คราวนี้จะมาเขียนชีวิตภาพรวมของปี 2018 ที่ผ่านมา ว่าเออเนี่ยจะอะไรมาบ้าง เพื่อเป็นการระลึกระทึก หรืออะไรก็ตามแต่ ฮ่าๆๆ 

วันนี้เลยจะมาเขียนถึงเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญและใหญ่ในชีวิตแล้วกันนะ

เรื่องแรกเลยก็คือช่วงต้นปี ว้าวุ่นวุ่นวายใจมากๆ เกี่ยวกับเรื่องการผ่าตัดขากรรไกร นั่งอ่านรีวิว การเตรียมตัวตลอด เกือบทุกวัน ทุกครั้งที่ว่างได้ อย่างว่าอะเนอะ การผ่าตัดครั้งใหญ่ และเป็นการเปลื่ยนชีวิตเราไปแบบตลอดไป ฮ่าาาาาาา อ่านแล้วแบบอะไรจะขนาดนั้นวะมึงงงงง แต่จริงๆเชื่อเราเถอะว่า มันยิ่งใหญ่สำหรับเราจริงๆ ความกังวลตั้งแต่ในเรื่องค่าใช้จ่าย สุขภาพต่างๆ คือเราไม่สามารถป่วยได้เลย ซึ่งเป็นอะไรที่เราควบคุมยากมากๆ คนมันจะป่วยอะมันไม่มี sign อะไรบอกหรอก และมันก็ผ่านมาได้ทั้งหมดด้วยดี ใช้เวลาฟื้นตัวเร็วมาก ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่มีความสุขมากเรื่องนึงของ2018เลย 

เรื่องที่สองน่าจะเป็นเรื่องของการเปลื่ยนงาน ..

อันนี้ยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าค่อนข้างใหญ่สำหรับเรา เหมือนแบบจะดีก็ไม่ดี จะแย่ก็คงจะแย่ก็ได้ เริ่มจากช่วงครึ่งปีหลังเนี่ย เราได้หมดสัญญากับที่ทำงานที่นึง แล้วเราตัดสินใจเองที่จะไม่ต่อสัญญากับทางบริษัท ด้วยเหตุผลบางประการ ในเรื่องของความมั่นคง และสวัสดิการต่างๆ เลยเป็นเหตุผลสำคัญที่เราตัดสินใจไม่ต่อสัญญา และเดินหน้าหางานใหม่ ..

แต่จะว่าไปชีวิตคนเราก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนี่หน่า อุปสรรคมันกำลังจะมาก็ตอนที่เปลื่ยนงานนั้นหละ เอาจริงๆเรามีความรู้สึกแบบการหางานก็เหมือนการหาแฟน ใครเล่าจะไปรู้ละว่างานนี้ที่เรารู้สึกถูกใจ รู้สึกเออมันน่าทำจังเลย น่าจะเหมาะกับเรา แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ 

ที่แรกหลังจากที่เราหมดสัญญาไป เราไปทำบริษัท Startup ที่นึง ที่นี่ขายความชิวแบบสุดฤทธิ์ ความเข้างานบ่าย แต่งตัวอะไรมาทำก็ได้ ทำงานนอกออฟฟิศก็ยังได้ บลาๆ แต่พอเอาเข้าใจ มันไม่ได้สวยงามแบบนั้น งานที่มาพร้อมกับการกดดันเรื่ิองยอด ก็นะ เรามันฝ่ายขายอะ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว เพราะว่าทำไม่ได้ และเงินเดือนที่ไม่มีค่าคอมนั้นไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ ทำเราเครียดมาก เราก็มีหนี้ มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย (ทางบริษัทตอนนั้นไม่ได้แจ้งเราให้เคลียร์เรื่องของฐานเงินเดือนด้วยซ้ำ มันจึงกลายเป็นกับดักนึงที่ทำให้เราตัดสินใจพลาดไปทำงานที่นี่) สุดท้ายเราเองก็รับสภาพในเรื่องของเงินเดือนไม่ได้ เลยวางแผนจะลาออก แล้วก็ดันประจวบเหมาะกับการที่ได้ไปสัมภาษณ์งานทีที่สอง ที่นี่เราได้สัมภาษณ์กับผู้ชายชาวอเมริกา ซึ่งเขาเป็น Partner ของบริษัทนี้ บอกเลยว่าเราค่อนข้าง impressมากๆ กับการที่จะได้ร่วมงานกับชาวต่างชาติ เราไม่ลังเลใจเลยที่จะไปสัมภาษณ์ ไม่อยากปิดกั้นโอกาสตัวเอง และอยากที่จะพัฒนาภาษาและโอกาสในสายงานอาชีพ และก็ใช่แล้ว เราจึงตัดสินร่วมงานกับเขาโดยไม่ลังเล พร้อมออกจากบริษัท Startup แห่งนั้นแบบฟ้าผ่า ...

และแล้วก็ถึงวันที่ได้เริ่มงานที่ที่สองซักที ..

ไฟลุกโชนมาก โอโหดีจัง ทำไมมันอบอุ่นแบบนี้นะ แบบดีจังเลย ได้ใช้ความรู้เรื่องที่เล่าเรียนมา(บ้าง)

และได้ออกนอกสถานที่ ออกไปตามหาวัตถุดิบการผลิต ได้คุยกับคนมากหน้าหลายตา ทั้งดีและไม่ดี ได้รับคำชมนู้นนี่นั้น แต่มันก็เหมือนลูกอมรสหวานซ้อนเปรี้ยวเมื่อความหวานเริ่มหมด ความเปรี้ยวก็เข้ามาแทรกแซง .. พอเริ่มมีความคิดที่ต่าง เริ่มไม่ลงรอย เจ้านายเริ่มไม่ค่อยถูกใจ ก็กลายเป็นเจ้าหมาหัวเน่าดีๆนี่หละ ทำอะไรก็ผิด คอยจับผิด คอยหาเรื่องว่า ฯลฯ สิ่งที่เราทำ เจตนาคืออยากพัฒนา อยากใช้ความสามารถที่มีทำให้มันเกิดผลที่สุด แต่ก็ต้องโดนเบรคเพราะแค่คำว่า ไม่ถูกใจ ฉันไม่ชอบความคิดของคุณ ฉันคิดว่าทางที่ฉันคือดีที่สุด หรือ แม้แต่บางงานที่ผ่านแล้ว เจ้านายบางทีเกิดอยากจะเปลื่ยนใจ ก็เปลื่ยนกันกลางอากาศแบบดื้อๆ เหอะๆ ซึ่งตั้งแต่เราทำงานมา ไม่เคยมีปัญหาแบบนี้เลย มาเกิดขึ้นที่นี่นี่หละ เหนื่อยใจทุกวัน ไร้แรงจูงใจที่จะลุกจากเตียงออกไปทำงานจริงๆ ..

และแล้วเวลามันก็ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ ช่วงปลายปี ฟิวส์นี่ขาดไปไม่รู้กี่รอบ เหนื่อยกับการทำงานแบบนี้ กับเจ้านายแบบนี้ เพื่อนร่วมงานไม่มีปัญหานะ ปัญหาคือเจ้านาย จบเลย จอดเลย เปิดJOBDB ด่วนๆค่ะ ลาก่อน คงอยู่ร่วมกันกับวัฒนธรรมองค์กรแบบนี้ไม่ได้จริงๆ 

หากจะขอพรได้ซักข้อ ตอนนี้ก็อยากขอให้เราได้งานใหม่เร็วๆ ขอให้ที่ที่เราไปสัมภาษณ์ติดต่อกลับมาเร็วๆ เรื่องงานในปี 2018 สำหรับเราถือว่าเป็นเรื่องที่หนักและเหนื่อยมากจริงๆ ยกเป็นเรื่องใหญ่ประจำปียังได้ และขอให้2019ดีกับเรามากๆ เราเองก็ไม่ได้อยากจะเปลื่ยนงานบ่อย เราอยากจะได้ทำงานในที่ที่สบายใจ แค่นั้นจริงๆ ..

ในเรื่องความรักปีนี้ก็นะ ไม่ค่อยพีคเท่าไหร่ เสียใจบ้าง ดีใจบ้าง ไม่พีคเท่าเรื่องงาน เลยไม่รู้จะเขียนอะไรเกี่ยวกับความรักในปีนี้ ฮ่าๆๆๆ

อีกไม่กี่วันก็จะ 2019 แล้ว ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา ขอให้เป็นปีที่ดีของเราจริงๆซักทีนะ 

สวัสดีนะจ้ะ 2019 <3