เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เล่าเรี่ยราดam_vv
My 2022
  • *เตือนไว้ ณ ตรงนี้เลยว่าถ้าแอ๋มเขียนอะไรใน Minimore = ยาวแน่ๆ 

    ปีที่ผ่านๆ มา จะเขียน reflect แต่ละปีเป็นโพสสั้นๆ ผ่านแคปชั่นใน Instagram แต่ปีนี้มันพิเศษ (แบบไม่ว้าวนะ5555) เลยอยากเขียนเล่ายาวๆ ให้อ่านเล่นๆ กัน  


    แอ๋มเปิดปี 2022 ด้วยการเริ่ม Weight Training จริงจัง จ้างเทรนเนอร์ออนไลน์ 4 เดือน ลงทุนซื้อ Dumbbell มาไว้ที่คอนโดแล้วออกกำลังตามโปรแกรมที่เทรนเนอร์จัด สลับกับซ้อมวิ่ง แล้วก็ประสบความสำเร็จ! ลดหุ่นได้จริง! กล้ามมาจริง! และไม่โยโย่! เป็นการเทรนที่เปลี่ยนสไตล์ออกกำลังกายเราไปเลย จากคนที่วิ่งอย่างเดียวก็มาชอบเวทเพิ่มด้วย ภาพรวมทั้งปีคือเวทเยอะกว่าวิ่งอีกอะ สตรองสุดๆ


    ไม่ใช่แค่หุ่นที่เปลี่ยน สีผมก็เปลี่ยนไปเยอะเพราะลองกัดสีผม (หลังจากปล่อยผมดำธรรมชาติมาตั้งแต่เรียนจบ) เริ่มทำสีช่วงพี่อ้อรับปริญญาด๊อกเตอร์ มช. จากย้อมบลอนด์เทาสว่างๆ ที่ตอนแรกไม่มั่นใจว่าจะออกมาเข้ากับเราไหม แต่ทำเสร็จแล้วโคตรชอบบบบบ เช็ทรูปรับปริญญาพี่อ้อแต่สีผมน้องเด่นมากเลย ตอนนั้นค้นพบว่าตัวเองเหมาะกับสีผมสว่างๆ เสื้อผ้าสีสดๆ มันทำให้ดูสดใสขึ้นเป็นกอง ธีมการแต่งตัวไปทำงานในปีนี้เลยมีแต่ชุดสีสว่างตามไปด้วย เดี๋ยวเปิดปี 2023 จะหาเรื่องทำสีผมใหม่อีกรอบ แม้ว่าผมจะเสียก็ตาม เพื่อความสวย เราสู้! 555555555


    กลับมาโม้เรื่องวิ่งในปี 2022 บ้าง


    ที่เริ่มเวทเพราะลง Full Marathon 42k ไว้ด้วยแหละ แอ๋มรู้ตัวว่าซ้อมวิ่งไม่ถึง 30k แน่ๆ เลยต้องตั้งใจเวทเพื่อเตรียมกล้ามขาให้พร้อมลงแข่ง ซึ่งพอวิ่งเสร็จแล้วไม่มีอาการบาดเจ็บอะไร ไม่เมื่อย ไม่ทะเลาะกับการเดิน ไม่ตีกับบันไดเลย ต้องขอบคุณที่ตัวเองตั้งใจเวทอย่างดี แถมจบฟูลแรกด้วยเวลา 5.05 ชม. ซึ่งถือว่าดีเลยแหละ เยี่ยม!


     ไม่ใช่แค่ลงฟูลแรกนะ ปี 2022 ก็ได้ซ้อมวิ่งขึ้น (และลง) ดอยสุเทพด้วย ซึ่งการวิ่งขึ้นมันท้าทายพลังขามาก เหนื่อย เมื่อย และนานกว่าวิ่งถนนเรียบหลายเท่า ขึ้นดอยระยะทางสิบโลนิดๆ (ถ้าวิ่งลงด้วยก็เท่ากับฮาล์ฟมาราธอน) แต่เหนื่อยพอๆ กับวิ่งฟูล แต่ก็ยังสนุกอยู่ดี ปีหน้า (ถ้ามีโอกาส) จะไปซ้อมวิ่งขึ้นดอยฝึกกำลังขาอีกเรื่อยๆ  นะ


    และตอนนี้ก็วิ่ง  10k Sub1 ได้แล้ว ทั้งทางเรียบและเนินๆ อีกไม่นานคงได้ Sub55 หรือ Sub50 ตามมา (มั้ง ถ้าไม่หมดไฟก่อน ...) แต่ก็ยังไม่ได้ 21k Sub2 เพราะงาน CMU ที่ตั้งใจจะทำซับสอง เค้าดันเปลี่ยนเส้นทางและเนินเยอะกว่าเดิม ทำเวลาไม่ได้เลย 555555555 ปีหน้าเอาใหม่นะ

    ที่เล่ามาเหมือนเป็นคนแข็งแรงตลอดปีเนอะ แต่ก็มาเดี้ยงตอนเดือนสุดท้ายเนี่ยแหละ เปิดต้นเดือนธันวาคมด้วยการท้องเสีย ไข้สูง เนื่องจากกระเพาะและลำไส้อักเสบ กลางเดือนก็โดนโควิดเล่นงาน ปลายเดือนหายจากโควิดแล้วก็จริง แต่ก็ยังไอและคัดจมูกอยู่เรื่อยๆ ไม่จบไม่สิ้น 

       

    เปลี่ยนมาเล่าเรื่องงานๆ มีสาระๆ กันบ้าง 


    ถ้าถามว่าปี 2022 แอ๋มประสบความสำเร็จด้านการงานยังไงบ้าง? ก็ต้องถามกลับว่านิยามคำว่าประสบความสำเร็จด้านการงานคืออะไร? 


    ถ้าหมายถึงเลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง อันนี้ไม่มี ไม่มีเลยเจ้าค่ะ 5555555 แต่ถ้าถามว่าแฮปปี้กับงานที่ทำในปี 2022 ไหม สารภาพว่าแฮปปี้แต่ก็ไม่สุดอะ เพราะจบโปรเจ็คนึงก็ดีใจไม่สุดเพราะมีอีกสิบที่รอคิวอยู่ แถมมีเรื่องให้อยากจะกรี๊ดได้ตลอด หัวหมุนใช้ได้เลยล่ะ 


    แต่โชคดีที่ปีนี้ได้รับโอกาสไปอบรมต่างประเทศ 2 ครั้ง (ที่เกาหลีกับสิงคโปร์) ได้ไอเดียดีๆ จากหลายประเทศแล้วกลับมายำกับ Thai context ต่อ แถมได้ไปวิ่งรอบเมืองสิงคโปร์ และดูคอน Super Show 9 ที่เกาหลีอีก! อย่างน้อยงานมันก็แฮปปี้ตรงช่วงนี้แหละ 55555555555


    เล่าเรื่องงานแค่นี้แหละ เยอะเกินไปเดี๋ยวไม่จบและจะกลายเป็นบ่นแทน ...



    ส่วนชีวิตด้านอื่นๆ ช่วง 3 เดือนแรกก็ยังปกติ ไม่ติดลบ ไม่ได้เปรี้ยงปร้าง ทุกอย่างปกติ จนกระทั่งหลังสงกรานต์ ...


    ที่ทำงานพี่อ้อ (คนที่เพิ่งจบด๊อกเตอร์และเพิ่งรับปริญญาใบที่สามไปเมื่อต้นปี) โทรมาบอกว่าพี่อ้อไม่พูดอะไรเลยซักคำ ดูเพลียๆ ทำงานไม่ค่อยไหว ถามอะไรก็ไม่ตอบ แม่โทรหาก็รับสายแต่ไม่คุยด้วย เช้าวันถัดมาแอ๋มเลยรีบบึ่งไปเชียงใหม่ พ่อกับแม่ก็ขับรถมาจากศรีสะเกษ ลากพี่อ้อที่อ่อนแรงไป ER 


    คุณหมอจับพี่อ้อเข้าเครื่อง CT Scan 


    เจอก้อนเนื้อขนาด 6 cm. ในสมอง และมันกำลังกดทับสมองส่วนที่ควบคุมการพูดอยู่     


    ณ ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าน้องก้อนคืออะไรกันแน่ พี่อ้อเลยต้องนอนโรงพยาบาลที่วอร์ดศัลยกรรมประสาท ให้ยาลดสมองบวม รักษาตามอาการ จนได้คิวผ่าตัดเอาน้องก้อนออกในวันที่ 2 พ.ค. แต่ด้วยความที่น้องก้อนมีขอบเขตไม่เรียบเหมือนลูกชิ้นจัมโบ้ และอาศัยอยู่ในสมองซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญและบอบบางมากๆ การผ่าเอาน้องออก=เอาสมองออกไปด้วย คุณหมอเลยไม่สามารถเอาน้องก้อนออกทั้งหมดได้ แต่สุดท้ายคุณหมอก็ตัดเอาเศษน้องก้อนออกมามากพอที่จะทำให้พี่อ้อกลับมาสื่อสารและมีแรงมากขึ้นได้หลังผ่าตัด

       
    พี่อ้อไม่กลับมาเหมือนเดิม แต่การผ่าตัดครั้งนั้นสามารถรักษาคุณภาพชีวิตพี่อ้อได้เยอะเลย


    เศษน้องก้อนถูกเอาเข้าแล็ปเพื่อตรวจว่าพี่อ้อเป็นโรคอะไรกันแน่ ช่วงแรกๆ เห็นพี่อ้อกลับมาใช้ชีวิตได้มากขึ้น ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเนื้อร้ายอะไร แต่สุดท้ายหวยออกที่พี่อ้อเป็นมะเร็งสมอง Glioblastoma Multiforme Grade IV (ไม่ใช่มะเร็งส่วนอื่นแล้วลุกลามมาที่สมอง แต่เป็นมะเร็งที่สมอง) ซึ่งก้อนนี้เป็นมะเร็งสมองประเภทร้ายแรงมาก  ถึงขั้นที่ก้อนเนื้อที่ยังอยู่ในสมองสามารถโตกลับคืนมาได้อีก 


    น้องก้อนมันสู้!  


    พี่อ้อต้องสู้!


    พ่อ แม่ และแอ๋มก็ต้องสู้กว่า!


    โชคดีที่พ่อเกษียณแล้ว และแม่เหลือแค่เทอมสุดท้าย เลยได้สอนออนไลน์ก่อนเกษียณ พ่อกับแม่ต้องมาอยู่เชียงใหม่ดูแลพี่อ้อเต็มตัว ส่วนแอ๋มยังต้องทำงานรับใช้ประเทศ โชคดียัง WFH ในช่วงที่พี่อ้ออยู่รพ.บ่อยๆ เลยได้บินดอนเมือง - เชียงใหม่ - ดอนเมือง ไปๆ มาๆ ทุก 2-3 สัปดาห์ สลับกับไปอบรมแล้วก็ on-site ตจว. เป็นช่วงที่ชีพจรติดล้อรถและล้อเครื่องบินมากๆ ทุกอย่างของที่บ้านคือขึ้นกับอาการพี่อ้อในช่วงนั้นๆ เป็นหลัก แพลนล่วงหน้าไม่ได้เลย  แม่กับแอ๋มก็เทงานวิ่งไปหลายงานเพราะต้องอยู่ดูพี่อ้อ
         

    พี่อ้อต้องรักษาด้วยการฉายรังสีควบคู่กับทานยามุ่งเป้า (Temozolomide) ซึ่งช่วงเข้าคอร์สก็เจออุปสรรคเยอะมาก ทั้งแผลผ่าตัดอักเสบ ฉายรังสีแล้วสมองบวม อ้วกแล้วอ้วกอีก ร่างกายเพลียและซึมจนต้องแอดมิดอีกรอบ แต่พี่อ้อก็สู้จนจบคอร์สมาได้ 


    แต่หลังจบคอร์ส ร่างกายพี่อ้อก็ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยลงเรื่อยๆ พูดน้อยลง กินน้อยลง เพลียง่ายขึ้น แถมสิวขึ้นเยอะจนต้องรักษากับหมอผิวหนัง พอได้สแกนสมองอีกรอบก็เจอว่าน้องก้อนมันกลับมาขนาดเท่าเดิมแล้ว ... 


    ก้อนมันสู้ไง! การรักษาด้วยการฉายรังสีและทานยาเป็นแค่การชะลอการโตของน้องก้อน มันไม่สามารถทำให้หดหายไปได้เลย ซึ่งถ้าจะให้หายจากโรคมะเร็งสมองนี่ก็ต้องผ่าเอาก้อนออกให้หมด แบบนี้หายชัวร์ๆ ตอนที่สแกนสมองรอบสองหลังผ่าตัด คุณหมอก็ถามว่าจะผ่าตัดอีกรอบไหม เพราะก้อนมันโตกลับมาแล้ว แต่ผ่าเสร็จแล้วพี่อ้อก็อาจนอนนิ่งๆ ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเดิมหรืออาจจะเสียชีวิตไปเลย


    จริงๆ หมอก็พูดแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนผ่าตัดครั้งแรกแล้วแหละ 


    แต่ที่บ้านไม่ให้พี่อ้อผ่าตัดอีก เพราะไม่อยากเห็นพี่อ้อทรมาน ยังอยากเห็นพี่อ้อกินข้าวอยู่ ตอนนี้การรักษาก็เหลือแค่ทานยามุ่งเป้า ยากันชัก และยาอื่น ๆ ประคับประคองตามอาการกันต่อไป 


    ณ วันที่พิมพ์ พี่อ้อได้แต่นอนพักบนเตียงทั้งวัน ปวดหัว เพลีย ข้าวก็ไม่อยากกิน (แต่ต้องกินเพราะต้องกินยา)  ตาขวาลอย  ร่างกายไม่ค่อยมีแรง ต้องประคองตลอดเวลาลุกเดิน ตัวสั่นๆ เหมือนชักเบาๆ ตลอดเวลา 


    แอ๋มกูเกิ้ลอ่านเปเปอร์และบทความทางการแพทย์บ่อยมากว่า End of Life Signs, Final Weeks, Final Days ของโรคนี้มีอะไรบ้าง ซึ่งพี่อ้อเคยแสดงอาการแบบนั้นมาหมดแล้ว เหลือแค่ว่าวันนั้นจะมาเมื่อไหร่ ...  



    อย่าถามว่าที่บ้านร้องไห้ไปกี่รอบแล้ว เพราะไม่รู้ ไม่ได้นับ 555555555555555



    ปีนี้เลยเป็นปีที่ได้คุยเรื่องงานศพ การตายและความตายกับที่บ้านบ่อยมาก 


    ตอนที่พี่อ้อยังแฮปปี้และคุยไหว ได้ชวนให้พี่อ้อบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ให้ รพ.สวนดอก ซึ่งพี่อ้อโอเค พ่อกับแม่ก็โอเค เพราะที่บ้านผ่านการจัดงานศพมาหลายงานแล้วไม่สู้ 55555555 อยากให้วาระสุดท้ายผ่านไปอย่างเรียบง่ายและเป็นประโยชน์กับคนรอบข้างที่สุด แถมพี่อ้อก็จะได้เป็น "อาจารย์" อย่างที่อยากเป็น 


    เอาจริงๆ ต่อให้ไม่ได้เป็นอาจารย์ใหญ่ พี่อ้อก็ได้เป็นเคสให้คุณหมอหลายคนแล้วนะ :)       


    คุยแม้กระทั่งของใช้ต่างๆ จะเอาไปให้ใครต่อ เสื้อผ้าและของใช้ยังพอบริจาคต่อได้ แต่ CD เกาหลีของพี่อ้อที่มีโคตรเยอะ ถ้าเอาไปแจกเค้าจะรับมั้ย ....   


    แม่คุยด้วยบ่อยๆ ว่าบางทีคนที่ตุยเย่ไปก่อนอาจไม่ใช่พี่อ้อ จะเป็นพ่อ แม่ หรือแอ๋มก็ได้ ไม่มีใครรู้อนาคตเลย แอ๋มก็คุยเรื่องการการุณยฆาต จากไปอย่างสงบ หลับไปเลยไม่ต้องทรมาน แถมบอกให้แม่ทำพินัยกรรมไว้ จะได้ไม่ต้องยุ่งเรื่องเอกสารราชการมากมาย หลายบ้านไม่ค่อยชอบให้พูดเรื่องแนวนี้ แต่จริงๆ เตรียม(ใจ)ไว้มันไม่เสียหายนะ


    แอ๋มเป็นหญิงแท้ดูนางงาม ตอนกลางปีมีประกวด Miss Universe Thailand ซึ่งในวันเปิดตัวผู้เข้าประกวด มีรอบ Keyword ให้นิโคลีนพูดถึงคำว่า "ความตาย" ซึ่งนิโคลีนพูดประมาณว่า Death is a restart, it's a beginning of a new chapter. โหหหหหหหหหหหห ดีพ! ตอนที่ได้ยินมันทำให้แอ๋มคิดได้หลายอย่างเหมือนกันว่าเราไม่ควรเสียใจกับความตายนาน ให้เราคิดว่าความตายคือการเริ่มต้นใหม่ของคนที่ยังอยู่ ชีวิตเราต้องเดินต่อ คนที่เขาจากไปคงไม่อยากเห็นเราเสียใจนานหรอก 


    แปะคำตอบของนิโคลีนแบบเต็มๆ ในทวิตนี้นะ 




    เล่าเรื่องพี่อ้อเยอะจนเหมือน recap ปีของพี่อ้อ 5555555555 แต่การที่พี่อ้อเปื่อยก็ทำให้มุมมอง ภารกิจและแผนต่างๆ ของที่บ้านเปลี่ยนไปเยอะเลย ตอนนี้ทุกอย่างเป็น "พี่อ้อ-centric" อยู่กับพี่อ้อให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้แหละ 



    ช่วงก่อนพี่อ้อเข้ารพ. แอ๋มสอบ IELTS เขียน Essay เตรียมเอกสารสมัครเรียนต่อที่เยอรมัน (เลือกประเทศนี้เพราะเจอหลักสูตรเรียนฟรี5555) ยังไม่ได้กดส่งเพราะรอตรวจเอกสารบางตัวอีกนิดหน่อย พอพี่อ้อเข้ารพ. ก็คิดนะว่าจะเปลี่ยนใจไม่ยื่นสมัคร แต่ตอนนั้นก็ตัดสินใจกดสมัครไป เพราะเตรียมทุกอย่างพร้อมมากแล้ว และอยากรู้ว่าเราจะทำได้ไหม อยากพิสูจน์ตัวเองว่าเราเก่งไหม ได้หรือไม่ได้ก็ค่อยว่ากันอีกที


    หลังจากที่ส่งใบสมัครได้แค่ 2 วีคก็มีอีเมล์ตอบกลับมาว่าได้ Offer 


    เชี่ย เก่งเหมือนกันนะเรา .... 


    ตอนนั้นรู้แล้วว่าพี่อ้อเป็นมะเร็งสมอง เลยต้องปฏิเสธ Offer ที่ TUM ขอเลื่อนไปเรียนในปีที่พร้อมทุกอย่างจริงๆ แล้วเปลี่ยนมาเรียนภาษาเยอรมันรอเวลาแทน ถ้าพี่อ้อไม่เป็นอะไร มันคงดันให้ไปแหละ (มั้ง) แต่พอหลังผ่าตัดมาก็ลองถามว่าให้น้องไปไหม ก็ตอบว่ายังไม่ให้ไป ให้เลื่อน แหน่ะ ...



    จังหวะชีวิตอะนะ :3




    ถ้าจะให้นิยาม 1 คำ สำหรับปี 2022 ของแอ๋ม คำแรกที่แว๊บมาในหัวคือ Rollercoaster (รถไฟเหาะ) มันมีจุดให้พลิกผัน ขึ้นฟ้า มุดลงดิน เปลี่ยนแปลงได้ตลอดจริงๆ วางแผนมาดีแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วมันก็กลับมากำหนดที่การตัดสินใจ ณ ตอนนั้น ภายใต้สิ่งแวดล้อมและตัวเราในช่วงนั้นอยู่ดี  



    New Year's Resolution ก็ยังไม่ได้คิดจริงจังนะ 55555 เอาเป็นว่าจะทำตัวเองให้สวยและสดใสขึ้น และจะใช้ชีวิตในปี 2023 ให้เต็มที่ในทุกอย่างที่เลือกทำ  



    (และจะพยายามเก็บเงินให้ได้สักที 555555555555555555555555)




    บ๊ายบายปีแห่งการสู้ชีวิตและชีวิตสู้กลับ เย่! 

     
     
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in