เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Going gohybridx_
ฉันไปค่ายที่บ้านไผ่
  •                  สวัสดีทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอเกริ่นไว้เบื้องต้นว่านี่คือการบรรยายถึงบริบทและความเป็นไปของการไปทำกิจกรรมใดๆที่เรารู้สึกว่าน่าสนใจและอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ดีๆนี้กับทุกคนโดยผ่านมุมมองของเราเอง ดังนั้นขอเชิญชวนทุกท่านเสพเรื่องราวนี้กันเลย

                     สำหรับครั้งนี้ ฉันได้ลงพื้นที่ไปที่บ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ซึ่งอย่างที่หลายๆคนน่าจะเห็นในข่าว ช่วงนี้ก็น้ำท่วมบ้านไผ่หนักมาก แต่ที่เราไปบ้านไผ่ ไม่ได้ไปเพื่อจัดการหรือช่วยเหลือปัญหาน้ำท่วม แต่เราไปในบทบาทที่พร้อมจะรับฟังปัญหาของชาวบ้านในเรื่องของ นิคมอุตสาหกรรม หลายๆคนอาจจะพอเคยได้ยินมาบ้าง เพราะเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ยังคงค้างคา ออกข่าวมาตลอด มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ออกมาเรียกร้องไม่อยากให้จัดตั้งโรงงาน ซึ่งเป็นโรงงานน้ำตาลและชีวมวล ซึ่งเรื่องนี้มีปัญหาหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องที่ต้องพิจารณา 
                    
                      จากที่ไปบ้านไผ่วันนี้ เราได้คุยกับคุณยายท่านหนึ่ง ผู้เป็นสมาชิกของกลุ่มคนฮักบ้านเกิด คุณยายท่านนี้อายุ 70 กว่าละ โห คุณยายท่านสู้มาก แบบบอกเราตลอดว่ายังไงก็สู้ ไม่เอาหรอกโรงงาน ไม่อยากให้จัดต้้งโรงงานเลย ยายจะสู้ สายตากับน้ำเสียงคุณยายคือสู้มากจริงๆ แน่วแน่มาก เราก็ถามถึงปัญหา เหตุผลอะไรก็ว่าไป ถามไปเยอะเหมือนกัน ก็พอสรุปได้ว่า เออคนในหมู่บ้านเนี่ย ไม่อยากให้ก่อตั้งโรงงานน้ำตาล ซึ่งมันมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอน อันนี้คือเราก็สามารถคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ลองคิดว่ามีโรงงานอะไรก็ไม่รู้มาต้ั้งแถวๆบ้านคุณสิ นั่นแหละ แล้วคิดต่อไปว่า ด้วยวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน แหล่งทำมาหากิน ส่วนหนึ่งก็คือป่า แต่ป่าจะต้องถูกรื้อถอนเพื่อนำไปสร้างเป็นโรงงาน มันอาจจะทำให้ชาวบ้านลำบากขึ้น คนผู้เฒ่าผู้แก่เขาก็ห่วงลูกหลานจะอยู่กันอย่างไร อากาศ แหล่งทรัพยากร ถนนหนทาง เขาจะทำยังไงกับพวกเรา 

                         มาในเรื่องประเด็นของเจ้าของโรงงาน กฎหมาย รัฐบาล และชาวบ้าน ในส่วนนี้มีเรื่องราวที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ เรื่องของข้อมูลต่างๆที่มีการแจกแจงให้แก่ชาวบ้าน กรรมการที่จัดตั้งการตรวจสอบเรื่องนี้ หรือไม่ว่าจะเป็นช่องว่างของข้อกฎหมายที่เข้ามาทำให้เรื่องการจัดตั้งโรงงานให้เกิดขึ้นได้ โดยทำให้สิทธิหรือเสียงของชาวบ้านหายไป ซึ่งในส่วนของกระบวนการต่างๆนี้เราไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนัก เพราะมันมีขั้นตอน การประชุมย่อย ประชุมใหญ่ ผู้นำของชุมชน ชาวบ้าน และ กลุ่มจัดตั้งโรงงาน จึงเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาต่อไป 

                  สำหรับในความคิดของเรา เรื่องที่สำคัญเป็นหลักใหญ่ใจความของเรื่องที่เกิดขึ้นก็คือประชาชนในหมู่บ้าน ยังดึงศักยภาพของสิทธิที่ตนเองมีออกมาไม่ได้อย่างสูงสุด เพราะชาวบ้านบางคนก็ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรได้บ้าง ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง โดนข่มขู่ว่าถ้ามาประท้วงหรือต่อต้านจะโดนจับเข้าคุกนะ ถ้าไม่มาทำอย่างนี้จะโดนอย่างนั้นอย่างนี้นะ เขาก็กลัวเขาก็ทำเพราะเขาไม่รู้ ซึ่งเสียงของชาวบ้านเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการแสดงออก การที่โดนกีีดกันไม่ให้แสดงสิทธิและความต้องการของตนเองเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง ชาวบ้านจะไม่มีสิทธิได้เลือกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับหมู่บ้านของตนเลยหรือ

    แต่โลกเราก็หมุนไปทุกวัน ทุกสิ่งอย่างก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทุกพื้นที่ทุกย่อมหญ้าก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เราอยากได้ความเจริญ อยากให้บ้านเมืองพัฒนาหรอ มันยังพอมีวิธีอื่นอีกไหม ที่คุ้มค่ากับการเอาชีวิตความเป็นอยู่ เอาวิถีของชาวบ้านไปลงทุนด้วย ซึ่งเรามองว่า การที่เราจะพัฒนาหรือสร้างสิ่งใหม่ สร้างสิ่งใดขึ้นมา ไม่มีอะไรหรอกที่มีแต่ผลดี มันย่อมมีผลเสียด้วยแน่นอนอยู่แล้ว แต่บางครั้งเราก็ไม่อาจหยุดอยู่กับที่ได้ ไม่อาจหยุดอยู่กับอะไรเดิมๆได้อีกต่อไปแล้ว มันอาจจะอยู่ได้แหละ แต่ถามว่าแล้วจะอยากอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยหรอ แล้วลูกหลาน เจนเนอเรชั่นต่อไปจะทำยังไงล่ะ 

                   เรื่องนี้สำหรับเราว่าไม่มีใครถูกใครผิดหรอก เราไม่สามารถไปตัดสินเรื่องนี้ได้เลย เพราะแต่ละฝ่ายก็ต่างมีความต้องการของตัวเอง มีเหตุผลของตัวเอง เพียงแต่ว่า ประเด็นหลักสำคัญคือต้องไม่ทำให้สิทธิของใครถูกทำให้ไร้ค่าไป ทุกสิทธิทุกเสียงมีความสำคัญเท่ากันหมด เพียงแต่ว่าเราจะทำยังไงดี ให้ทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้โดยให้เกิดประโยชน์สูงสุด หรือถ้าชาวบ้านไม่ต้องการให้สร้างโรงงานจริงๆแล้วเราก็ต้องยอมรับและเคารพการตัดสินใจของชาวบ้าน 

                     สำหรับการไปที่บ้านไผ่ เรารู้สึกมีความสุขและประทับใจมากๆ ชอบการที่ได้ไปทำอะไรแบบนี้ ได้คุยกับแม่ๆป้าๆยายๆ หลายๆคน การได้สนทนามันดีกว่าเป็นไหนๆ เหมือนอย่างที่ โสเครติสบอกว่า
    ในการสนทนาเราสามารถคำนึงประเภทของคนที่เรากำลังพูดคุยด้วย เราสามารถปรับสิ่งที่เราพูดถึงเพื่อสื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ ซึ่งเราสามารถปรับความรู้สึกเข้าหากันได้ ซึ่งคุณนิ้วกลมก็บอกอีกว่า การสนทนานั้นไม่มีสถานที่สถิตความคิด ซึ่งเป็นภาวะที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปจากเหตุผลของคู่สนทนาหรือบางประโยคอาจมากระทบให้คิดต่อยอดเป็นสิ่งใหม่ได้ 
                  แบบเออมันจริงนะ เราคิดสิ่งอื่นต่อจากนี้เยอะมาก เราอยากรู้ว่าทางไหนจะเป็นทางที่ดีที่สุด เราอยากทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้สิทธิและเสียงของหลายๆคนไม่เงียบไป อยากให้ความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเขาทุกคนสมหวัง ถ้าไม่สมหวังอย่างน้อยๆก็ได้รับความรู้ ได้เป็นแรงกระตุ้นให้ใครอีกหลายๆคนสนใจ

    สำหรับคนที่อ่านจนจบเรารู้สึกยินดีและขอบคุณมาก ขอบคุณตัวเราเองมากๆด้วยที่พิมพ์จนเสร็จ มันอาจจะขาดๆเกินๆไปบ้างแต่ก็นั่นแหละ พิมพ์มาด้วยใจนะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in