เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เหงาเท่าอวกาศMind Da Hed
Chiba Gundum Tofu
  • "งานอะไรนะ" ขจีเลิกสายตาจากแปลนโกดังสะสมกันดั้มที่เขากำลังออกแบบขึ้นมามองหญิงสาวปลายผมงุ้มที่ละเลยเขาอย่างสมบูรณ์แบบ ระเบียงหน้าบ้านมีส่วนโค้งคล้ายหนึ่งรอยหยักของครัวซอง มันกลายเป็นห้องทำงานและห้องครัวชั่วครู่ 

    ไอรดากำลังย่ำเท้าลงบนเสื้อยืดที่ห่อแป้งทำอุด้งเส้นสดเอาไว้เป็นจังหวะ เฝือกขยับไปมาเพราะเธออยู่ไม่สุก

    "งานเต้าหู้ทดลองสิ้นปีที่ดอยแกะดาว" ชื่อเหมือนงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์อะไรสักอย่าง ขจีเกาท้ายทอยอย่างขัดใจเมื่อไม่ได้เข้าใจอะไรเพิ่มขึ้นเลย หยิบน้ำเต้าหู้อุ่นขึ้นจิบแล้วเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่มุ่นคิ้วเพราะทรงตัวไม่ถนัด เด็กเฝือกนี่ใส่เยลลีวานิลลาลงไปโดยที่ไม่บอกเขาอีกแล้ว

    "งานเต้าหู้เต้าฮวยอะไร อธิบายมา เวลาพูดกับใครให้มองหน้าเขาด้วย มันไม่สื่อสาร" ลมหลังฝนพัดจนแปลนกระดาษปลิวปลายน้อยๆ หญิงสาวกำลังจะอ้าปากเถียงแต่เรดาร์สายตาบังเอิญไปเห็นสิ่งมีชีวิตนอกรั้วบ้านเสียก่อน

    "เฮ้ย บังเอิญญญญ มาได้ไง ไม่ได้ไปเที่ยวกับคิเอะหรอ พี่จีๆ เราฝากเหยียบเส้นนะ" การผลุนผลันวิ่งออกไปแล้วผลักเขาให้มาเหยียบแป้งแทนทำให้เขาอยากให้เธอขาหักเข้าเฝือกคู่กับแขนไปด้วยเลย

     เขาถอดแว่นกรอบมะฮอกกานีออกแล้วโยนสุ่มๆ ไปที่กองกระดาษ เท้าเหยียบเสื้อยืดห่อแป้งตามสั่ง รู้สึกเหมือนกำลังเดินพาเหรดอยู่ในสวนโง่ๆ

    เขากอดอก มองไอรดาในเสื้อบาสสีฟ้าเหล้าหวานเปิดประตูรับสุนัขพันธุ์ชิบะที่กระดิกหางเดินเข้าประตูมาเงียบๆ บังเอิญ เป็นสัตว์เลี้ยงบ้านเด็กคิเอะที่ดูเหมือนว่าตอนนี้จะไปพักร้อนต่างจังหวัดกัน ชื่อ บังเอิญ เพราะเจ้าของบังเอิญไปเจอข้างทางแล้วเห็นมันสวยดี

     มันชอบย่องเข้ามายามที่เขาลืมปิดประตูรั้ว แล้วมาซุกพรมมุมห้องทำงานเงียบๆ สัปดาห์หนึ่งต้องเจออย่างน้อยครั้งสองครั้งจนไอรดาเอาถาดน้ำและหมอนเน่ามาวางให้ถาวร 

    ชายหนุ่มไม่ได้ชอบหรือเกลียดมัน แต่แยกความรู้สึกได้ว่าเวลาไหนมีหรือไม่มีบังเอิญอยู่ตรงมุมห้อง เขาชอบเห็นมันวางคางบนหมอนเหมือนเหนื่อยอะไรมานักหนา บางครั้งเขาเขียนแบบจนเผลอหลับคาโต๊ะ มันก็จะเอาจมูกคอยดุนหัวเข่าเพื่อปลุก แล้วเดินกลับบ้านไปกลางดึก

    "ไง หมาแบกโลก" นั่นคือฉายาที่เขาชอบเรียก บังเอิญผินหน้าจากสัมผัสของไอรดามามองชายหนุ่ม ขยับหูเบาๆ แล้วเดินผ่านไป

    หมาชิบะมายแอส เย็นชาเป็นกระดาษทรายขนาดนี้

    "มันไม่ค่อยได้มาช่วงเช้าๆ แบบนี้เลย นี่วันก่อนได้ค้างบ้านพี่จีเปล่า" เสียงของเธอค่อยๆ จางไป เพราะไอรดาเดินเข้าไปหยิบแฮมและเศษขนมปังเนยในห้องครัว เธอกลับมาพร้อมกับวางถาดอาหารให้บังเอิญ หมาแบกโลกที่กำลังมองกุหลาบมอญอย่างพินิจพิจารณา

    "เปล่า มันงีบเสร็จก็กลับไปตอนห้าทุ่ม"

    "ดูซึมๆ ป่วยๆ ชอบกลช่วงนี้ หมาชิบะอะไรเนี่ย แจ่มใสไนจีเรียหน่อยบัมเอิมม" ไอรดามองสุนัขที่ซับซ้อนยิ่งกว่าแมวงับขนมปังเนยหน้าตาย ขจีหลุดหัวเราะ พยักเพยิดไปที่เฝือกเลอะๆ ของเธอ

    "ดูแลตัวเองก่อนเหอะ บังเอิญมันน่าจะดูแลตัวเองได้"

    "บังเอิญน่าจะดูแลตัวเองได้เหมือนกัน" เธอกวนเขาในชุดบาสเก็ตบอลเหี่ยวๆ ทีมมิซูโฮะเบอร์ 8 สีบลูคูราโซ่ ฟ้อนท์สวยดีแต่มันเป็นเสื้อทีมหลอกๆ ที่มีแต่ในการ์ตูนญี่ปุ่น ความน่าเชื่อถือของทั้งชุดทั้งคนเป็นศูนย์

    "พี่จีไม่ทำงานหรอวันนี้" ขจีชี้ไปที่กองแปลนข้างๆ แล้วถอยตัวออกมาจากการเดินพาเหรดบนเส้นอุด้ง

    "นี่ตึกอะไรสถาปนิก แอ๊บสแตร็คไปไกลมาก" ไอรดาตาโต กางกระดาษขาวที่มีเส้นสเก็ตวาดไว้ยุ่งเหยิง ขจีสบตากับบังเอิญเพราะหวังว่ามันจะเข้าใจเขาบ้าง

    โกดังหุ่นยนตร์กันดั้มของลูกค้าพ่อกำลังจะเป็นรูปเป็นร่างพร้อมกับการสนับสนุนจ้างด้วยงบที่ค่อนข้างมหาศาล 

    กาดอกจันไว้ตรงนั้นทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ประเด็น

     นายจ้างจ่ายแพงเพราะสถาปนิกทุกคนปฏิเสธงาน ขจีปฏิเสธก่อนเห็นงานด้วยซ้ำ เขาไม่ทำงานจากจินตนาการที่ไม่มีอยู่จริง แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องมานั่งร่างความฝันวัยเด็กของชายวัย 65 ให้เป็นจริงขึ้นมาให้ได้เพียงแค่เพราะว่าลุงนี่เป็นเพื่อนสนิทของพ่อ ตอนอยู่ญี่ปุ่นเขายกพวกชายชุดดำราว 30 คน (พ่อเขากระซิบบอกว่าเป็นบอดี้การ์ด)มาที่สกีรีสอร์ตแล้วหมอบนิ่งลงที่ลานด้านหน้าเพื่อขอร้อง

    เวลานั้นเขารู้สึกเหมือนฆาตกรรมแก๊งมาเฟียทั้งแก๊งได้ด้วยตาเปล่า

    "โปรดักชันใหญ่มากตั้งแต่ยังไม่จ้าง แล้วพี่จีทำไง"

    "ตอนแรกเดินกลับเข้าบ้านไป"

    "โหด แล้วเขาไม่ฮาราคีรีหรอ ชักปืนขู่รึเปล่า โปรดักชันเอพิคขนาดนั้น" ขจีสวมแว่น ลากสายตาและปลายนิ้วไปตามเส้นยุ่งๆ คำตอบกระทบใบหูไอรดาตามสายลมหลังฝน

    "เขาร้องไห้" หญิงสาวในเสื้อบาสทำปากรูปตัวโอ บังเอิญ หมาชิบะละความสนใจจากแฮมมามองเหมือนเข้าใจ

    "แต่สาบานได้ ตอนนั้นพี่นี่แหละที่อยากร้องไห้"

    รวมถึงตอนนี้ด้วย เขาหมดบุหรี่กับความอดทนไปจนไม่ต้องนับแล้ว ลุงมาเฟียอาจคิดว่าเขาเป็นพ่อมดที่มีไม้กายสิทธิ์ ไม่ใช่สถาปนิกที่มีสมองและสองมือ

    ไอรดาหัวเราะลั่นจนเฝือกเคลื่อน เธอนิ่วหน้าเพราะแผลกระเทือนเรียกสายตาเข้มๆ จากเขา โชคช่วยที่โทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน

    "ฮัลโหลพ่อ.. หือ เปล่าๆ เหยียบแป้งทำอุด้งเส้นสดอยู่ค่ะ เหยียบบนเสื้อไอดะเลย โอย คิดถึงไอดะะะ ไอร์เหนื่อยมากจริงคุณแสง แขนหักทำขนมยากมาก เสียงไรน่ะ ปั้นอะไรอยู่ใช่มั้ย" 

    ไอรดายิ้มรู้ทัน เธอผละจากกิจกรรมย่ำเท้าเข้าจังหวะมานั่งลูบท้องบังเอิญที่ระเบียง เหน็บโทรศัพท์ไว้ที่ไหล่ซ้าย เม้มปากเบาๆ เพราะโดนปลายสายขึ้นเสียงที่ทำตัวเองแขนหักเป็นรอบที่ 4

    "รู้แล้วๆ ก็มันสุดวิสัยจริงๆ คะ? ปีนี้ก็เข้าร่วมด้วยใช่ไหมไอร์จะได้โทรบอกพี่สันเขาให้เตรียมกระบะไว้ หม้อไหที่ไอดินทำแตกก็บริจาคมาได้นะคะคุณแสงสว่าง ฮัลโหล อ้าวสถิติใหม่ หลุดไวในสามนาที"

    ขจีผินมองหญิงสาวที่หงุดหงิดกับโทรศัพท์แล้วคลำต่างหูเซรามิกแป้นกลมที่หูซ้าย ไอรดาให้เขาตอบแทนที่ซื้อผงหวานประหลาดมาให้ ขจีคิดถึงเรื่องเล่าครอบครัวหญิงเพี้ยนในบ้านหลังภูเขาอำเภอปัว หญิงสาวข้างตัวมักจะเล่าธุรกิจ แสงสว่างเซรามิก ส่งออกของพ่อให้ฟังอย่างจริงจังเกินควร ไอดิน ลูกชายช่างปั้นคนโตชอบปั้นปูนให้ดูเหมือนพลาสติก ไอดา ลูกสาวคนรองเขียนหนังสือนิทานเด็กอยู่ทั่วโลก

    "หมายความว่ายังไง ทั่วโลก?"

    "ก็ทั่วโลกแบบทั่วโลกจริงๆ ไอดะเดินทางตามใจ ไปไหนไม่เคยรู้หรอก แต่รู้เลยว่าต้องไปแช่เขียนที่ไหนนานๆ ส่งจดหมายมาตลอดแหละ ติดแสตมป์ลายน่ารักพร้อมแนบรูปหมู่เด็กอนุบาลแปลกหน้ามาทุกที" ไอรดาถูหางตา เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าไอดาเขียนนิทานหรือความนิยายๆ ในตัวเธอเองนั่นแหละที่เป็นนิทานเสียเอง

    "ทำไมเรียกไอดะ" ชายหนุ่มเอ่ย รู้สึกว่าตัวเองเดินทางมาถึงในจุดเลยสงสัยจนไม่ต้องตั้งคำถามอะไรกับการงานของพี่สาวเธออีกแล้ว

    "ไอดะชอบให้เรียกแบบนี้ แล้วเรียกเราว่าไอดาแทน" เขายอมความ ครอบครัวนี้มีตัวตนที่เคลื่อนไหวไวกว่าสติและไต้ฝุ่น ปกซากแมลงปอตายบนจานดาวเทียมของแม่เขาดูธรรมดาไปเลย

    ไต้ฝุ่น?

    "ไอร์ ใครเป็นคนตั้งชื่อให้พี่เรา"

    "พ่อตั้ง บอกว่าไอดะเหมือนไต้ฝุ่น แปรปรวนและเต็มไปด้วยปรากฏการณ์" นอกจากการถูกสั่งให้ออกแบบสวนสนุกให้ดูเหมือนสวนกรีก การที่พ่อตั้งชื่อลูกตามชื่อไต้ฝุ่นทำลายล้างนี่แหละที่ทำให้เขากระพริบตามากกว่าสามครั้งในหนึ่งวินาที

    "แต่ไอดินก็คือไอดินจริงๆ นะ พ่อตั้งเพราะไอดินเกิดตอนที่เริ่มทำงานปั้นพอดี ส่วนชื่อเราไอดะเป็นคนตั้งให้ ไม่รู้เหมือนกันว่าแปลว่าอะไร เคยเล่าอยู่แต่เราก็ลืมๆ ไปแล้ว"

    ไอรดาเอียงคอท้าวความ แวบหนึ่งเขาโล่งใจแทนไอดินที่มีชื่อแบบธรรมดาตรงตัว แต่อีกใจก็สงสัยว่าไอรดามีความหมายแบบไหนต่อพี่สาวของเธอ

    เพราะในมุมหนึ่งของชายหนุ่ม ไอรดาคือนิยามของความเพี้ยนในโลกที่สามของเขา อาจไม่เหมือนไต้ฝุ่นแบบพี่สาวแต่มีฝุ่นละอองมากจนทำให้ดวงตาเบลอไอ แทนค่าไม่ได้ เคมีซับซ้อนเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจ แต่ก็ยากที่จะจำไว้

    ไอรดา = สมการที่ไม่เสถียร

    เท่ากับเครื่องหมายไม่เท่ากับ

    "คิดถึงไอดะแล้ว อยากให้ถึงงานโทฟุเร็วๆ" 

    แต่บางครั้งเธอไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรให้เขาฟังเลย ขจีพบว่าตัวเองพร้อมจะไม่เข้าใจเธอ พร้อมจะไม่เข้าใจเธอ พร้อมจะไม่เข้าใจเธอแบบย้ำๆ

    "โอะ เราลืมอธิบายเลย งานโทฟุก็คืองานเต้าหู้ทดลองสิ้นปีบนดอยแกะดาวที่เราบอกเมื่อกี้ ความจริงก็ไม่ได้มีขายเต้าหู้อะไรหรอก เขาเลิกไปหลายสิบปีแล้ว แต่ทุกคนจะต้องนั่งกินเต้าหู้ดูดาวกันตอนสามทุ่มเป็นธรรมเนียม จริงๆ มันต้องเที่ยงคืนแหละ แต่หลังๆ คนแก่เข้าร่วมเยอะหน่อยเลยไม่ปล่อยดึก เฮ้ย พี่จีฟังดิ ประเด็นก็คือ ILight Ceremic ไปออกร้านร่วมกับพี่ๆ ชาวบ้านแถวนั้นด้วยครับผม ช่วงนั้นไอร์จะวุ่นเป็นวุ้นเลย ต้องทำขนมและดูแลงานช่วยไอดิน แต่ที่สำคัญสุดคือ.."

    "ยีสต์ ฟูลสต็อป ทั้งหมดนี่เล่ามาทำไม" เขายกมือขึ้นห้ามพร้อมแกล้งโยนม้วนกระดาษใส่บังเอิญ

    "คือเราไม่มีงบอะไร แต่คือ..."

    "ยีสต์..." ขจีกอดอก มองหญิงสาวจิ้มแป้งอุด้งอย่างไร้สาเหตุ

    "น่ะ...อยากให้พี่จีมาออกแบบพวกซุ้มกับร้านให้หน่อย พี่คนเก่าเขาไม่ว่างทำปีนี้ค่ะ ฉุกเฉิน เพิ่งแจ้งเลย" ชายหนุ่มมองแววตาเฉยชาของบังเอิญ ความโหดร้ายต่อจากโกดังกันดั้มของลุงมาเฟียก็คือซุ้มเต้าหู้เพี้ยนๆ ของครอบครัวนี้สินะ

    "เดี๋ยวไอร์บอกรายละเอียดอีกที"

    "เดี๋ยวก่อนยีสต์ ได้ยินใครบอกรึยังว่าจะทำให้"

    "ได้ยินแล้วค่ะ ได้ยินก่อนจะถามแล้ว"

    ขจีมองประตูทางเข้าโกดังเหมือนมันน่าสนใจมาก บ้านเหลี่ยมๆ ของเขากำลังหัวเราะเยาะเขามาแต่ไกล หมาแบกโลกก็ดูสดใสร่าเริงขึ้นมาเหมือนถูกไขลาน นี่บังเอิญเกิดมาเป็นชิบะเลยต้องน่ารักบ้างตามเวลาหรือไง ขจีเช็ดข้อนิ้วกับปลายจมูก ถามเธอเสียงต่ำ

    "แล้วแกะดอยแกะดาวนี่ต้องนั่งรถกระบะข้ามสเฟียร์ไปรึเปล่าถึงจะเจอ มันอยู่ที่ไหน"

    "อยู่แถวบ้านไอร์เอง"

    "บนโลกนะ?"

    "เหอะ ต้องเช่าสปุตนิกแล้วนั่งกระบะพี่สันเขาต่อไปอีกที"

    เขามองเธอยิ้มตาหยี คล้ายๆ เครื่องหมายเท่ากับเท่ากับ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in