เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TO ALL OF THE CONCERTS I HAVE BEEN TOA real calico cat
รีวิว: BTS Love yourself world tour in Bangkok 6-7 April, 2019
  • “โล่งอกจังที่เป็นพวกเรา โล่งใจจังที่อยู่ด้วยกัน”

    “ดวงจันทร์ของกันและกันที่พึ่งพิงของกันและกัน” 

    ก่อนอื่นต้องขอสารภาพตามตรงว่าไม่ได้เป็นแฟนคลับBTSมาตั้งแต่แรก แต่เรามาฟังเพลงและติดตามผลงานเพราะเราชอบดนตรีเนื้อเพลง story และปรัชญาการทำเพลงของค่ายที่บอกว่า ‘music and artist for healing’ โดยเฉพาะอัลบั้มล่าสุดที่ทำออกมาได้แบบนั้นจริงๆ (หลาย ๆ คนคงได้ยินเรื่องของbts(บังทัน)มาบ้าง เพราะทุกวันนี้แทบจะอยู่ทุกพื้นที่สื่อบนโลก) จนในที่สุดบังทันก็ได้บินมาแสดงคอนเสิร์ตที่ไทย ซึ่งครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่บังทนมาจัดคอนเสิร์ตที่ไทยแต่เรียกว่าเป็นการกลับมาจัดหาแฟนๆ ชาวไทยหลังจากสร้างชื่อเสียงทั่วโลกและตีตลาดเพลงโหด ๆ ได้ทั้งอังกฤษและอเมริกาและยังจัดที่ราชมังซึ่งเราเห็นแค่สถานที่ครั้งแรกก็บอกตัวเองเลยว่าต้องไปยังไงก็ต้องไปให้ได้  
    และขอสปอยตรงนี้ไว้เลยว่าไม่ผิดหวังจริง ๆ คอนเสิร์ตครั้งนี้คือมาตรฐานระดับโลก ทั้งการแสดงและProductionมันดีและสนุกมากเหมือนวงฝั่งตะวันตกเลยแม้ว่าเราจะฟังเพลงไม่ออกทั้งเพลงก็ตาม

    บรรยากาศวันคอนเสิร์ตเรียกได้ว่าแปลกใหม่สำหรับเรามีวัฒธรรมของแฟนคลับเกาหลีที่เราไม่เคยเจอแต่เราคิดว่าน่ารักมาก ๆอย่างการแจกของทำเอง แลกของกัน นัดเจอกัน ที่ดูเป็นcommunityที่ดี ส่วนอากาศก็ร้อน คำเดียวเลยจริง ๆโชคดีที่ในสเตเดี้ยมมีลมพัดตลอดเลยทำให้moodในงานสนุกทุกคนไม่อารมณ์เสีย ส่วนการแสดงเราขอพูดรวมทั้งสองวันเพราะครั้งนี้playlist ทุกอย่างเหมือนกันหมดscript ก็เกือบจะคล้ายกันทั้งสองวัน


    คอนเสิร์ตเริ่มด้วยเพลงIDOLซึ่งเป็นtitletrackของอัลบั้มนี้ตอนเพลงเริ่มพร้อมกับเสียงกรี้ดของARMYบวกับeffectล้านแปดที่ขนมาจากเกาหลีบอกตรง ๆว่าอยู่ ๆ ใจมันก็เต้นแรงจนต้องกรี้ดออกมาพร้อมคนข้าง ๆ เพลงนี้สนุกมากอาจจะทุกคนกรี้ดทุกคนร้องและเพลงที่มีท่อนที่ร้องตามได้เป็นคำอังกฤษที่catchyเราเลยเหมือนมีส่วนร่วมในโชว์แค่เพลงแรกก็รู้สึกได้ถึงพลังของบังทันที่ส่งมาถึงคนดูได้ทุกคนไม่ว่าจะใกล้หรือไกล(วันแรกเราไปA8 ใกล้มาก ๆ แถว D ที่นั่ง7 วันที่สองขึ้นดอยชั้น3 E3D) ที่ต้องยกความดีความชอบให้bighitที่ทำแท่งไฟเปลี่ยนสีได้  มันเลยรู้สึกเออ!! ดูคอนมันต้องแบบนี้สิ 


    จากนั้นเป็นment ทักทาย ทุกคนน่ารักมาก พูดภาษาไทยน่ารักมาก แล้วก็ดูเป็นธรรมชาติ ดูเตรียมตัวมาดี วางแผนใครพูดอะไร ส่งเข้าเพลงยังไง จากนั้นเป็นเพลง Save me ต่อด้วย I’m fine ที่มีintroเดียวกันแต่เนื้อเพลงตรงกันข้ามตามชื่อ แบบถึงตอนนั้นชั้นจะร้องขอให้เธอช่วยชั้นแต่ตอนนี้ชั้นโอเคแล้ว (คูลป่ะ) สองเพลงนี้ดีงาม สนุกตามมาตรฐานของบังทันทั้งสองวัน ชอบตรงที่นัมจุนบอกให้ทุกคนลุกขึ้นมาเต้นมาสนุกด้วยกัน ซึ่งมันใช่เลย บางครั้งไปดูคอนบัตรนั่งเราอยากลุกขึ้นเต้นมาก แต่เกรงใจคนข้าง ๆ อันนี้ดีที่ศิลปินเป็นคนบอกเอง เรียกว่าสร้างบรรยากาศได้เก่งมากจริง ๆ

    เพลงสุดท้ายก่อนเข้า solo คือ Magic Shop ซึ่งหนึ่งในเพลงที่เราชอบมาก ๆ ของบังทัน เราว่ามันเป็นเพลงที่ช่วยปลอบประโลมใจ ยิ่งท่อน So show me, I’ll you ที่ทุกคนช่วยกันร้องมันยิ่งทำให้เราดำดิ่งไปกับบรรยากาศ เสียงจองกุกหวานมาก เสียงของแทฮยองท่อน Bridge ก็เรียกว่าดึงอารมณ์คนฟังออกได้มากเหมือนกัน เราชอบที่ทุกคนช่วยกันร้องตรง You gave me the best of me so you’ll give the best of you ซึ่งเป็นท่อนที่เราชอบเป็นพิเศษ เป็นท่อนที่ฟังแล้วทำให้เรารักและเห็นคุณค่าในตัวเอง  และมันก็ใช่ที่คนที่รักเราอย่างแท้จริงมักจะทำให้เรารู้จะจะรักตัวเอง

    อมาเป็น Solo ของจองกุกกับเจโฮป ซึ่งเพลงแรกคือ Just dance ของเจโฮปที่สนุกมาก พอเล่นกับดนตรีสดบวกกับความสามารถในการEntertain ของเจโฮป บอกได้เลยว่านี่แหล่ะ The Best entertainer ชอบที่ทุกคนตะโกนเรียกชื่อ เจโฮป เรานั่งฟังแล้วยังทึ่งกับความรักและเสียงตะโกนของแฟนคลับจริง ๆ ต่อมาเป็นเพลงEuphoria ของจองกุก ที่พอมาฟังสดแล้วเราถึงได้รู้ว่าเสียงจองกุกดีมาก ดีกว่าที่เราคิดไม่รู้กี่เท่า วันแรกระหว่างแสดงจองกุกล้มแต่ก็ลุกขึ้นมาได้แบบมืออาชีพมาก ถ้าไม่สังเกตหรือพลาดช็อตนั้นไปคือไม่มีทางรู้ได้เลยแน่ ๆ ส่วนตัวชอบจองกุกอยู่ก่อนแล้ว แต่พอมาเจโฮปแสดงสดคือ ได้ ยอม โอเค!!! สุดจริง ๆ เป็นคนที่มีเสน่ห์มากจนแทบละสายตาไม่ได้

    ต่อไปเป็น I need you กับ Run สองเพลงนี้แสดงที่เวทีหลักกับเวทีกลาง สนุกมากเหมือนกันโดยเฉพาะ Run ที่ทุกคนลุกเต้นแล้วมีeffectน้ำออกมาเรียกอารมณ์ให้ทุกคนสนุกขึ้น (วันแรกเราอยู่ใกล้เวทีโดนน้ำแรงมากเหมือนเล่นสงกรานต์ พอรู้มาบ้างว่าจะมีน้ำแต่ไม่คิดว่าจะแรงขนาดนี้) แนะนำให้ฟัง Run แบบดนตรีสดซักครั้งนึก เราคิดว่าเราชอบเพลงนี้ตอนฟังจากโทรศัพท์แล้วแต่พอมาฟังในคอนมันสนุกกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

    Soloต่อไปเป็นของจีมินกับนัมจุน เพลงแรกSerendipityของจีมินที่พอได้มาดูแสดงจริง ๆ แล้วเราเข้าใจเลยว่าทำไมอะไรอะไรในเกาหลีจีมินถึงเป็นเบอร์หนึ่ง จีมินเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ละสายตาไม่ได้จริง ๆ ยิ่งเพลงยิ่งperfเอาไปเลยสิบสิบสิบ ไม่รู้ว่ามันเป็นคอนปิดทัวร์หรืออะไรแต่เรารู้สึกว่า จีมินผ่อนคลายมากตอนแสดง ไม่ได้เก๊กอะไรเลย ยิ้มเล่นกับคนดูตลอด เพลงนี้Productionสวยมาก แท่งไฟก็เปลี่ยนสีสวย เนื้อเพลงก็โรแมนติกมากเหมือนกันแบบ “ชั้นเป็นแมวสามสีที่เกิดมาเพื่อเธอ การมีอยู่ของชั้นก็เพื่อเธอเทานั้น” 

    ต่อมาเป็นของ Love ของนัมจุน ตอนเราดูเรารู้สึกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เพลงนี้ที่แต่งเองก็ดี เล่นคำเก่ง เนื้อเพลงสวย perfเรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่สนุกมาก ดูเพลิน นัมจุนเป็นอีกคนที่ Entertain เก่งมาก ๆ วันที่สองฝนตกช่วงนี้แต่ทั้งสองคนก็มืออาชีพมาก แสดงต่อแบบ The show must go on อย่างแท้จริง ชอบที่นัมจุนพูดตอนจบเพลงว่า “it’s raining, but I still love you” มาก เป็นคนที่น่ารักจริง ๆ จากนั้นก็เป็น Medley เพลงเก่า ๆ ที่บางเพลงเราก็ไม่รู้จักแต่บังทันตือเต้นยับ เต้นเหมือนวันสุดท้ายของชีวิตคนดูอย่างเราเลยสนุกไปด้วย แล้วก็เป็น Airplane pt.2 เพลงนี้เพราะ perf ก็ดูเพลิน มีท่อนที่ให้ร้องตามได้ง่าย ๆ 

    ต่อมาคือ Singularity เพลงSolo ของแทฮยองที่เราทั้งทึ้งกับเสียงร้องและ Facial Expression ของแทฮยองมาก นี่มันไม่ใช่แค่ร้องเพลงแล้วแต่คือหนึ่งในการแสดงที่เป็น Masterpiece ของแทฮยองเลย จริงๆ เราดูแฟนแคมหลายที่มากแต่ไม่มีที่ไหนที่ให้วคามรู้สึกเดิม เก่งมากจริง ๆ จากนั้นก็ตามด้วยเพลง Fake Love ที่ถึงแม้ไม่ใช่ Full Performance แต่พอเป็น Rock version ก็สนุกไปอีกแบบ จังหวะกับบรรกาศมันได้มากจนต้องโยกตัวไปกับเพลงพร้อมกับตะโกนFake Love! Fake Love! ไปกับคนในสเตเดี้ยม 

    มาถึงSolo ของยุนกิเพลง Seesaw ยุนกิเพลงนี้น่ารักมาก เล่นหูเล่นตาเก่ง การแสดงทุกอย่างดูโฟลวแล้วก็เป็นธรรมชาติมาก เอาจริงเราชอบเสียงร้องของยุนกิพอๆกับตอนRapเลย เก่งจัง ทำได้ทุกอย่าง ร้อง เต้น แต่งเพลง จากนั้นตามด้วย Epiphany เพลงของจิน พี่ใหญ่สุดของวง เพลงนี้เป็นอีกเพลงที่ความหมายดีมาก ดนตรีตอนเริ่มก็ดีบิ้วอารมณ์ให้คนดูได้ เปิดด้วยจินเล่นเปียโนกับเสียงหวาน ๆ เรียกว่าสะกดได้อยู่หมัดมาก ๆ เพลงนี้วันที่สองเราฟังอยู่บนชั้นสาม ตอนนั้นลมพัดเย็น ๆ บวกกับเสียงจินทำให้เราเหม่อคิดถึงเรื่องตัวเอง พอท่อน “I’m the one I should love” แล้วลมมันพัดเข้าหน้าเราเท่านั้นแหล่ะ น้ำตาเราไหลไม่รู้ตัว คิดในใจ เออ จริง ๆ สินะ เรานี่แหล่ะคือคนที่เราควรรัก มันเป็นโมเม้นต์เหมือนความหมายของชื่อเพลงที่แปลว่า ‘เป็นช่วงเวลาที่อยู่ ๆ เราก็รู้ว่ามีบางสิ่งที่สำคัญกับตัวเรา’ มานึกแล้วก็ยังงงตัวเอง ทำไม่ถึงเป็นได้ขนาดนั้น แต่ยังไงก็ตามเสียงจินคือ perfectly fit กับเพลงนี้มาก ตอน high note คือตายไปเลย ดี เรียกว่าเป็น Main Vocal ของวงอีกคนอย่างไม่มีข้อกังขาใด ๆ เลย 


    มาถึง The truth untold เพลงที่รอคอย Produce โดย Stave Aoki มี Vocal line แทฮยอง จีมิน จองกุก และจินร้อง เพลงนี้คือเพราะจริง เป็นเพลงช้าของบังทันที่มีกลิ่นอายความเป็นตะวันตกสูงมาก แต่พอเป็นเสียงของจินก็คือให้ฟีลเพลงเกาหลีเหมือนที่นัมจุนพูดไว้จริง ๆ สิ่งที่ต้องชมมาก ๆ คือ จอขนาดยักษ์ที่ฉายหน้าสี่คนแบบชัดมาก จอใครจอมันไปเลย close up ให้เห็นถึงสีหน้าและความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาเลย นั่งตรงไหนก็อินเด้อ ท่อน But I still want you คือสลบ ตอนสุดท้ายhigh note ที่จีมินอิมโพรไวซ์ใหม่ก็ดีงาม วันที่สองจองกุกแอบขำเพราะจินร้องท่อนตัวเองเพี้ยนจนลืมร้องท่อนตัวเองไปอีก 

    ต่อไปก็เป็นเพลง Tear โชว์ของ Rap line ที่บอกเลยว่าโยกจนเหนื่อย ไม่เคยฟังเกาหลีแรพโหดอย่างงี้มาก่อน ยอมรับไปเลยว่าอึ้งมาก production คือคูลมาก แท่งไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้วฉายภาพขาวดำ สุดมากกก จากนั้นอารมณ์ยังไม่หายอินก็ไปต่อที่ Micdrop เพลงที่ไม่ว่าคุณจะฟังเพลงเกาหลีหรือไม่ฟังก็ต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้างแหล่ะ เพลงนี้เอา The best ของคอนครั้งนี้ไปเลย นั่งตรงไหนก็สนุก ทุกคนลุกขึ้นมาเต้น ยิ่งท่อน break dance remix คือหอบ ดีมาก ได้มาฟังเล่นสดครั้งหนึ่งในชีวิตก็คุ้มแล้ว


    ช่วง Encore วันแรกแอบเงียบไปหน่อยแต่วันที่สองสนุกมาก มีการเปิดแฟลชเล่นเวฟมือถือกันเองของแฟนคลับ ซึ่งเราชอบมากกกกก ดูแบบ เออนี่สิ มาดูคอนเสิร์ตมันต้องแบบนี้มั้ย เราสนุก เราเอนจอยจริง ๆ เพลงช่วงสุดท้ายมีสามเพลงคือ So What, Anpanman แล้วก็ Love myself ซึ่งเราคิดว่าเป็นการจัด set-list ที่ดีมาก ทั้งดนตรีและเนื้อหาของเพลง ทุกคนเต้น ทุกคนร้องไปกับเพลง ที่เรารู้สึกชอบมากคือช่วงMent พูดความในใจก่อน Love myself ทั้งวันแรกและวันที่สอง แต่เราขอเล่าในส่วนของวันที่สองเพราะเราจำได้และเราชอบมาก


    “พวกเราคิดถึงวันที่เรามาเมืองไทยครั้งแรก คิดถึงทุกคนที่ให้การต้อบรับพวกเราที่เป็นใครก็ไม่รู้ เพราะความรักและแรงเชียร์ที่มีให้กับพวกเราที่ไม่ค่อยมีค่า มันทำให้พสกเรามาถึงจุดนี้ได้ จะไม่ลืมความรักและแรงเชียร์ที่ให้พวกเรา พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบแทบความรักเหล่านั้น”- จีมิน-

    “ตอนที่เมมเบอร์ได้พูดถึงความรู้สึก โมเม้นนี้ ทั้งลม ทั้งอุณหภูมิ ผมรู้สึกมีความสุขมาก ๆ ครับ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นคอนเสิร์ตวันสุดท้ายแต่ว่าความทรงจำวันนี้ก็คงอยู่ตลอดไป ผมอยากจะกลับมาจริง ๆ ครับ แล้วก็ไม่อยากให้ทุกคนลืมโมเม้นนี้เหมือนกัน ส่วนผมจะเติบโตแล้วก็เท่กว่านี้ ผมรักพวกคุณ”- จองกุก-

    จริง ๆก็ยังมีของเมมเบอร์คนอื่น ๆ อีก เราฟังแล้วเรารู้สึกได้เลยว่าพวกเขาคิดถึงแฟนคลับคนไทยคิดถึงประเทศไทยแค่ไหนพูดย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงมาแรก ๆ หรือจะเป็นยุนกิที่พูดถึงจำได้นะว่าประเทศมีรถไฟฟ้าชื่อBTS เหมือนชื่อวงตัวเองตอนนั้นพวกเขาก็คงคิดถึงความทรงจำในไทยจริง ๆ แหล่ะ อีกโมเม้นที่ชอบคือ ตอนเจโฮปตะโกนว่าLove yourself แล้วคนดูตะโกนกลับว่า Love myself มันดูทรงพลังดูมา healing จิตใจอย่างแท้จริง มาจนถึงเพลงสุดท้ายสำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้คือLove myself ซึ่งก็เป็นเพลงที่เราชอบและรอมาฟังสดในคอนเสิร์ตจริงๆ บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง ดนตรีสดเพราะมากกกกก บรรยากาศทุกอย่างคือได้ มันเป็นเพลงที่เหมาะที่สุดแล้วสำหรับการปิดคอนเสิร์ต(ส่วนตัวคิดว่าเป็นเพลงที่ถูกเขียนมาเพื่อเป็นเหมือน outro เพื่อเล่นคอนในเสิร์ตอยู่แล้วmood and tone มันเลยได้ เหมือนเพลง Up and Up ของcoldplay ที่เล่นปิดตอน stadium tour มันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกันเลย เป็นความรู้สึกที่ อิ่มเอมในใจพร้อมกลับไปเจอวันที่หนัก ๆ ในชีวิต)

    โดยรวมแล้วคือดีมากดีกว่าที่คาดหวังไว้อยู่เยอะมาก พอเราได้ตามอ่านเรื่องราวของบังทันตั้งแต่มาเล่นคอนเสิร์ตฟรีแจกบัตรฟรี จนมาถึงทุกวันนี้ที่เป็น The biggest Boy band in the world เราก็ยังทึ้งไม่หายในความพยายามของวงและความรักของแฟนคลับที่ยิ่งใหญ่แบบที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนทั้งเสียงกรี้ด ทั้งน้ำตา และทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตครั้งนี้มันกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำการดูคอนเสิร์ตที่เราคงไม่มีทางลืมแน่ๆ ในชีวิตนี้

    มานึกๆ แล้วProject ที่ทำมาก็ดูจะเป็นอะไรที่อธิบายความรักและความสัมพันธ์ของARMY กับบังทันได้ดีที่สุด

     

    “โล่งอกจังที่เป็นพวกเรา โล่งใจจังที่อยู่ด้วยกัน”
    “ดวงจันทร์ของกันและกันที่พึ่งพิงของกันและกัน”
     

    เหมือนเราทุกคนได้มาใช้เวลาร่วมกันเพื่อและรักษาบาดแผลที่เจอในชีวิตมาชาร์จพลังกับคนที่รักเรา

    สุดท้ายก็อยากบอกว่าแฟนคลับวงนี้โชคดีจริง ๆ ที่ได้ดูศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบเล่นคอนเสิร์ตระดับสเตเดี้ยมที่ไม่ใช่ทุกวงจะทำได้ ปีหน้าก็เตรียมเก็บเงินกันเลยเพราะทุกคนสปอยแรงมากSpeak yourself ก็คงต้องมาแล้วแหล่ะ

     รักมากเป็น Top 3 ของคอนเสิร์ตที่เราเคยไปมาทั้งชีวิตเลยเราคิดว่าเราโชคดีจริง ๆ ที่ได้รู้จักและฟังเพลงของบังทัน เราเข้าใจแล้วว่าทำไมดนตรีของพวกเขามันถึงช่วยปลอบประโลมคนได้มากมายปรัชญาพวกนั้นมันไม่ได้ถูกเอามาใช้เพื่อทำเพลงเพื่อคนฟัง แต่แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาก็ทำเพลงเพื่อhealing ตัวเองด้วยเหมือนกัน ความรู้สึกต่าง ๆ มันเลยดูrealและส่งออกมาถึงคนฟังได้มากมายขนาดนี้ 



    Commentเล็กน้อยสำหรับผู้จัด

    • การ์ดน้อยไปควบคุมคนให้นั่งแล้วไม่ไปเกาะรั้วไม่ได้ วันที่สองเลยวุ่นวายมาก สงสารคนที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้คงอารมณ์เสียไม่น้อย
    • ที่นั่งบนดอยบางที่เสาบังแต่ไม่บอกในเว็บขายบัตร
    • งงมากว่าที่นั่งดีๆ แทบไม่มีคนไทย ควรจริงจังเรื่องเอาบัตรไปขายต่อไม่ว่าผู้จัดคนไหนก็ตาม
    • แต่ภาพรวมก็ถือว่าดีมากๆ สำหรับสเกลระดับนี้ วุ่นวายน้อยกว่าที่คิด 

     


     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in