เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
MY DIARYSamanthachiew
❤ ทำไมคุณเภสัชกับคุณหมอไม่ยอมจ่ายยาAmoxicillin หรือยาแก้อักเสบตัวนั้น ! ❤



  • สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้แก้วแวะมาตั้งกระทู้อีกรอบค่ะ


    วันนี้แก้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ยาที่ถูกต้องค่ะ (ดูทางการเนอะ 555)

    สาเหตุเพราะมีเพื่อนๆ กับลูกค้า แวะเข้ามาถามที่ร้านยากันเยอะค่ะ


    แก้วก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจะหยิบเอามาแชร์ ให้สามารถอ่านเข้าใจง่ายๆ ค้า


    กระทู้นี้จะเป็นเรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับการใช้ยาฆ่าเชื้อ หรือ “ยาแก้อักเสบ” ที่ใครหลายคนอาจจะคุ้นเคย เคยใช้ หรือได้ยินกันอยู่บ่อยๆค่ะ


    และเวลาแก้วอยู่ร้านยา แก้วจะได้ยินประโยคแบบนี้อยู่บ่อยๆ


    "พอดีทำท่าจะเจ็บคออีก ขอยาไปกินดักไว้ก่อน"

    “พอดีทำท่าจะมีไข้อ่ะค่ะ ก็เลยอยากกินดักไข้ไว้”

    “ทุกทีก็กินตัวนี้ประจำอ่ะ”

    “ทำท่าจะเจ็บคออ่ะ”

    “เพิ่งเริ่มเป็นหวัด มีไข้กับน้ำมูก เลยออยากกินตัวนี้ไปด้วย”

    “เคยใช้แล้วหายอ่ะ”

    “อ่าว มันเป็นยาแก้อักเสบไม่ใช่หรอ ก็น่าจะใช้รักษาเจ็บคอได้เลยนี่นา”


    มันดูเป็นเรื่องที่สร้างปัญหาให้กับทุกๆฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย เภสัช หรือว่าแพทย์

    แล้วเป็นปัญหาที่ทำให้ทุกคนเสียอารมณ์ เสียเวลา เสียความสุข (บางคนถึงขั้นเสียน้ำตา -- กระซิกๆ ตกใจเวลาเจอลูกค้าวีน ตอนที่ไม่ยอมจ่ายยาให้ กระซิกๆ <<<  แก้วก็แอบกระซิกเหมือนกันนะ 5555)


    ซึ่งส่วนตัว แก้วเป็นเภสัชร้านยาค่ะ และจากประสบการณ์ที่แก้วเจอมา แก้วมองว่าบางคนยังไม่เข้าใจ เนื่องจากยังไม่ได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนว่าทำไมถึงไม่ได้ยาที่ตัวเองต้องการ  หรือไม่ก็บางส่วน ยังไม่เข้าใจถึงผลลัพธ์ของการได้ยาแบบผิดๆ


    ก็เลยขอใช้เวลาอธิบายตรงนี้ให้กับเพื่อนๆที่แวะเข้ามาอ่านสักนิดนึงค่ะ  ถ้าใครอ่านจนจบ จะดีใจมาก อิอิ



    เกริ่นก่อนเลยค่ะ จะได้เห็นภาพง่ายๆ

    ซึ่งอันที่จริง ก็เป็นเคสที่กระตุ้นให้แก้วโพสนั่นแหละค่ะ --


    เนื่องจากเมื่อวันก่อนมีลูกค้าเข้ามาขอซื้อยาฆ่าเชื้อตัวหนึ่ง ลูกค้าเจ็บคอมา 2-3 วันแล้ว  ตอนเป็นวันแรก มีไปหาคุณหมอแล้ว คุณหมอส่องคอ เชคอาการทุกอย่าง แล้วตัดสินใจที่จะรักษาตามอาการให้ โดยไม่จ่ายยาฆ่าเชื้อ

    จากที่ฟัง คุณหมออธิบายดีมาก เพราะชี้แจงเรียบร้อยว่าอาการยังไม่เข้าข่ายติดเชื้อ ยังพอรักษาตามอาการได้  ก็เลยจ่ายยาพ่นช่องคอ(ที่ช่วยให้ลดการอักเสบและระคายคอ) กับยาละลายเสมหะ และยาแก้ไอมาให้

    ผ่านมา 2-3 วัน อาการเจ็บคอคุณลูกค้าดีขึ้น แต่ยังไม่ถึงกับหาย

    คุณลูกค้าไม่พอใจคุณหมอมาก ว่าทำไมไม่จ่ายยาแก้อักเสบ(ยาฆ่าเชื้อ)มาให้ก็ไม่รู้ค่ะ คุณเภสัช  เนียะ มันไม่ยอมหายสักที พร้อมกับคำสบถอีก 4-5 ประโยคยาวๆ~

    เราก็เลยขอส่องช่องคอคุณลูกค้า  พบว่ามันแดงนิดนึง ไม่มีตุ่มหนองเลย

    ก็เลยชี้แจงไปว่าจริงๆคุณหมอจ่ายมาตามอาการอ่ะถูกต้องแล้ว แล้วมันก็ดีขึ้นจริงๆ เพียงแต่ยังไม่หายขาด ก็ต้องใช้ต่ออีกสักหน่อย

    เภสัชแก้วก็เลยโดนวีนไปอีกเล็กน้อย



    อีกเคสนึงก็คือเข้ามาในร้านยา แล้วชี้แจงว่าขอยา Amoxicillin (แจ้งเป็นตัวยา)

    หลังจากซักประวัติ ลูกค้าแจ้งแค่ว่า ทำท่าจะเป็นไข้ ก็เลยจะซื้อไปกินกันเอาไว้

    เภสัชก็เลยชี้แจงไปว่ายาตัวนี้ลดไข้ไม่ได้  และซักว่ามีอาการอื่นหรือไม่ เจ็บคอหรือไม่

    แต่ลูกค้าปฎิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่ม ยืนยันจะเอายาตัวนี้ มีท่าทีไม่พอใจ  เนื่องจากกินยาตัวนี้เป็นประจำอยู่แล้ว

    เภสัชก็เลยชี้แจงในเรื่องของการดื้อยา และการขอความร่วมมือระดับประเทศ ให้ดูอาการผู้ป่วยว่าติดเชื้อจริงๆก่อนจะจ่าย

    แต่พูดไม่ทันจบ ลูกค้าก็ตัดบท และไม่พอใจเภสัช  ถามว่า จะขายหรือไม่ขาย ถ้าไม่ขายจะไปซื้อร้านอื่น

    เภสัชตอบไปว่า ไม่ขายค่ะ

    จากนั้นลูกค้าเดินกลับมาพร้อมกับยาในถุง  บอกว่าซื้อยาจากที่อื่นได้ ถ้าหากคุณไม่ขาย ทำไม่ไม่รูดม่านชั้นยาปิดไปเลย เก่งไม่พอ ก็เลยไม่ขายยาตัวนี้รึเปล่า!!!

    และปฎิเสธที่จะฟังคำอธิบายจากเภสัช (ที่พยายามอธิบายว่าจะจ่ายยาตัวนี้ มันต้องมีการซักประวัติ และจากข้อมูลที่ลูกค้าให้มา มันยังไม่ต้องใช้ยาตัวนี้) แล้วก็เดินจากไป ~ ~



    ทีนี้ตัดกลับมาที่เราจะพูดกันดีกว่านะคะ


    มามะ มาเริ่มกัน


    Amoxicillin(อะม็อกซีซิลิน) หรือ ยาแก้อักเสบที่ใครหลายคนเรียกกัน  จริงๆแล้วไม่ได้เป็นยาแก้อักเสบค่ะ แต่เป็นยาฆ่าเชื้อตัวหนึ่ง


    ซึ่งยาฆ่าเชื้อเป็นกลุ่มยาที่จริงๆแล้ว เภสัชกับแพทย์ จะไม่จ่ายกันง่ายๆ


    ก่อนจะจ่าย ต้องใช้เวลาพูดคุยกันก่อน เพราะต้องเชค ต้องซักประวัติกันก่อน กว่าจะตัดสินใจจ่ายยาฆ่าเชื้อไป ซึ่งแก้วไม่ได้หมายความถึงแค่เจ็บคอนะคะ แต่หมายถึงทุกเชื้อเลยจริงๆ (ท้องเสีย เป็นแผล หรืออะไรก็ตาม)


    ทำไมเราถึงไม่ยอมจ่ายง่ายๆ ?


    เพราะเชื้อมันดื้อเก่งมากกก มากจนบ้าไปแล้ว  เป็นคาลวินจากเรื่อง life หรอคะ ฉลาดเกินตัวนะคะคุณ

    (พอดีเพิ่งดูเรื่องนี้ไปค่ะ ฝังใจอยู่ 5555 )


    การที่เรากินยาตัวเดิมเข้าไปมากๆ  มีอาการเจ็บคอนิดๆหน่อยๆ แล้วไปกินบ่อยๆ

    หรือไม่มีอาการเจ็บคอเลย เป็นแค่มีไข้นิดๆ น้ำมูกหน่อยๆ โหงวเฮ้งเริ่มเป็นหวัดเฉยๆ แล้วไปกินยาฆ่าเชื้อเลย

    หรือกินผิดวิธี ชอบกิินดักไว้ก่อนตอนที่ทำท่ากำลังจะเจ็บคอ

    หรือกินแค่วันสองวันให้พออาการหาย แล้วหยุดกินยาที่เหลือ ไม่ยอมกินให้ครบระยะการรักษา


    ทั้งหมดนี้ มันจะยิ่งทำให้เชื้อเรียนรู้และจดจำตัวยา เรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับฤทธิ์ยา และทำให้มันสตรองว์ขึ้น ตายยากขึ้น สามารถคัมแบคได้บ่อยขึ้น และยิ่งใหญ่มากขึ้น ทำให้หลังๆเราจะกินยาไม่ได้ผลเท่ากับตอนแรกๆ และจะป่วยด้วยอาการเดิมจากเชื้อตัวเดิม(ที่พัฒนาตัวเองให้ถึกทนทานต่อยาไปแล้ว)บ่อยมากขึ้น


    ทีนี้ปัญหามันก็จะตามมาค่ะ

    เพราะการรักษาจะยากขึ้น เช่น  ในบางโรค ยาที่เอามาใช้แทนอาจจะรักษาได้ไม่ดีเท่าตัวเดิม  หรือ ยาที่มาใช้แทนอาจจะมีผลข้างเคียงมากกว่าตัวเดิม เป็นต้นค่ะ


    จริงอยู่ค่ะ ที่มันสามารถใช้ยาตัวอื่นมาแทนตัวเดิมได้  แต่ถามว่าประสิทธิภาพเท่ากันมั้ย -- ในบางโรค บางการรักษา  อาจจะไม่ค่ะ

    เป็นเหตุผลว่าหลายคนกินยาอีกตัวไปแล้ว ก็เลยยังไม่หาย  เพราะประสิทธิภาพไม่เท่ากับยาตัวแรก(ที่ดื้อไปแล้ว)


    ทำไปทำมา รู้ตัวอีกที ก็ถูกเจาะเส้นเลือด ให้ยาฉีดแทนยากินไปแล้ว


    ซึ่งแก้วว่าไม่น่าจะโอเคนะคะ

    เพราะแก้วเชื่อว่า ถ้าเลือกได้ ก็คงไม่มีใครอยากไปนอน รพ. ถูกเจาะเส้นเลือด หรอก



    เพราะงั้นใครที่กำลังเจ็บคออยู่ ลองรักษาตามอาการดูก่อนค่ะ

    ดื่มน้ำเยอะๆ(อันนี้มีผลมาก ชัดมากกก) พักผ่อนมากๆ เลี่ยงของมันของทอด และงดการใช้เสียงแรงๆ  หรือกินยาแก้อักเสบ(หมายถึงแก้อักเสบจริงๆนะคะ ไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อน้า)บรรเทาอาการดูก่อน ซึ่งทุกวันนี้มีให้เลือกหลายแบบทั้งกิน ทั้งสเปรย์พ่นช่องคอโดยตรง หรือจะกินยาลดบวมก็ช่วยได้ค่ะ (ถ้าบวมอักเสบไม่ติดเชื้อระยะแรก ยาลดบวมจะช่วยได้ค่ะ)


    สาเหตุที่ต้องรักษาตามอาการ  ก็เพราะยาฆ่าเชื้อที่ได้รับกันอยู่ มันฆ่าเชื้อแบคทีเรียค่ะ มันฆ่าไวรัสไม่ได้


     --  ไวรัส ไม่ใช่ แบคทีเรียนะคะทุกท่าน  คนละอันกันนะ --


    ขออธิบายนิดนึงค่ะ


    หากเพื่อนๆเป็นหวัดจากไวรัส แต่คอยังไม่อักเสบจากแบคทีเรีย  การที่เรากินยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียไป มันก็เท่านั้นค่ะ รักษาไม่ได้  ป้องกันไม่ได้ เพราะไม่มีประเด็นแบคทีเรียมาให้มันจัดการตั้งแต่แรกอยู่แล้ว


    จึงจำเป็นที่ต้องรักษาตามอาการก่อนค่ะ เพื่อไม่ให้เกิดการรักษาผิดจุด


    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทางเภสัชหรือแพทย์จะไม่มีวันจ่ายยาตัวนี้ตลอดไปหรอกนะคะ


    เพราะถ้ารักษาตามอาการไปสัก 4-5 วัน แล้วยังไม่โอเคขึ้น  ยิ่งอยู่ยิ่งเจ็บ ยิ่งเลวร้าย

    เพื่อนๆสามารถกลับไปเชคกับคุณหมอหรือเภสัชก็ได้ค่ะ  เพราะถ้าอาการแรงขึ้นถึงขั้นติดเชื้อจริงๆ ถึงขั้นนี้ ก็สมควรจะได้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียไปค่ะ



    แก้วเชื่อว่าผู้ป่วยทุกคน หรือลูกค้าที่เข้ามาซื้อยาทุกคน ต้องเป็นคนสำคัญของใครสักคนอยู่แล้ว -- เป็นลูกชาย เป็นลูกสาว เป็นพี่เป็นน้อง  เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นลูกศิษย์เป็นอาจารย์ เป็นคนรักของใครสักคน


    ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม จากเภสัชกับแพทย์ ที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบการดูแลผู้ป่วยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้


    ไม่มีใครสมควรได้รับการรักษาแบบไม่มีความรับผิดชอบค่ะ


    และเชื่อว่าคงไม่มีใครโอเค กับสังคมที่สามารถจ่ายยาฆ่าเชื้อ หรือยาอันตราย กันได้แบบง่ายๆเหมือนนมอัดเม็ดหรอกค่ะ


    เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง แก้วว่าน่ากลัวนะ 5555


    หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะค้า


    ไว้โอกาสหน้าจะแวะเอาเกร็ดความรู้มาแชร์ใหม่ค่ะ แฮ่


    ขอบคุณที่อ่านกันจนจบค่ะ  

    ถ้าใครมีความเห็น คำแนะนำเพิ่มเติมที่อยากจะแชร์ ก็แชร์กันได้ค่ะ ขอบคุณค้า



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Piti Pui (@pitipui)
เออ ... ชอบคาลวินเรื่อง LIFE ตอนแรกมาซ่ะน่ารักเชียว ฮ่า ๆ ๆ

เรื่องแอมม๊อกซี่ คือ เราเป็นพวกป่วยก็จะไม่กินยาปล่อยมันหายเอง แล้วเคยมีเพื่อน เพื่อนไม่ได้เป็นเภสัชใช่ป่ะ แต่บ้านขายยา พ่อคงเป็นเภสัช เอาเป็นว่ามันก็ลากเราไปซื้อแอมม๊อกซี่คราฟอะไรเนี่ย ครั้งแรกที่กินบอกจริงคือหายเร็วมาก หลังจากนั้น ป่วยก็แอมม๊อกซี่อะไรเนี่ย แต่ทำไมไม่หายฟ่ะ กินหลายโด๊สอ่ะครานั้น รู้สึกแปลก ๆ กินซ่ะฉี่เหม็น จบด้วยว่าอาการป่วยมันก็หายไปเองแต่ใช้เวลานานมาก เอาเป็นว่าเดี๋ยวนี้ก็ใช้ชีวิตแบบเดิม ๆ แล้ว คือป่วยก็รอมันหายเองดีกว่า