เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แปลไว้ให้เธออ่าน : )Jssssme
ดำดิ่งกับเพลง JDS และความหมายของสภาวะการหลงรัก :-)
  • 'คุณผู้หญิงของผม, คุณปลุกให้ผมราวกับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง' 

    ___________________


    (H. Emre)

    เกริ่นกันสักนิด

    ตอนที่เราฟังเพลง JDS (Fantasy) ครั้งแรกเป็นช่วงที่เราเลิกกับแฟนเก่าได้ประมาณเกือบ 8 เดือน เป็นหนึ่งในช่วง 8 เดือนกว่าที่ทรมานที่สุดเท่าที่เคยต้องประสบพบเจอ เราคบกับเขาได้ประมาณเกือบสี่ปี เลิกกันเพราะความห่าง การไม่ใส่ใจกัน และการเริ่มหมดรัก หมดความเชื่อใจกันในท้ายที่สุด แต่แม้ความรู้สึกรักจะเริ่มเฟดลงแล้วในช่วงที่เลิกกัน สิ่งที่อยากที่สุดสำหรับเราในช่วงเวลา 8 เดือนคือการตัดความผูกพัน การต้องใช้ชีวิตคนเดียว ไม่มีใครให้โทรหา ให้ส่งข้อความ ให้แชร์หรือบ่นเรื่องเล็กน้อยหรือใหญ่โตที่เราต้องเผชิญในแทบทุกวัน เป็นช่วงที่เราหันหน้าเข้าหาแอลกอฮอล์ สิงอยู่ร้านเหล้าเป็นประจำทุกอาทิตย์ วันไหนที่ไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ก็ซื้อมากินคนเดียวที่ห้อง เป็นช่วงที่ไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้ว่าไม่มีเขาอีกแล้ว และไม่ว่าจะตระหนักได้แค่ไหนว่า ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เราเองก็ควรอยู่คนเดียวให้เป็น เราก็ไม่สามารถทำได้ ไม่สามารถทำได้อย่างมีความสุข 


    (Flora Westbrook)

    แต่หลังจากทุกข์ทนอยู่เป็นเวลาเกือบ 8 เดือนกว่า อาการก็เริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังเศร้า เหงา ใช้ชีวิตวันต่อวันต่อ เหมือนไร้จุดมุ่งหมายอยู่ตลอด จนเราได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง (ซึ่งหลายคนน่าจะรู้ว่าคือใคร จากที่เคยอ่าน Thread ทวีตเรื่องแอบชอบของเรา) ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ แม้จะเป็นเพียงแค่การแอบชอบ เมื่อเทียบกับช่วงเวลา 8 เดือน (และอันที่จริงตลอด 4 ปีกับแฟนเก่าที่ก็ไม่ค่อยมีความสุข) การได้แอบชอบเขาจึงกลายเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเราอย่างแทบไม่ต้องพยายาม กิจวัตรประจำวันในแต่ละวันดำเนินไปอย่างบุคคลที่มีชีวิตชีวามาก ปกติตื่น 9 โมงเพื่อไปเรียนในเวลา 9:30 ช่วงที่แอบชอบเขา ก็คือยอมตื่น 8:00 เพื่อที่จะได้มีเวลาแต่งตัวมากขึ้น 55555555555555 เราเองก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันรู้สึกยังไง มันเป็นเหมือน ถ้าเมื่อวานเรามองโลกและเห็นแต่ความเศร้าไปหมด วันนี้เรากลับมองโลกและมองเห็นความสวยงามของท้องฟ้า, ต้นไม้, รอยยิ้มของเพื่อน, รอยยิ้มของเขา, และบรรดาสิ่งเล็กน้อยในชีวิตที่ทำให้เราใจฟูขึ้นมา อย่างที่เมื่อวานเราคงทำได้เพียงแต่มองและเลื่อนผ่านเลยไป 

    (Tara Robinson)

    ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เพลง JDS (Fantasy) ของคุณ Finding Hope เข้ามามีอิทธิพลกับเรามาก ฟังแทบทุกวัน และด้วยเพราะกำลังมีความรักหลังจากอยู่ในความสัมพันธ์ที่เป็นพิษต่อสุขภาพจิตมานาน ทำให้เราเข้าใจความหมายของเพลง JDS (Fantasy) มากขึ้นไปอีก ทั้งนี้ในบทความนี้ การแปลและตีความจะไม่ได้มาจากเพียงประสบการณ์หรือความรู้สึกอินกับเพลงของเรา แต่จะมาจากการพยายามทำความเข้าใจความหมายของเพลงอย่างที่แต่ละประโยคพยายามสื่อออกมาให้ครบถ้วนและตรงกับที่ใจความของเพลงอยากจะสื่อให้มากที่สุด 



  • "เพลงนี้คือเพลงที่เกี่ยวกับการตระหนักรู้ว่าคุณได้เจอคนที่คุณหลงรักเข้าแล้ว มันไม่ใช่แฟนตาซี มันคือเรื่องจริงสำหรับคุณ" 

    - Ilszewart



    (Daria Shevtosva)

    ความหมายของเพลง 




    เพลง JDS (Fantasy) เป็นเพลงที่ค่อนข้างสั้น ความหมายโดยรวมเรียบง่าย โดยเฉพาะท่อน Verse, Pre Chorus, และ Verse 2 เราสามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยากเลยค่ะ

    (VERSE)

    Baby, I know I took my time
    Well maybe, it’s you I had on my mind
    ที่รัก ผมรู้ว่าผมใช้เวลานานกว่าจะกล่าว
    ก็บางที อาจจะเป็นเพราะคุณที่
    เข้ามาอยู่ในหัวผมตลอด 


    (PRE CHORUS)
    Got a one-way ticket
    Got a place but ain’t gonna miss it, baby
    No more short visits
    Long as you’re there, I'm all with it
    Girl, I can’t wait until you’re mine
    ผมมีตั๋วเที่ยวเดียวในมือ
    มีปลายทางให้ลงจอดแต่ผมไม่คิดถึงปลายทางนั้นหรอก, ที่รัก
    เที่ยวนี้ ไม่ใช่การไปเยือนเพียงชั่วครั้งชั่วคราวอีกแล้ว
    ตราบนานเท่าที่คุณยังอยู่ตรงนั้น ผมจะไปไหนได้
    ที่รัก ผมรอให้คุณมาเป็นของผมจนแทบไม่ไหวแล้ว


    (VERSE TWO)
    Baby, know the feelings always right
    My lady, you make me come alive
    ที่รัก ผมแค่รู้ว่าเสียงความรู้สึกน่ะถูกต้องเสมอ
    คุณผู้หญิงของผม คุณปลุกให้ผมราวกับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง 


    __________________________________

    แต่พอมาถึงท่อนฮุก หรือ Chorus หลายคนมักมีปัญหากับสองประโยคแรก โดยเฉพาะประโยค 'Memories renew' 

    ตอนที่เราฟังครั้งแรก เราก็สงสัยเหมือนกันค่ะ ว่าเขาหมายถึงความทรงจำของใคร แล้วทำไมต้อง 'renew' (ฟื้นคืน/กลับคืน) ในเมื่อความทรงจำก็คือสิ่งที่ 'ดำรงอยู่' กับบุคคลอยู่แล้ว หรือ Finding Hope กำลังบอกว่าตัวเองความทรงจำหาย (?) หายได้หรอ! และหายไปไหน (?)

    (CHORUS)
    Cuz’ when I see you, perfection’s reality
    Memories renew
    When I see you, I know love ain’t a fantasy
    Know you feel it too

    เพื่อทำความเข้าใจความหมายสุดลึกซึ้งของท่อนฮุกซึ่งเป็นใจความหลักของเพลง มาลองทำความเข้าใจแต่ละส่วนไปด้วยกันนะคะ : ) 


    Cuz’ when I see you, perfection’s reality

    เพราะเมื่อผมเห็นคุณ ผมก็รู้ว่าความสมบูรณ์แบบมีอยู่จริง


    Memories renew

    เมื่อหลงรักคุณ ผมสัมผัสได้ว่าความทรงจำของผมราวฟื้นคืนขึ้นมา




    เมื่อเราลองพิจารณาความหมายของสองประโยคแรกในท่อนฮุก เราจะเริ่มเข้าใจว่า สภาวะการหลงรักในเพลง JDS คือสภาวะการหลงรักที่ค่อนข้างคล้ายกับประสบการณ์ที่เราอธิบายถึงของตนเองในช่วงเกริ่นค่ะ เป็นสภาวะการหลงรักที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อการมองโลกของผู้หลงรัก จากที่ไม่เคยเชื่อว่า 'ความสมบูรณ์แบบมีอยู่จริง' เมื่อเจอคุณและทุกครั้งที่พบคุณ 'ผมก็รู้ทันทีว่าความสมบูรณ์แบบคือเรื่องจริง' (perfection's reality) 'ความสมบูรณ์แบบ' ในที่นี้จะหมายถึง 'ความสวย' หรืออะไรก็ได้นะคะ แต่เราคิดว่าในเพลง JDS 'ความสมบูรณ์แบบ' ที่ว่าคือ ทุกสิ่งเลยที่ประกอบสร้างบุคคลดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น รูปลักษณ์ภายนอก, นิสัย, สิ่งที่เขาชอบ ฯลฯ 

    ในประโยค 'Memories renew' ก็สะท้อนสภาวะการมองโลกที่เปลี่ยนไปของ Finding Hope เช่นกันค่ะ แน่นอนว่า 'การฟื้นคืนความทรงจำ' ดังกล่าวไม่ได้หมายความว่า Finding Hope ความจำเสื่อมในชีวิตจริง แต่หมายถึง 'ภาวะความจำเสื่อม' ในแบบฉบับทาง 'อารมณ์/ความรู้สึก' 

    มีใครยังจำสภาพเราหลังจากเลิกกับแฟนเก่าได้มั้ยคะ ใช่เลยค่ะ ประมาณนั้นเลย


    __________________________


    "เป็นช่วงที่ไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้ว่าไม่มีเขาอีกแล้ว และไม่ว่าจะตระหนักได้แค่ไหนว่า ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง เราเองก็ควรอยู่คนเดียวให้เป็น เราก็ไม่สามารถทำได้ ไม่สามารถทำได้อย่างมีความสุข แต่หลังจากทุกข์ทนอยู่เป็นเวลาเกือบ 8 เดือนกว่า อาการก็เริ่มดีขึ้น แต่ก็ยังเศร้า เหงา ใช้ชีวิตวันต่อวันต่อ เหมือนไร้จุดมุ่งหมายอยู่ตลอด

    __________________________


    'ภาวะความจำเสื่อม' ในแบบฉบับทาง 'อารมณ์/ความรู้สึก' ยังไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแต่อาการของคนอกหัก (เช่น เราในช่วงนั้น) เท่านั้นนะคะ แต่ยังหมายถึง สภาวะการใช้ชีวิตวันต่อวันที่ดูไร้สีสัน ไม่มีความเป็นชีวิตชีวา ราวกับคนไม่มีความรู้สึก ไม่มีความทรงจำ

    เราว่าหลายคนต้องเคยประสบกับสภาวะดังกล่าวไม่มากก็น้อยในชีวิต เราเองทุกวันนี้ไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรแล้วกับเรื่องแฟนเก่า แต่ปัญหาในชีวิตวันต่อวันที่มากมายก็ทำให้บางทีเรารู้สึกเหนื่อยทางจิตใจ / เหนื่อยสมอง ไม่อยากจำ ไม่อยากคิดถึง/นึกถึงเรื่องใครหรือใครทั้งนั้น จะเรียกว่าเป็น 'สภาวะความทรงจำและการรับรู้สึกความรู้สึกเสื่อม' บางในบางครั้งก็ได้ค่ะ เราคิดว่าถ้า Finding Hope ไม่ได้รู้สึกอกหักในขณะนั้นคล้ายกับเรา สภาวะความจำเสื่อมของเขาก็คืออารมณ์ประมาณ ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย วันต่อวัน ไม่ได้สนใจจดจำ หรือนึกถึงใคร แต่พอเจอเธอขึ้นมา "มสัมผัสได้ว่าความทรงจำของผมราวฟื้นคืนขึ้นมา" เราไม่อยากให้มองคำว่า "Memories" เป็น "ความทรงจำ" จริงๆ ก้อนหนึ่งในสมองของเรานะคะ ถ้ามองแบบนั้น อาจจะไม่เห็นภาพ  อยากให้มองเป็น "ส่วนสำคัญของประสาทสัมผัส"  ที่ใช้ในการรับรู้ความรู้สึก, อารมณ์, การนึกคิด, และความทรงจำต่างๆ มาถึงตรงนี้เราอาจจะเปลี่ยนคำแปลให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นก็ได้

    Memories renew

    เมื่อหลงรักคุณ ผมสัมผัสได้ว่าประสาทสัมผัสของผมราวฟื้นคืนขึ้นมา

    หลายคนอาจจะบอกว่า "Memories renew" ในที่นี้อาจะหมายถึง "ความทรงจำระหว่างคนที่หลงรักและอีกคน" ก็ได้หรือเปล่า เป็นประมาณว่า "ความทรงจำระหว่างเราหวนคืนมา / นึกถึงความทรงจำของเรา" 

    ก็เป็นไปได้ค่ะ แต่เราคิดว่าคงเพียงแค่ 5-10% เนื่องจากความไม่สมเหตุสมผลกับความหมายโดยรวม เมื่อเราลองพิจารณาอีกหนึ่งประโยคที่สำคัญของเพลง:

    My lady, you make me come alive
    คุณผู้หญิงของผม คุณปลุกให้ผมราวกับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง 
    เราจะเห็นว่าสองประโยคแรกที่สำคัญในท่อนฮุก เชื่อมโยงอย่างชัดเจนกับประโยคด้านบนดังกล่าว อธิบายสภาวะการหลงรักที่ทำให้ประสาทสัมผัส (ที่เคยด้านชา) ฟื้นคืนขึ้นมา, รู้สึกราวกับมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง, และมองเห็นว่าความสมบูรณ์แบบมีอยู่จริงในตัวตนของคนที่เราหลงรัก 


    การแปลว่า 'นึกถึงความทรงจำของเรา' จึงอาจจะไม่ถูกต้องนัก 
    แต่ทั้งนี้การทำความเข้าใจความหมายของเพลงก็คือการตีความประเภทหนึ่ง 
    ทุกคนอาจจะมองต่างจากเรา และจะเลือกเข้าใจในแบบฉบับของตัวเองก็ไม่ผิดเช่นกันนะ 

    ความหมายโดยรวมของเพลง JDS (Fantasy) ในการตีความของเรา ก็จะเป็นประมาณนี้นะคะ :-)
    สองประโยคสุดท้ายของท่อนฮุกก็เป็นท่อนโปรดของเราเช่นกัน เรียบง่าย ไม่ต้องตีความมากนัก แต่เราคิดว่าทุกคนที่เคยรู้สึกว่า ความรักอาจไม่มีอยู่จริง จะพอเข้าใจได้ว่าเมื่อเราเจอคนที่ใช่ เราจะเกิดอาการตระหนักคล้ายกับ Finding Hope เลยว่า: 

    When I see you, I know love ain’t a fantasy
    Know you feel it too

    เมื่อผมเห็นคุณ ผมก็รู้ว่าความรักไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
    และผมก็รู้ว่าคุณรู้สึกเช่นเดียวกัน







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in