เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลไว้ให้เธออ่าน : )Jssssme
On Meaning, Melody, and Love in Taylor Swift's "mirrorball"
  • นาฬิกาบอกเวลาราว 3 ทุ่มกว่า ฉันกดปุ่มเล่นเพลง 'Mirrorball' อีกครั้ง ฉันอยากจะบอกคุณเหมือนกัน, บรรจงบอกคุณ ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ฉันจำไม่ได้ คงจะเพิ่ง 2-3 ครั้งฉันคิดว่า ทว่า บางสิ่งบางอย่างภายในบทเพลงทำฉันรู้สึกราวกับเคยฟังมันมาก่อน ภายในหัวสมอง ในตลอดชีวิตที่ผ่านมา 

    "ชอบ hoax" เหน่ง, เพื่อนสนิทของฉันและแฟนคลับตัวยงของเทย์เลอร์กล่าว หลังฉันถามว่าชอบเพลงใดมากที่สุดใน 'folklore' อัลบั้มล่าลุดลำดับที่แปดของเทย์เลอร์ สวิฟต์ 

    "เมื่อคืนฟังตอนตี 2 คือสุด แอบร้องไห้" เหน่งกล่าว

    "กูก็เหมือนกัน" ฉันเอ่ยตอบ "ฉันชอบ mirrorball"


    Mirrorball - Taylor Swift


    'mirrorball' คือเพลงในลำดับที่ 6 ของอัลบั้ม 'folklore' โดยบรรดาชื่อเพลงและชื่ออัลบั้มเองจะเขียนเป็น 'ตัวเล็ก' ทั้งหมดเสมอตามต้นฉบับและสไตล์ของแนวเพลง alternative ซึ่งมักจะไม่ใช่ 'ตัวอักษรใหญ่' ในชื่อเพลงหรือแม้กระทั่งการสื่อสาร 

    'ฉันอยากให้คุณรู้ว่า
    ฉันเป็นดั่งลูกบอลกระจก
    และในคืนนี้ คุณจะได้รับชม
    ทุกด้านของตัวคุณผ่านฉัน'

    'I want you to know
    I'm a mirrorball
    I will show you every
    version of yourself tonight'


    หมายเหตุ: ทุกการแปลในบทความนี้ จะไม่ใช่การแปลแบบคำต่อคำหรือในลักษณะตรงตัว (literal translation) เพราะฉันเชื่อว่าการจะเข้าใจความหมายของภาษาใด มันไม่ใช่เพียงแค่การถ่ายโอนลักษณะทางภาษา แต่ยังรวมถึงการถ่ายทอดความรู้สึก, จุดประสงค์, และอารมณ์ของต้นฉบับมาเป็นอีกภาษาให้ครบถ้วนและเป็นธรรมชาติมากที่สุด

  • ทำนองที่ดงามกับเนื้อความที่แตกสลาย

    Max Ravier

    ลักษณะสำคัญประการหนึ่งที่ฉันคิดว่าหลายคนอาจมองข้ามหรือยังมองไม่เห็นใน folklore ก็คือลักษณะของ จุดตัดหรือความขัดแย้งระหว่างทำนองและเนื้อความ ที่ปรากฏในแทบจะทุกเพลง 

    ท่วงทำนองในแทบจะทุกเพลงของ folklore ล่อลวงให้เรารู้สึกดั่งกำลังฟังเพลงรัก, เพลงผ่อนคลาย แต่เมื่อเราก้าวเท้าเข้าสู่เรื่องราวของแต่ละเพลง เราพบกับจุดตัดและความไม่ลงรอย 

    โดยไม่รู้ตัว เราถูกดึงเข้าสู่วงจรของความเหนื่อยล้า, ความเจ็บปวด, ความกังวล,  ความพยายาม, และความคลั่ง (เช่น ในเพลง 'mad woman') ของผู้เล่าเรื่อง ท่วงทำนองประครองให้เราพอทรงตัวและล่องลอย และเรื่องราวสาดเข้ามาดั่งคลื่นใหญ่ ทว่าเรากลับไม่รู้ตัว 

    จุดตัดระหว่างทำนองและเรื่องราวของ 'mirrorball' ทำงานในลักษณะเดียวกัน ดนตรีล่อลวงให้ฉันรู้สึกดั่งกำลังฟัง 'Lover' ในขณะที่เรื่องราวดึงฉันเข้าสู่วงจรของความพยายาม (ที่น่าเหน็ดเหนื่อย) อย่างไม่มีที่ิสิ้นสุด ในขณะที่ภายนอกดูเหมือนผู้เล่ากำลังบอกเล่าถึงความรักของเธอต่อคนรัก 

     

    "Hush, when no one is around, my dear
    You'll find me on my tallest tiptoes"
    Spinning in my highest heels, love
    Shining just for you"


    ภายในวาทกรรมรักดังกล่าว เราได้ยินเธอสารภาพตัวตนของตนเองที่ไม่น่าสบอารมณ์และความพยายามในการทำให้ทุกคน, ไม่ใช่เพียงคนที่เธอรัก, พึงพอใจอยู่เสมอ ดั่งลูกบอลกระจกดิสโกที่มีหน้าทีเพียงคอยสะท้อนความต้องการและอารมณ์ของผู้คนรอบตัว แต่ไม่เคยสามารถล่วงรู้ถึงตัวตนหรือความต้องการของตัวเอง


    "I've never been a natural, all I do is try, try, try
    [...] Because I'm a mirrorball"



  • ความหมายฉบับแปล 


    [Verse 1]
    I want you to know
    I'm a mirrorball
    I'll show you every version of yourself tonight
    I'll get you out on the floor
    Shimmering beautiful
    And when I break, it's in a million pieces

    ฉันอยากให้คุณรู้ว่า
    ฉันเป็นดั่งลูกบอลกระจก
    และในคืนนี้ คุณจะได้รับชม
    ทุกด้านของตัวคุณผ่านฉัน
    ส่องประกรายความเป็นคุณกลางฟลอร์ 
    ระยิบระยับและแสนงดงาม
    และเมื่อฉันแตกสลาย 
    คงกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

    [Chorus]
    Hush, when no one is around, my dear
    You'll find me on my tallest tiptoes
    Spinning in my highest heels, love
    Shining just for you
    Hush, I know they said the end is near
    But I'm still on my tallest tiptoes
    Spinning in my highest heels, love
    Shining just for you
    เบาเสียงคุณลง, ที่รัก, เมื่อไม่มีใครโดยรอบ
    มองดูฉันเขย่งปลายเท้าสุดความสามารถ
    หมุนเป็นวงกลมบนรองเท้าส้นทีี่สูงที่สุด, ที่รัก
    เปล่งประกายเพียงเพื่อคุณ
    เบาเสียงคุณลง, ฉันรู้ว่าเขาบอกว่าจุดจบใกล้มาถึง
    แต่ฉันยังคงเขย่งปลายเท้าสุดความสามารถอยู่
    หมุนเป็นวงกลมบนรองเท้าส้นที่สูงที่สุด, ที่รัก
    เปล่งประกายเพืียงเพื่อคุณ

    [Verse 2]
    I want you to know
    I'm a mirrorball
    I can change everything about me to fit in
    You are not like the regulars
    The masquerade revelers
    Drunk as they watch my shattered edges glisten
    ฉันอยากให้คุณรู้ว่า
    ฉันเป็นดั่งลูกบอลกระจก
    พร้อมจะเปลี่ยนทุกสิ่งภายในตนเองเพื่อให้เข้ากับทุกอย่าง
    แต่คุณไม่เหมือนบรรดาผู้คนทั่วไป
    พวกท่องราตรีสวมหน้ากากแฟนซี
    มึนเมาขณะมองฉันที่แตกสลายออกเป็นเศษกระจก
    ส่องประกายระยิบระยับ

    [Bridge]
    And they called off the circus, burned the disco down
    When they sent home the horses and the rodeo clowns
    I'm still on that tightrope
    I'm still trying everything to get you laughing at me
    And I'm still a believer, but I don't know why
    I've never been a natural, all I do is try, try, try
    I'm still on that trapeze
    I'm still trying everything to keep you looking at me
    และครั้นพวกเขายกเลิกการคณะละครสัตว์ หรือเผาคลับดิสโกเป็นเศษผง
    ส่งบรรดาม้าและตัวตลกโรดิโอกลับบ้าน
    ฉันยังคงเกร็งปลายเท้าดั่งยืนบนเชือกกายกรรมดังกล่าว
    ยังคงพยายามทำทุกอย่างให้คุณหัวเราะ
    ยังคงเป็นผู้ศรัทธา แต่ก็ไม่เคยรู้เหตุผล
    ไม่เคยเป็นธรรมชาติเหมือนคนอื่น 
    ทุกอย่างที่ทำมีแต่พยายาม, พยายาม, พยาม
    ฉันยังคงเกร็งตัวบนราวกายกรรมดังกล่าว
    ยังคงพยายามทำทุกวิธีให้คุณมองมาที่ฉัน

    [Outro]
    Because I'm a mirrorball
    I'm a mirrorball
    And I'll show you every version of yourself tonight
    เพราะฉันเป็นลูกบอลกระจก
    ฉันคือลูกบอลกระจก
    และในคืนนี้ คุณจะได้รับชม
    ทุกด้านของตัวคุณผ่านฉัน


    * กรุณาให้เครดิตทุกครั้งเมื่อนำส่วนใดของบทแปลไปเผยแพร่ 

  • เมื่อความรัก อาจทำให้เรากลายเป็นดั่งลูกบอลดิสโก

    Nick Bondarev
    "มันรู้สึกเหมือน เหมือนไม่สามารถเป็นตัวเองได้" คือประโยคที่ฉันกล่าวกับนักจิตวิทยาของตนเองเพียงไม่กี่วันก่อนจะพบกับ folklore 

    กว่าร่วมเดือนเราร่วมพูดคุยถึงลักษณะการ 'รัก' ใครสักคนของฉัน ก่อนจะพบว่าฉันมีรูปแบบ (pattern) การ 'ชอบพอ' ใครสักคนไม่ต่างกับการคอยเขย่งปลายเท้าและหมุนตัวไม่รู้จบบนรองเท้าส้นที่สูงที่สุดของ
    เทย์เลอร์ สวิฟต์ 

    เราพบว่าความพยายามดังกล่าวกำเนิดจากใจของฉันที่พร่องเองเป็นทุนเดิม และเมื่อต้องเริ่มความสัมพันธ์กับใครสักคน ฉันจึงเอาเขาเป็นศูนย์กลาง ปรับเปลี่ยนทุกอย่างให้เข้ากับเขา เพราะในความทรงจำตลอดชีวิตที่ผ่านมา แค่ความเป็นฉัน ไม่เคยมีคุณค่าเพียงพอ 

    ในเพลง 'mirrorball' เอง ใจความสำคัญหลักจึงไม่ใช่การแสดงความรักเสียทีเดียว แต่คือการสารภาพความเชื่อในความพร่องของตนเองและความพยายามที่จะกลบความพร่องดังกล่าวผ่านการสวมหน้ากาก แสดงละคร ตามบทที่คิดว่าอีกฝ่ายจะชื่นชอบ, รักใคร่, เอ็นดู 

    อุปลักษณ์ (metaphor) ของลูกบอลดิสโกที่เทย์เลอร์ใช้ยังสื่อถึงลักษณะการกลายเป็นเพียง 'วัตถุ' ที่ไม่มีชีวิต เป็นเพียงอุปกรณ์สร้างความภิรมย์ ไม่มีตัวตนหรือชีวิตเป็นของตัวเอง "กูเหมือนใบไม้" ครั้งหนึ่ง ฉันเคยกล่าวกับเพื่อนสนิท "พร้อมจะปลิวตามเขาที่เป็นลมแรงกว่าเสมอ"

    แต่ถึงอย่างนั้น ถึงแม้ 'เรื่องราว' ของฉันจะแสนน่าเหน็ดเหนื่อย ฉันยังคงเฝ้ามอง 'ความรู้สึก' ดังกล่าวของตัวเองผ่านเลนส์ของ 'ท่วงทำนอง' ดั่งในเพลง mirrorbal ที่ช่วยให้พอจะสงบและเบาใจ ยังคงเชื่อว่า 'ความรู้สึกดังกล่าว' และ 'พฤติกรรมของตัวเอง' แม้จะพิกลพิการเพียงใดในบางช่วงเวลา ยังคงมีคุณค่าและความหมายเฉพาะของมัน ที่วันหนึ่งฉันคงจะเข้าใจ

    เพลง 'mirrorball' จบที่ประโยค 'I will show you every version of yourself tonight' และฉันก็คงจะทำในลักษณะเดียวกัน จะขอจบที่ย่อหน้าหนึ่งจากหนังสือเล่มหนึ่ง ที่คงจะพออธิบายทุกความรู้สึกของฉันถึงเพลง, ถึงเขา, และตัวเอง

    Vlada Karpovich

    ผู้ดื้อรั้น 
    affirmation / การยืนยัน
    แม้จะขัดกับทุกสิ่ง ผู้รักยังคงยืนยันกับตัวเองว่าความรักของเขามีคุณค่า

    แม้เรื่องราวจะแสนยากลำบาก แม้จะพบกับความทุกข์ทน, ความกังวล, ความหมดหวัง, แม้ชั่ววูบหนึ่งจะรู้สึกว่าควรพอเสียที ผมยังคงยืนยันกับตัวเอง, ภายในจิตใจตัวเอง, ว่ารักมีคุณค่า แม้ผมจะพร่ำฟังทุกข้อถกเถียงมาจนหมด จากทุกระบบความเชื่อที่หมายหมั่นจะขจัดความลึกลับ, จำกัด, ลบล้าง หรือกล่าวโดยง่าย จะลดทอนคุณค่าของรัก ผมยังคงกล่าว "ผมรู้ ผมรู้ แต่กระนั้น. . ." [...] 

    ผมตอบโต้ทุกสิ่งที่ว่า 'ไม่ใช่ความรัก' ด้วยการพิจารณาคุณค่าของมัน [...]

    โลกกำหนดให้ทุกสิ่งบนโลกอยู่ภายใต้อำนานของทางเลือก: สำเร็จหรือล้มเหลว, แพ้หรือชนะ ทว่า ผมดำรงอยู่จากอีกตรรกะ: ผมมีความสุขและก็ทุกข์ทนในขณะเดียวกันและอย่างขัดแย้งกันอยู่เสมอ


    จากหนังสือ Fragments d'un discours amoureux
    โดย รอล็อง บาร์ต, 1977
    ตอนที่ 4 "The Intractable"
    แปลโดย Darlper


    Elina Sazonova 

    'Hush, when no one is around, my dear
    You'll find me on my tallest tiptoes
    Spinning in my highest heels, love
    Shining just for you'



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
MI NG (@fb2011576302317)
แปลดีมากค่ะ ถอดความออกมาได้ดีมากเลย
Arocha Pipatwatcharanon (@bestzy.hamter)
แปลดีมากเลยค่า เรียกว่าแปลก็ไม่ถูกเรียกว่าสื่อความหมายดีกว่า ^^
Jssssme (@jsssme)
@bestzy.hamter ขอบคุณค่ะ : )
Arocha Pipatwatcharanon (@bestzy.hamter)
แปลดีมากเลยค่า เรียกว่าแปลก็ไม่ถูกเรียกว่าสื่อความหมายดีกว่า ^^