เมื่อเย็นวาน...จอห์นถูกลัคกี้กัดเข้าที่กลางน่อง
‘ลัคกี้’ คือสุนัขพันธุ์บีเกิลอายุสิบสี่ปีของคุณนายมัวรีนบ้านข้างๆ มันแก่หงอมและโดนโรคหัวใจเล่นงานจนเดินไม่ค่อยจะไหว แต่จอห์นคิดว่าแรงขย้ำของมันไม่ได้เบาเหมือนหมาป่วยเลยสักนิด
หลังถูกกัด เขาเดินเลือดท่วมขากางเกงกลับเข้าบ้าน ภรรยาของเขาแนะนำให้ไปหาหมอฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า แต่จอห์นดันขี้เกียจเกินกว่าจะยอมย้ายก้นไปโรงพยาบาล
แผลหมากัดถูกล้างแบบลวกๆ ด้วยน้ำก๊อกฝักบัวในห้องน้ำ ไม่ได้ทาครีมฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ไม่แม้กระทั่งปิดแผลด้วยผ้าก็อซอย่างที่ควรจะทำ
เช้าวันถัดมา แผลที่ถูกละเลยไปเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นสีเขียวน่าเกลียดเหมือนเปลือกอะโวคาโด น่องของจอห์นบวมเป่งเหมือนมีอะไรคับคั่งอยู่ข้างใน เขาลองกดรอบๆ บริเวณที่อักเสบดู เผื่อว่าการบีบหนองจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเหมือนการบีบหัวสิว
ที่ไหนได้ เลือดสีม่วงคล้ำกลิ่นเหม็นเน่ากลับไหลทะลักออกมาไม่หยุด
“อี๋! เหม็นอะไรน่ะจอห์น” เจน ภรรยาของเขาย่นจมูก
“ก็แผลหมากัดน่ะสิสงสัยจะติดเชื้อ” จอห์นตอบอย่างฉุนเฉียว
“ไปหาหมอเถอะค่ะ ลอเรนโทร.มาบอกฉันว่าเจ้าบีเกิลนั่นเป็นโรคพิษสุนัขบ้า เพราะมันไปไล่กัดแรคคูนเข้าเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอเองก็โดนมันกัดเหมือนกัน เห็นว่าแผลบวมมากพอๆ กับคุณเลย” เจนว่า ตาเหลือบมองเลือดที่หยดลงพื้นครัวอย่างนึกรังเกียจ หล่อนหยุดหั่นมะเขือเทศหยิบผ้าชุบน้ำโยนไปให้สามี “เช็ดด้วยนะ คุณทำพื้นครัวฉันเลอะแน่ะ”
จอห์นเบะปากมองผ้าขี้ริ้วสีบานเย็นที่หล่นปุลงตรงหน้า นอกจากจะไม่เช็ดพื้นแล้ว เขายังเดินลากขาไปมาจนเลือดไหลนองเลอะเทอะไปทั่ว กลิ่นเหม็นเน่าเลยคลุ้งท่วมครัวเหมือนมีหนูตายอืดเป็นฝูง
“จอห์น!” เจนตะโกนลั่นเมื่อเห็นว่าเขาทำอะไรลงไป
เมื่อสามปีก่อนเจนถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ความสกปรกคือสิ่งที่หล่อนทนมองได้ไม่เกินสามวินาที เจนล้างและฆ่าเชื้อห้องน้ำอย่างน้อยห้ารอบต่อวัน ดูดฝุ่นซ้ำไปซ้ำมาจนขนของพรมในห้องนั่งเล่นเรียงตัวไปทางทิศเดียวกันหมด ห้องครัวถูกขัดจนสะอาดเอี่ยม จานชามช้อนส้อมต้องจัดเรียงอย่างถูกต้อง จะมีอะไรผิดพลาดและสกปรกไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ไม่งั้นหล่อนจะประสาทเสียถึงขั้นบึ่งรถไปร้องไห้กับจิตแพทย์
ตอนนี้เจนสติแตกโดยสมบูรณ์ เหงื่อเย็นไหลซึมเต็มหน้า คันตามมือและแขน คราบเลือดทำให้หล่อนรู้สึกอยากอ้วกจนทำอาหารต่อไม่ได้ มีดในมือถูกโยนลงอ่างล้านจานเสียงดังโครมมะเขือเทศที่หั่นค้างอยู่บนเขียงถูกกวาดลงถังขยะ วินาทีถัดมาแพนเค้กหอมฉุยในกระทะก็ไหลตามพวกผักไปติดๆ
“เอ้า!ทิ้งทำไมล่ะ” จอห์นมองอาหารที่ถูกทิ้งขว้างอย่างนึกเสียดาย
“คุณก็รู้ ฉันจะไม่ทำอาหารในห้องครัวที่สกปรก!”
“แต่ผมหิวแล้ว พื้นสกปรกแค่นี้ไม่ทำให้ใครตายหรอกน่า!”
“ฉันนี่ไงกำลังจะตายไปไกลๆ ฉันเลยนะ คุณมันตัวเชื้อโรค!” เจนกรีดเสียงใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง
“เออ! ผมไปแน่” จอห์นกระแทกเสียงตอบ คว้ากุญแจรถแล้วเดินกะโผลกกะเผลกออกจากบ้าน ตั้งใจจะออกไปหาอะไรกินประทังความหิวแล้วปล่อยให้เจนบ้าไปคนเดียวให้หน่ำใจ
ทว่า...
อ่อก! อั่กๆๆๆ อ๊อก!
เสียงพิลึกพิลั่นจากสนามหน้าบ้านคุณนายมัวรีนหยุดจอห์นเอาไว้
เขามองหาแหล่งที่มาของเสียง พบหมาแก่สีน้ำตาลกำลังตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นหญ้าด้วยท่าทางทุกข์ทรมาน
ใช่ มันคือลัคกี้หมานรกตัวที่กัดเขาจนขาบวมนั่นแหละ
แทนที่จะโกรธเคือง จอห์นกลับยืนมองมันด้วยความเป็นห่วง
ลัคกี้กำลังพยายามคลานกลับเข้าบ้านแต่ดูท่าจะไม่สำเร็จ มันร้องครางสลับกับขย้อนเลือดเหม็นเน่าออกทางปาก วินาทีต่อมาขาสี่ข้างของมันเหยียดเกร็ง ตาเหลือกปลิ้นจนเห็นแต่ตาขาว ร่างอ้วนป้อมกระตุกสองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไป
เขารับรู้ได้ในทันที ลัคกี้ตายแล้ว ตายสนิท
จอห์นได้แต่ภาวนาว่าเขาจะไม่ใช่รายถัดไป...
จอห์นรู้สึกตัวตื่นเมื่อกระเพาะร้องโครกคราก
เขานอนซมอยู่บนโซฟา แผลหมากัดทวีความรุนแรงมากขึ้นจนน่ากลัว ขาของจอห์นตั้งแต่หัวเข่าลงไปไม่มีความรู้สึก ความเจ็บปวดขยับพื้นที่ขึ้นมาออกฤทธิ์บนต้นขาและซอกขาหนีบ แผลเหม็นเน่าบนน่องเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีดำ
อาการอักเสบลุกลามลงไปถึงเท้า ฝ่าเท้าเขาบวมอืดเหมือนลูกรักบี้ เขากระดิกนิ้วเท้าไม่ได้ เล็บเท้าทั้งห้าถอดออกหมด บางชิ้นหลุดร่วงอยู่บนโซฟา บางชิ้นห้อยต่องแต่งติดอยู่บนนิ้ว
“เจน!” เขาร้องเรียกภรรยาด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับ ทั้งที่มีเงาดำแวบวาบอยู่ในครัว
หลังจากเหตุการณ์ในเช้าวันนั้นหล่อนก็ไม่คุยกับเขาอีกเลย สงครามเย็นจุติขึ้นในบ้านหลังน้อย เจนไม่ดูแลเขา ไม่ทำอาหารให้เขา แต่ตัวเองกลับกินอิ่มหนำปล่อยให้เขานั่งมองน้ำลายไหลยืด
จอห์นได้แต่ค้นของเก่าในตู้เย็นกินไปพลางๆ เพราะออกไปซื้ออาหารข้างนอกไม่ไหว พอเห็นว่าเขาลำบากและหิวโหยถึงขั้นนั้น หล่อนก็หัวเราะเบาๆ จากนั้นก็สะบัดก้นขึ้นห้องนอนบนชั้นสอง ปล่อยให้คนขาเจ็บที่ขึ้นบันไดเองไม่ได้นอนหน้าทีวีตามลำพังมาสองคืนแล้ว
ความหิวกับความเจ็บผสมกันกลายเป็นความโกรธพุ่งพล่าน
“เจน! หูตึงรึไงวะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะนังสารเลว!” จอห์นขว้างรีโมททีวีไปที่ผนังให้เกิดเสียงดัง
หญิงผมบลอนด์โผล่หน้าออกมาจากห้องครัว มองไปที่รีโมทซึ่งถ่านกระเด็นหลุดหายไปใต้ชั้นหนังสือ สีหน้าของหล่อนเยียบเย็นเหมือนหินอ่อน ทว่าสายตากลับทอประกายตำหนิติเตียนเขาออกมายาวเหยียด ทั้งที่ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดยังไม่ได้ขยับสักนิด
“ให้ตายเถอะ คุณช่วยมาดูผมหน่อยได้ไหม ผมกำลังจะตายอยู่แล้วนะ” จอห์นชี้ไปที่ขาตัวเอง
“งั้นเหรอ” เจนทำท่าปั้นปึ่ง
“เออสิวะ!” จอห์นตะคอกข้ามห้อง “ผมหิวแล้ว ทำอะไรให้ผมกินหน่อย เร็วๆ ด้วย”
“เอาไว้ให้คุณหัดพูดกับฉันดีๆก่อนแล้วกัน ตางั่ง!” ว่าแล้ว หล่อนก็เดินกลับเข้าครัวไป
จอห์นโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เขาอยู่ในจุดที่ทนหิวไม่ไหว ลุกขึ้นยืนโซเซ ปล่อยให้เลือดสีดำไหลย้อยออกจากแผล หยดผ่านส้นเท้าลงไปบนพรมราคาแพงในห้องนั่งเล่น
เจนอาจโมโหจนถึงขั้นขอหย่าเลยก็ได้ถ้าเห็นว่าเขาทำสกปรกอีกแล้ว
ช่างประไร หล่อนเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกันนี่
จอห์นเดินลากขาช้าๆเข้าไปในครัว ท่ามกลางไฟสีเหลืองอบอุ่นและเสียงฉู่ฉ่าของน้ำมันร้อนจัด เจนไม่ได้ยินเสียงเดินของเขา ร่างผอมบางสวมผ้ากันเปื้อนลายดอกไม้สีฟ้ากำลังง่วนอยู่หน้าเตา ข้อศอกแหลมๆ ขยับไปมายามที่หล่อนพลิกไก่ทอดในกระทะไม่ให้ไหม้เกรียม
หอม...หอมเหลือเกิน
กลิ่นอาหารทำให้จอห์นน้ำลายสอ ท้องร้องโครกครากอย่างอดสู
สองวันมานี้เขาไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เขาหิวมาก หิวจนตาพร่าลายเมื่อเจอแสงสว่าง หิวจนจนแทบจะคว้ากระทะที่เต็มไปด้วยน้ำมันนั่นขึ้นมากรอกเข้าปาก
และที่แย่ยิ่งกว่า เขาหิวจนแทบควบคุมสติไม่ได้แล้ว
“จอห์น!” เจนตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกทางปาก เมื่อหันไปเห็นสามียืนอยู่ในระยะประชิด ใบหน้าของเขาซีดขาวจนเกือบเขียว กลิ่นลมหายใจเหม็นเน่าเหมือนมีอะไรตายอยู่ในโพรงไซนัส “คุณทำให้ฉันตกใจนะแล้วนี่มันอะไร คุณเหม็นยังกะศพ”
“มีอะไรให้ผมกินบ้าง” จอห์นถามเสียงแหบพร่า
“ไม่มีหรอก นี่มื้อเย็นของฉัน” เจนหันหน้ากลับไปที่เตา รอยยิ้มสมเพชเกลื่อนอยู่บนริมฝีปาก
“แต่ผมหิว...”
“ก็ทำอะไรกินเองสิพ่อคนเก่ง”
“ผมเป็นคนเจ็บนะคุณต้องดูแลผมสิ”
“ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าให้คุณไปหาหมอ”
“ก็แค่หมากัดนิดเดียวทำไมต้องไปหาหมอ”
“แล้วเป็นไงล่ะ ขาคุณเลยกำลังจะเน่าอยู่นี่ไง”
จอห์นเงียบเถียงไม่ออก ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่เคยเถียงชนะเมีย เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
“คุณมันดื้อแบบโง่ๆ บอกอะไรไม่เคยฟัง พออาการหนักขึ้นมาก็จะร้องให้ฉันปรนนิบัติคุณเรอะ ฝันไปเถอะ!” เจนบ่นไม่หยุดขณะตักไก่ทอดใส่จานที่จัดแต่งด้วยผักสลัด
จอห์นมองอาหารที่อยู่ตรงหน้า กลิ่นของมันหอมกรุ่นเตะจมูก เขาหยุดตัวเองไม่ได้ ราวกับอวัยวะที่ขับเคลื่อนควบคุมร่างกายไม่ใช่สมองอีกต่อไป พอเจนจะเดินห่างออกไป มือขาวซีดก็คว้าหมับเข้าที่เส้นผมสีบลอนด์เข้มบนท้ายทอยของหล่อนไว้
“จอห์น!” เจนหวีดร้อง จานอาหารหลุดร่วงลงพื้น ไก่ทอดทิ้งคราบมันเลอะเทอะไว้บนพื้นหินอ่อนขาวสะอาด ผัดสลัดตกแต่งจานกระเด็นกระดอนไปทั่วครัว
“ผมหิว” จอห์นพูดด้วยสีหน้านิ่งสนิท ก่อนกดหัวหล่อนลงไปในกระทะที่มีน้ำมัน
เนื่องจากเตาไฟฟ้ายังไม่ได้ปิด ความร้อนในน้ำมันจึงยังไม่คลายลง ของเหลวสีเหลืองทองเดือดปุดๆ เป็นฟองเล็กๆ เหมือนโซดาสดใหม่ในขวดแก้วที่เพิ่งถูกเปิดเทลงแก้ว
เจนดิ้นพล่านกรีดร้องด้วยความแสบร้อน น้ำมันลวกหน้าหล่อนจนพุพอง ผิวหนังส่งเสียงซู่ซ่าสยดสยอง เครื่องสำอางหลุดลอกออกกลายเป็นคราบสีแดงขาวอยู่ในน้ำมันเดือดพล่าน
หญิงสาวพยายามดิ้นให้หลุดจากเงื้อมมืออำมหิตของสามี แต่เขาแรงเยอะอย่างเหลือเชื่อ กำปั้นน้อยๆ กวาดสะเปะสะปะจนเจอท่อนแขน เล็บยาวแหลมตะปบจิกข้อมือจอห์นอย่างแรง ในขณะที่หน้าผาก ตา จมูกและปากของหล่อนกำลังถูกความร้อนล้างผลาญจนแทบหลอมเหลวรวมเป็นเนื้อเดียว
จอห์นไม่สะทกสะท้านแม้เล็บคมๆ ของเจนจะทำให้เนื้อของเขาเปิดเป็นแผล เขายืนนิ่งมองดูภรรยาทุกข์ทรมานกับการสำลักน้ำมัน ซึ่งไหลท่วมเข้าไปทางปากและทางจมูกความร้อนลวกทางเดินหายใจของหล่อน เซลล์ทุกเซลล์ที่น้ำมันไหลผ่านถูกทำลายจนพิกลพิการอัปลักษณ์
ไม่นานนักเจนก็หยุดดิ้น
ทว่า...จอห์นยังคงทำอาหารอยู่
ผ่านไปราวๆ สิบนาที ชายหนุ่มค่อยยกหัวหล่อนขึ้นมาดู
ใบหน้าของเจนถูกกดบี้กับก้นกระทะจนแบนเป็นแนวราบ ผิวบางส่วนไหม้ติดอยู่ที่กระทะ ส่วนที่เหลือบนแก้มกลายเป็นสีเหลืองน้ำตาลเหมือนไก่ทอดบนพื้นครัว ความเรียบเนียนถูกแทนที่ด้วยความพุพองซึ่งทำให้ดูกรอบกรุบน่าลิ้มลอง
จอห์นก้มลงกัดแก้มหล่อนละเลียดชิมเนื้อที่กรอบนอกนุ่มใน
ปรากฏว่าจืดสนิท...
เขาหยิบขวดซอสมะเขือเทศจากชั้นวางของ จากนั้นก็กึ่งอุ้มกึ่งลากหล่อนไปที่โต๊ะอาหารอย่างงุ่มง่าม จานชามช้อนส้อมและผ้าเช็ดปากถูกกวาดทิ้งลงพื้น เขาจับร่างผอมบางขึ้นพาดกลางโต๊ะแทนแจกันดอกไม้
จอห์นบีบซอสมะเขือเทศลงบนใบหน้าของภรรยา ก่อนจะแทะกินหล่อนอย่างตระกรุมตะกราม ผิวหนัง กล้ามเนื้อและดวงตาของเจนลงไปอยู่ในท้องเขาแทนที่ความหิวโหย
เมื่อไม่มีอะไรให้กินแล้ว จอห์นเลียกระดูกใบหน้าของเจนอย่างเสียดาย เขาเช็ดปากเปื้อนคราบน้ำมันและเลือดลงบนแขนเสื้อ แล้วลุกขึ้นหยิบหลอดดูดน้ำนำมาปักลงไปในรอยแยกเล็กๆ ในเบ้าตา เพื่อดูดกินสมองของหล่อนเป็นการตบท้ายมื้ออาหาร
เขามองไปที่หน้าต่าง เห็นเงาคนวูบไหวอยู่ในบ้านหลังข้างๆ
จอห์นคิดเมนูมื้อเช้าไว้ล่วงหน้าแล้ว...
สามวันให้หลังแผลหมากัดของจอห์นเน่าเฟะ
แมลงวันแอบมาวางไข่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้อีกทีคือมีหนอนสีขาวคลานยั๊วเยี๊ยะเป็นสิบๆ ตัวอยู่ในรูเขี้ยวที่บีเกิลเวรทิ้งไว้ให้พร้อมเชื้อร้ายที่กินลึกถึงกระดูก
เขาไม่เจ็บปวด นั่นคือข่าวดี ข่าวร้ายคือเขาเริ่มเดินแข็งๆ ท่าเดียวกับซอมบี้ในซีรีส์ The Walking Dead แล้ว ซึ่งมันอืดอาดและน่าตลกสิ้นดี
จอห์นติดเชื้อประหลาดบางอย่าง มันลุกลามไปทั่วตัวอย่างรวดเร็ว เขาเน่าทั้งเป็น ตายทั้งที่ยังมีชีวิต สมองหยุดทำงานไปเสียดื้อๆ ตั้งแต่เขาเขมือบสมองเจนไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง
หลังจากนั้นจอห์นก็ไม่มีสตินึกรู้อีกเลย เขาจำไม่ได้ว่าบ้านตัวเองอยู่ที่ไหน จำไม่ได้ว่าออกเสียงพูดต้องทำยังไง จำไม่ได้ว่าเคยเป็นใคร และไม่รู้เลยว่าต้องไปที่ไหน
ร่างกายที่ยังขยับอยู่ได้เคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ
เมื่อหิว...เขาต้องหาอะไรกินนี่คืออย่างแรกที่จอห์นทราบ
อย่างที่สองที่รู้ๆ คืออาหารของเขาไม่ใช่เฟรนซ์ฟรายด์ ไม่ใช่มันบด หรือสเต๊กเนื้อเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้เขาต้องการเนื้อที่สดกว่านั้น ดิบกว่านั้น และมีปริมาณมากกว่าเดิม
มนุษย์คืออาหารของเขาสมอง ดวงตา หู แขน ขา ไขมันเปลวในหน้าท้อง ปอด หัวใจ และตับคือของดี ไต ม้ามกะเพาะปัสสาวะและลำไส้ใหญ่คือของที่ต้องเลี่ยงหากไม่อยากมีของเสียไหลย้อยออกมาจากปาก
ใช่ สงสัยว่าเขาจะกลายเป็นซอมบี้ไปแล้วสิ...
หลายสัปดาห์ต่อมา สำนักข่าวชื่อดังหลายสำนักออกข่าวกันครึกโครม
‘เกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นในหมู่บ้านวันเดอร์เพลส เขตพื้นที่ T รัฐ Z พบร่างผู้ชีวิตจำนวน 19ราย ตำรวจสามารถจับตัวนายจอห์น โด ผู้ก่อเหตุได้ขณะกำลังก่อเหตุ---’
‘CDC ออกมาประกาศเตือนภัยโรคพิษสุนัขบ้าสายพันธุ์ใหม่ซึ่งระบาดอยู่ในเขตพื้นที่ T รัฐ Z เชื่อว่าต้นเหตุการแพร่เชื้อมาจากสัตว์ป่าลุกลามมาถึงสัตว์เลี้ยงของประชาชนในพื้นที่ พบผู้ติดเชื้อเสียชีวิตจำนวน 70 ราย ผู้ติดเชื้อรายล่าสุดคือนายจอห์นโด ซึ่งมีอาการเพ้อคลั่งอย่างรุนแรง---’
End
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in