย่าง ไม่มีมือคู่ไหนอบอุ่นเท่าของคุณอีกแล้ว” เสียงหัวเราะเบาลงเพราะคำพูดไม่กี่พยางค์ที่เอ่ยออกมา หากแต่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ที่ไม่เคยลืม หญิงสาวไม่ได้รู้สึกเคอะเขินหรือเสียใจ มันเลยจุดนั้นมานานแล้ว 

    “คุณเคยขับรถตอนที่ฝนตกมั้ย”

    “ฉันยังขับรถไม่เป็นอยู่เลย” เธอบอกขำๆ ก่อนจะเสริมต่อ “แต่ก็พอนึกออกนะ”

    “ลองจินตนาการดูก็ได้ เอาแบบตกหนักๆ เลยนะ เสียงฝนมันอื้ออึงจนแทบจะไม่ได้ยินอะไร ทั้งหนวกหูและน่ารำคาญไปหมด” ชายหนุ่มเหลือบไปมองหญิงสาวที่ตอนนี้หลับตาวาดภาพตาม “เราไม่ได้ยินเสียงอะไรนอกจากน้ำฝนที่กระทบบนหลังคารถราวกับว่ามันกำลังประท้วงถึงความเสียใจที่ต้องแบกรับมาหลายเดือน นั่นแหละ มันเป็นแบบนั้นจนกระทั่งผมขับผ่านสะพาน และชั่ววินาทีนึงที่ผมอยู่ใต้สะพานทุกอย่างมันเงียบสงบ ผมรู้สึกปลอดภัย เหมือนโดนตัดขาดจากโลกไปชั่วขณะ นั่นน่ะคือความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณตอนที่เราคบกัน คุณคือสะพานของผม”

    หญิงสาวเงียบ เธอไม่ได้ลืมตาขึ้นและไม่พูดอะไรนานนับนาที จนในที่สุด ท่ามกลางความมืดที่พวกเขานอนนิ่งกลางสวนขนาดย่อมบนดาดฟ้าในคืนวันอังคาร ชายหนุ่มรู้สึกถึงมือเล็กที่สอดประสานเข้ากับมือของเขา ไม่มีคำอธิบายใดๆ หลุดออกมาจากริมฝีปากบาง แต่ไม่เป็นไร ในวินาทีนี้ ไม่มีใครต้องการคำอธิบาย ชายหนุ่มกระชับมือที่จับอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นก่อนจะหลับตาลงบ้าง ไม่หวั่นเกรงเลยว่าพระจันทร์จะมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาที่แตกหักไม่ต่างอะไรไปจากตัวพวกเขาเอง


    (end)


    แด่คุณในความทรงจำ

     

    m.


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Sitthiwat Boontem (@greyhaven1405)
เป็นเรื่องสั้นๆที่ดึงอารมณ์ได้ทุกบรรทัด ทั้งเศร้า มีความสุข และความคิดถึง ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองคน สิ่งสวยงามก็คือต่างฝ่ายไม่ได้พยายามย้อนเวลากลับไปให้เป็นเหมือนเดิม หรือโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ชื่นชมช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกันทั้งดีทั้งร้ายด้วยความเข้าใจ เปรียบทั้งคู่เป็นเหมือนคนหลงทางแล้วมาเจอที่พักพิง ถึงแม้เวลาและเหตุผลต้องพาทั้งคู่เดินหน้าต่อไป แต่เมื่อมองกลับไปยังที่พักพิงที่นั้นก็ยังรู้สึกขอบคุณและอุ่นใจอยู่เสมอถึงแม้จะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะกลับไปอีกแล้วก็ตาม ทำได้ดีมากครับ :)
M (@M196A)
@greyhaven1405 บางทีแค่การได้กลับไปชื่นชมอดีตในกล่องทรงจำของเราเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้ว ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะคะ