เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
LizladaficLizlada
[Fic] Heaven in Hiding | Part 2.
  • Heaven in Hiding 
    Jack L. & Tom GC. 
    Part 1. | Part 2.



    ปลายดินสอจรดวาดด้วยลายเส้นพลิ้วไหวเสมือนจริง ภาพเขียนค่อยๆ ถูกรังสรรค์ทีนะนิดโดยที่คนเป็นแบบไม่รู้สึกตัว เด็กหนุ่มของเจ้าเรือนเส้นผมสีทองยังคงนิทราสนิทอยู่บนผืนเตียงกว้าง ร่างเปลือยเปล่านั้นมีเพียงผืนผ้าแพรคลุมกาย แพรสีขาวพาดผ่านปกปิดส่วนสำคัญทว่ามันหมิ่นเหม่ชวนให้ใจหวิวทุกครายามที่เจ้าตัวละเมอขยับกายหามุมสบาย

    ชายหนุ่มยิ้มพึงใจกับภาพเขียนที่เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ไม่ใช่ทุกครั้งที่เจ้าเด็กคนนี้จะยอมอยู่นิ่งให้เขาได้ใช้เป็นแบบ คงจะมีเพียงหนนี้...เมื่อครั้นหลังจากพวกเขาผ่านการเสพสังวาสจนเด็กน้อยหมดเรี่ยวแรง

    “คุณวาดรูปผมหรอ?” ดวงตาสีฟ้าปรือปรอยมองเขา ท่าทีงัวเงียคล้ายลูกแมว

    “ใช่”

    “ขอดูได้ไหม? หวังว่าจะไม่วาดผมขี้เหร่นะ” ร่างเล็กมุ่ยปากเมื่อเห็นเขาส่งสายตาบอกว่ายังไม่อนุญาตให้ดู เด็กหนุ่มนอนนิ่งอยู่เช่นนั้นก่อนจะระบายยิ้มมุมปาก แววตาซ่อนบางสิ่งในใจ จากนั้นเรียวขาจึงค่อยๆ ขยับบิดขี้เกียจจนผ้าแพรร่นลงจากพื้นที่สำคัญเผยให้เห็นส่วนเว้าโค้งของสะโพก ผิวพรรณละเอียดเด่นกระจ่างตาโดยไม่มีสิ่งใดขวางกั้น

    เขาถอนหายใจหนักๆ เฮือกหนึ่ง
    ไม่มีใครเคยคาดเดาได้ว่าเด็กตาฟ้านึกกระทำสิ่งใด จะว่าไร้เดียงสาก็ไม่ใช่ เพราะเด็กนี่รู้กลวิธีร้อยเล่ห์สารพัด 

    เรียกร้อง...เอาแต่ใจ และใคร่ปรารถนา

    ชายหนุ่มหยุดมือที่กำลังสร้างงานศิลปะ แม้เขาจะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ริมหน้าต่าง ห่างกันประมาณสองสามก้าวก็ยังสัมผัสได้ถึงท่าทางชวนเชิญเหลือคณา ดวงตาสีฟ้าสดตรึงเขาไว้ราวกับร่ายมนตร์ เขาเฝ้ามองว่าเด็กน้อยจะเรียกร้องความสนใจเช่นไรจึงยังคงนั่งไขว่ห้าง กอดอกมองตอบด้วยสายตาราบเรียบ ผลคือเจ้าตัวพรายยิ้มพลางลากเลื่อนฝ่ามือตนเองต่ำลง... กระทั่งหยุดลงตรงจุดที่เขาเพิ่งจะมอบความสุขให้ไปหมาดๆ ร่องรอยคราบรักยังไม่ได้ถูกชำระซึ่งมันง่ายต่อการเริ่มต้นใหม่ เรียวนิ้วเคลื่อนสู่ช่องทางนั้น กดเข้าพร้อมกับการที่สะโพกกลมกลึงโก้งโค้ง เสียงครางแผ่วเร้าประสาทสัมผัสภายในกายเขาให้ลุกโชนอีกครั้ง

    เขาอยากจะอดทนให้มากกว่านี้ ทว่าอิริยาบถยั่วเย้าเช่นนั้นไม่ง่ายเลยที่จะเพิกเฉย ท้ายที่สุดร่างสูงจึงผุดลุกจากเก้าอี้ พาตนเองไปยังเตียงกว้าง โน้มกายแนบแผ่นหลังเปลือย ผ่อนลมหายใจอุ่นร้อนไปตามเนินท้ายทอยผ่อง แตะริมฝีปากสัมผัสกลิ่นหอมละมุนจากเรือนกายที่มักทำให้เขาคลั่งเป็นสัตว์ป่าเสมอ ตั้งใจจับข้อมือเล็กนั้นเพื่อให้หยุดทุกการเคลื่อนไหวเพราะเขาเองจะรับหน้าที่ต่อ เด็กผมทองว่าง่ายเมื่อยามอยู่ใต้อาณัติ นิ้วยาวสอดเข้าสำรวจปรนเปรอ แทรกลึกหาจุดกระสันสวาท น้ำเสียงหวีดหวิวบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าเขาไม่เคยขาดตกบกพร่อง

    “อย่าไปหว่านเสน่ห์แบบนี้กับใครล่ะ” เสียงเข้มกระซิบริมหู

    “ไม่แน่นอน...ท่านลอร์ดลาวเดน




    ร้อน...
    ทำไมสก็อตแลนด์ถึงอากาศร้อนนักนะ 

    เจ้าหน้าที่หนุ่มนึกสบถครั้นลืมตาตื่นขึ้นมาในยามสาย เหงื่อผุดขึ้นตามไรผม อันที่จริงคงต้องบอกว่าเขาไม่เคยเหงื่อออกเยอะขนาดนี้เลยต่างหาก ทอมรู้สึกปวดขมับทว่าเขานั้นกำลังมึนงงกับภาพความฝันเมื่อครู่มากกว่า เขาล่ะอยากจะบ้าตาย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะลามกได้ขนาดนั้นจนฝันเห็นภาพตัวเองร่วมรักกับคนที่เขาเรียกว่า ท่านลอร์ดลาวเดน

    แม้ภาพความฝันมันจะพร่ามัวและเลือนราง แต่ใบหน้าของชายหนุ่มช่างละม้ายคล้าย แจ็ค ลาวเดนยิ่งกว่าอะไร หากแต่คนในฝันมีหนวดเคราตามอย่างผู้ชายสมัยก่อน

    ทอมหยัดตัวนั่งบนเตียง ขยี้เส้นผมตนให้ยุ่งเหยิงหวังจะขจัดภาพความฝันบ้าบอนั้นทิ้งไปเสีย แต่ไม่เป็นผล เขาหลับตาภาพดังกล่าวยังคงฉายวนเวียน มิหนำซ้ำมันกำลังทำให้ร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ คิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งไปยังห้องน้ำ บางทีการอาบน้ำเย็นๆ คงช่วยอะไรได้บ้าง...

    หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ทอมวางแผนว่าวันนี้จะเข้าไปที่สถานีตำรวจเช่นเดิมเพื่อพูดคุยเรื่องคดีกับสารวัตรดาร์ซี่ อีกทั้งเขาได้แจ้งกับสารวัตรเรื่องขอไปดูสภาพศพของเหยื่อที่โรงพยาบาล และหากมีเวลาพอเขาอยากจะไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับญาติของเหยื่อทุกรายด้วย สิ่งที่น่าแปลกในคดีเนื่องจากเหยื่อทุกคนต่างเคยเข้าไปเป็นคนงานในคฤหาสน์ลาวเดน ด้วยต่างวาระและหน้าที่ กระนั้นเหยื่อสี่รายกลับมีจุดจบเดียวกัน หลักฐานทั้งหมดเกือบจะชี้ไปที่แจ็ค ลาวเดน แต่เพราะเขาไม่เคยอยู่ที่นี่ในเวลาเกินเหตุ ไม่มีใครพบเขา...ไม่มีพยาน ไม่มีใครทราบว่าศพไปโผล่หน้าคฤหาสน์ทุกรายได้อย่างไร สาเหตุการตายที่ขัดแย้ง และข่าวลือตำนานต่างๆ คดีนี้จึงกลายเป็นคดีชวนฉงนไปเสียได้

    ก่อนไปสถานีตำรวจ ทอมแวะร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของอพาร์ทเม้นท์ เจ้าของร้านเป็นลุงวัยกลางคน ดูกระฉับกระเฉง ช่างพูดจา ทันทีที่พบหน้าเขา ชายผู้นั้นก็เอ่ยทักทอมเสียงดังฟังชัดเสียจนลูกค้ารายอื่นหันมาสนใจเป็นตาเดียว

    “สวัสดียามสายเจ้าหน้าที่คาร์นีย์”

    “อ่า สวัสดีครับมิสเตอร์บรานาห์” ทอมจับจองที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์

    “เรียกผมว่าลุงเคนเนธเถอะ ผมไม่ชอบอะไรทางการ มาร้านกาแฟก็ต้องสบายๆ กันหน่อย” เจ้าของร้านกาแฟวัยเก๋าว่ากลั้วหัวเราะ “แล้วจะสั่งอะไรล่ะ?”

    “ขอเป็นอเมริกาโน่เย็นครับ วันนี้อยากทำงานให้เต็มที่หน่อย” ทอมยิ้มตอบไมตรีขณะที่ลุงเคนเนธเลื่อนจานที่บรรจุคุกกี้ประมาณสองสามชิ้นให้เขาเป็นอภินันทนาการ

    “ก็ต้องสู้หน่อยทำคดีนี้น่ะ...คนที่แล้วเขาดูเครียดเชียว”

    “พอจะเข้าใจแล้วล่ะครับว่าทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนให้ผมมาทำคดีแทน” วินาทีนี้เขาเข้าใจแจ่มแจ้งทีเดียว หลักฐานอันน้อยนิดแทบจะไม่มีผลทางคดีเลยด้วยซ้ำ ร้ายไปกว่านั้นหากเกิดคดีที่ห้า ถ้าทอมไม่สามารถสืบหาคนร้ายตัวจริงได้อย่างที่เคยหมายมั่นปั้นมือก่อนเดินทางมาสก็อตแลนด์ เขาคงขอลาออกให้มันจบๆ เรื่องไปเสียดีกว่า

    “ได้พบกับเจ้าของคฤหาสน์ลาวเดนหรือยัง?” ลุงเคนเนธเริ่มบทสนทนา ถึงจะง่วนอยู่กับการชงกาแฟไปด้วย

    “อ่อ ไปพบมาแล้วครับ เมื่อวานนี้...”

    “เอาเรื่องใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ คนแถวนี้พูดกันหนาหู”

    “ประมาณนั้นแหละครับ” ทอมพยักหน้ารับคำนั้นโดยไม่นึกขัดข้อง จริงอย่างที่ลุงเคนเนธว่า แจ็ค ลาวเดนดูปลีกวิเวกจากคนในตัวเมือง แถมไม่คิดจะสุงสิงกับใคร คิดอีกแง่อาจเพราะเจ้าตัวเป็นนักธุรกิจ นิสัยพื้นฐานตามแบบฉบับคนรวยจึงไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร

    “ความจริง คนตระกูลนี้หยิ่งผยองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

    “จะว่าไปที่บอกว่าคฤหาสน์นั้นมีตำนาน มันคืออะไรหรือครับ ผมหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตมันไม่ค่อยละเอียดเท่าไหร่ ถ้าได้ฟังจากคนท้องถิ่นน่าจะได้ข้อมูลเยอะกว่า” ทอมเอ่ยถาม แน่นอนว่าเป็นอย่างที่คาด ลุงเคนเนธยื่นแก้วกาแฟให้เขาพร้อมกับวางมือจากทุกสิ่ง เลื่อนเก้าอี้ตัวสูงมานั่งฝั่งตรงข้ามในทันที เจ้าหน้าที่พิเศษนึกขำในความกระตือรือร้นจากชายกลางคนที่มีต่อคำถามของเขา ทอมหยิบสมุดเล่มเล็กและปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตเพื่อเตรียมรอจดข้อมูลน่าสนใจ

    “มันเป็นตำนานที่เล่ากันมารุ่นสู่รุ่น ว่ากันว่าตระกูลลาวเดนเป็นตระกูลต้องสาป ทายาทคนใดที่ได้ครอบครองคฤหาสน์ลาวเดนล้วนแต่ต้องกลายเป็นอสูรร้าย

    “อะไรนะครับ อสูรร้าย?” ทอมทวนคำพูดนั้นของลุงเคนเนธ พลางเสียงแว่วในหูที่เขาได้ยินเมื่อวานก็เล่นซ้ำให้ขนลุก

    ‘ไปให้ไกล...จากอสูรร้าย’
    สงสัยเขาคงเจอดีเข้าให้แล้ว!

    “ก็ไม่รู้หรอกนะว่าอสูรที่ว่าเป็นยังไง แต่คนที่อ้างว่าเคยเห็นบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเหมือนสิงโตไม่ก็หมีที่รูปร่างผสมปนเปจนอัปลักษณ์น่ากลัว กรงเล็บขนาดใหญ่ บ้างก็บอกว่ามีเขา ตามตำนานบอกว่าผู้ต้องสาปจะมีรูปร่างเป็นชายหนุ่มสามัญทั่วไปในตอนกลางวัน แต่หากพ้นเที่ยงคืนไปแล้วจะกลายเป็นอสูร แต่วันใดที่พระจันทร์เต็มดวง เขาจะกลายร่างเป็นอสูรตลอดทั้งวัน และเอาแต่หลบซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์ โชคดีนิดหน่อยที่วันไหนเป็นคืนเดือนมืดเขาจะไม่กลายร่าง”

    “นี่มันเหลือเชื่อสุดๆ ไปเลย” ทอมพึมพำ ถึงอย่างนั้นก็ยังตั้งใจฟังต่อ

    “ตามตำนานบอกว่าเขาถูกสาปเพราะนอกใจภรรยาตนเอง มันจะจบลงแค่การเลิกราหากเธอคนนั้นเป็นมนุษย์ธรรมดา ลือกันว่าเธอเป็นแม่มดน่ะสิ ความจริงจะโทษเธอคนเดียวคงไม่ได้ ท่านลอร์ดลาวเดนเป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไป เขาอาจได้รับคำสาปแช่งจากคนกลุ่มอื่นเพราะความโหดเหี้ยมเห็นแก่ตัวของเขาก็เป็นได้”

    เจ้าหน้าที่คาร์นีย์หยุดมือที่กำลังจดข้อมูลเพียงเพราะสะดุดหูกับชื่อในบทสนทนา

    ท่านลอร์ดลาวเดน 

    หากเป็นคนคนเดียวกับที่ทอมเพิ่งจะฝันถึงละก็... เขาคงกำลังโดนผีคฤหาสน์ลาวเดนตามหลอกหลอนอยู่แน่ๆ

    “แล้วท่านลอร์ดลาวเดนเขาไปทำอะไรให้คนอื่นเกลียดชังหรือครับ”

    “ก็พื้นที่ที่ใช้สร้างคฤหาสน์นั่นแหละ เขาไปแย่งชิงมาจากตระกูลบาร์นาร์ด พื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ทำกินของชาวบ้านเลยล่ะ แถมยังสั่งฆ่าเจ้าของที่และนำลูกสาวคนเดียวของตระกูลบาร์นาร์ดมาเป็นภรรยา”

    “โอ้โห... เลวสุดยอดไปเลย โดนคำสาปยังน้อยไปนะเนี่ย” เผลอออกความคิดเห็นออกไปเสียงดังจนลุงเคนเนธหัวเราะตามหลัง ทอมยิ้มเผล่เมื่อพบว่าเขาที่ทำงานเป็นถึงเจ้าหน้าที่พิเศษ มีหน้าที่สืบคดีฆาตกรรมแต่กลับอยากรู้เรื่องตำนานเล่าขานที่ไม่อาจพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ กระนั้นทอมก็ยังอุตส่าห์จดชื่อใหม่ที่เขาได้ยินจากเรื่องราวเมื่อครู่ลงในสมุด

    ตระกูลบาร์นาร์ด

    “แล้วตระกูลบาร์บาร์ดล่ะครับ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง มีทายาทสืบทอดหรือเปล่า”

    “มีสิ... อนายริน บาร์นาร์ด เจ้าของโรงแรมห้าดาวที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากนี้เอง เขาเองก็เป็นนักธุรกิจร่ำรวยเงินทองไม่แพ้แจ็ค ลาวเดนเหมือนกัน”





    โรงแรมชื่อดังที่ได้รับขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่าคือสวรรค์บนเนินเขาสก็อตแลนด์และหลายคนต่างมุ่งหน้ามาเพื่อเข้าพักคงมีเพียงโรงแรมบาร์นาร์ด สถาปัตยกรรมร่วมสมัยตั้งตระหง่านกลางเมือง ภายในตกแต่งได้อย่างหรูหรา ให้ความรู้สึกราวกับหลุดเข้าไปในอดีตแต่แฝงไปด้วยความทันสมัยไม่แพ้กัน ผู้บริหารของที่นี่เป็นนักธุรกิจอายุสามสิบต้นทว่ากลับมีใบหน้าบุคลิกสง่างามดั้งผู้ดีเก่า

    “วันนี้มีตารางนัดไหมครับ?” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยถามเลขาสาวหน้าห้อง เธอยิ้มตอบพลางตรวจสอบตารางนัดหมายของเจ้านายหนุ่ม

    “มีค่ะคุณอนายริน แต่เป็นช่วงบ่ายนะคะ สัมภาษณ์นิตยสารในคอลัมน์นักธุรกิจดาวเด่นประจำเดือนค่ะ”

    “ขอบคุณครับ” เขาพยักหน้ารับพลางเปิดประตูห้องทำงานที่มีสุนัขหมาป่าตัวโตนอนหมอบรอเจ้านายอยู่ก่อนแล้ว ใครหลายคนคงตกใจเป็นแน่หากรู้ว่าเขาเลี้ยงสุนัขหมาป่าไว้ในทำงาน แต่แท้จริงแล้วมันเชื่องและพิเศษยิ่งกว่าสุนัขหมาป่าทั่วไป จนเรียกได้ว่าเป็นคนรู้ใจอันดับหนึ่งของเขา อนายรินทิ้งกายนั่งลงที่เก้าอี้บุหนังหลังโต๊ะทำงาน รอให้เจ้าตัวดีเดินมาหาเขา มันเอาศีรษะซุกตรงตัก ออดอ้อนออเซาะได้อย่างน่ามันเขี้ยว

    “แบร์รี่...”

    ครั้นเอ่ยชื่อ จากสุนัขหมาป่าตัวโตกลับกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มเรือนผมสีดำขลับ อนายรินเผยยิ้มบางเมื่อแบร์รี่ยังคงซุกหน้าอยู่ที่ตักเขาตามเดิม สันจมูกโด่งถูไถไปมาผ่านเสื้อสูท

    “นี่...พอได้แล้ว”

    “ตัวหอมจังเลย” คนอ่อนวัยกว่าไม่ยอมหยุดหยอกเย้า มือข้างหนึ่งไต่ไล่ไปตามแนวสะโพกร้อนถึงเจ้าของต้องคว้าข้อมือเข้าให้

    “มากไปแล้ว”

    “ก็ได้...” แบร์รี่ยอมละความพยายามแต่โดยดี เด็กตัวสูงลุกขึ้นจากพื้นพรม เดินอ้อมมาพิงกายที่ขอบโต๊ะทำงาน นัยน์ตาหมาป่าไม่แม้จะมอดดับไฟ ทั้งยังจงใจจ้องกันให้ทราบถึงจุดประสงค์ลึกๆ อนายรินถอนหายใจนิดพลางเท้าคางมองอีกฝ่ายกลับบ้าง

    “ถ้ารู้ว่าพอเป็นคนจะซนขนาดนี้ ปล่อยให้เป็นเจ้าลูกหมาต่อไปดีกว่า”

    “โธ่...ไม่เอานะครับ” เป็นฝ่ายแบร์รี่ที่ยอมแพ้ ไหล่ลู่ตกราวกับคำขู่ของเขาจะเป็นจริง

    “พูดเล่นหน่า”

    “ใครจะรู้ล่ะ บางทีคุณก็น่ากลัวเหมือนกัน”

    อนายรินเผยยิ้มในแบบที่เขามักเยาะเย้ยตนเองเสียมากกว่าสมเพชใครอื่น

    “มีแค่เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะได้รับสิ่งที่สาสม”





    ทอมไม่เคยรู้สึกว่าการทำงานภาคสนามหนักหนาสาหัสขนาดนี้จนเขาได้มาสัมผัสด้วยตนเอง ชายหนุ่มเดินทางไปพบกับญาติของเหยื่อในคดีจนครบทุกคนแล้ว และข้อมูลที่ได้ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร มวนบุหรี่ในมือหมดไปเกือบครึ่ง ควันสีจางลอยค้างในอากาศ เขายืนพิงหลังกับรถยนต์ทอดสายตามองร้านรวงภายในเมืองและดวงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำ ใกล้มืดแล้วเขาแทบไม่ได้สิ่งใดเพิ่มเติมนอกเสียจากตำนานเล่าขานตระกูลลาวเดนจากปากของลุงเคนเนธเท่านั้น

    “กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่งดังแทรกความเงียบสงบของเมือง ทอมหันขวับไปตามสายตาของใครหลายคน ปรากฏภาพของชายคนหนึ่งเดินโซซัดโซเซ เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือด ความจริงแล้วคงต้องบอกตามร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรอยบาดแผลฉกรรจ์เสียมากกว่า เขาพยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่เสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรง ท้ายที่สุดเขาล้มลงกับพื้นถนน...

    ทอมปรี่เข้าไปหาชายคนนั้น แม้จิตใจข้างใจจะร้อนรนเพียงใดเขาก็ยังมีสติพอจะโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล พยายามใช้มือกดแผลห้ามเลือดตามที่เคยฝึกอบรมมาเบื้องต้น

    “คุณจะไม่เป็นอะไรครับ หายใจไว้” เจ้าหน้าที่หนุ่มปลอบประโลม เขารู้ว่าโอกาสรอดของชายคนนี้น้อยนิดเมื่อประเมินจากบาดแผลเหวอะหวะเต็มตัว ร่องรอยเหมือนถูกสัตว์ใหญ่ทำร้าย ดวงตาของผู้บาดเจ็บเต็มไปด้วยอารมณ์อันหลากหลาย ทั้งหวาดกลัว ตื่นตระหนก และขวัญหนีดีฝ่อ ปากสั่นระริกราวกับต้องการสื่อสารบางอย่าง ทอมโน้มลงไปใกล้ เงี่ยหูฟังน้ำเสียงแหบพร่า

    “มันเป็นคำสาป... คำสาปของพวกลาวเดน...”

    สิ้นประโยคนั้น ดวงตาผวากลัวหรี่หลับ... แน่นิ่ง





    สายฝนโหมกระหน่ำเบื้องนอกทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าของพายุเลยสักนิด ชายหนุ่มจำต้องทิ้งเที่ยวบินสำหรับเดินทางกลับลอนดอนคืนนี้ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ แจ็ค ลาวเดนเดินวนกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานตามเดิม เอกสารมากมาย และงานที่ต้องกลับไปช่วยบิดาอาจล่าช้าออกไปอีก เขาถอนหายใจ เอนศีรษะเข้ากับพนักเก้าอี้ประจวบเหมาะกับที่เสียงเนิบเย็นของแม่บ้านหญิงชราเอ่ยเรียกเขา

    “มิสเตอร์ลาวเดน มีแขกมาขอพบค่ะ” แจ็คขมวดคิ้วยุ่ง ท่ามกลางพายุขนาดนี้ใครบ้าบิ่นฝ่าฝนออกมานอกตัวเมืองเพื่อมาพบเขากัน

    “ใคร?”

    “เจ้าหน้าที่คาร์นีย์” ชายหนุ่มแปลกใจ แต่เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าหน้าที่หนุ่มเรือนผมสีทองเดินทางมาพบเขาแม้จะต้องฝ่าพายุหนัก ร่างสูงพาตนเองออกจากห้องทำงาน มุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกชั้นล่าง

    แขกผู้มาเยือนนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก นิ่งและคงไว้ซึ่งมาดของเจ้าหน้าที่พิเศษ ร่างสันทัดสวมแจ็คเก็ตสีน้ำตาล โครงหน้าได้รูปน่ามองแต่กลับมีรอยเลือดเกรอะกรังเปรอะเล็กน้อย ทันทีที่ทราบว่าเจ้าของคฤหาสน์มาถึงห้องรับแขกแล้ว ทอม กลินน์ คาร์นีย์จึงไม่รีรอให้เขาได้เริ่มบทสนทนา

    “คนงานของคุณเสียชีวิตจากการโดนสัตว์ขนาดใหญ่ทำร้าย ไม่ทราบว่าคุณทราบเรื่องนี้หรือยัง” ว่ากันตามตรงแล้วแจ็คตกใจทีเดียวกับเรื่องที่อีกฝ่ายแจ้งให้ทราบ

    “คราวนี้เป็นใครล่ะ?”

    “โทนี่ เมดิสัน”

    “วันนี้เขาไม่ได้มาทำงาน เขาลาป่วย”

    “ครับ...” เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพวกเขา แจ็คสังเกตเห็นว่าเจ้าหน้าที่หนุ่มมีอาการตึงเครียดอยู่มาก ทั้งสีหน้า ไหนจะแววตาที่อ่อนล้า เขาเรียกแม่บ้านให้เธอเตรียมชามาต้อนรับแขก แต่ทอมกลับเอ่ยปฏิเสธเสียงเบา บอกว่าขอลากลับเอาตอนนี้ทั้งที่พูดคุยกันได้ไม่กี่ประโยค

    แจ็คไม่ห้าม ปล่อยให้อีกคนลุกขึ้น สายตาเขามองสลับระหว่างเจ้าของเรือนผมสีทองกับบรรยากาศเบื้องนอกที่พายุยังคงกระโชกแรง เขาได้แต่ประหลาดใจว่าคนคนนี้ขับรถฝ่าฝนมาถึงคฤหาสน์ลาวเดนรอดปลอดภัยได้อย่างไร เส้นทางใช่ว่าจะราบรื่น มันค่อนข้างอันตรายอยู่มากสำหรับผู้ที่ไม่ชินเส้นทาง

    เปรี้ยง!

    เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นยังผลให้ไฟฟ้าในตัวคฤหาสน์ดับมืด แจ็คได้ยินเสียงสบถหยาบจากเจ้าหน้าที่หนุ่ม ทอมตัวแข็งทื่อไม่แม้จะขยับเขยื้อน เขาเดาได้ว่าเจ้าตัวคงกำลังตกใจกับเสียงฟ้าผ่าและบรรยากาศวังเวงรอบกาย

    “ถ้าคุณกลับไปตอนนี้ คงได้ขับรถลงเหวซะก่อน”

    “นั่นเป็นคำอวยพรหรอครับ” น้ำเสียงนั้นแฝงนัยประชดประชัน ไฟสำรองในคฤหาสน์ทำงาน มันเป็นเพียงไฟสลัวสีส้มนวลที่ให้ความสว่างในบางจุด ชายหนุ่มรู้ว่าเขาไม่ควรยิ้มขำในสถานการณ์แบบนี้ แต่ใบหน้าคล้ายกับแมวกำลังหงุดหงิดแบบนั้นช่างไม่เหมาะกับมาดพยายามเคร่งขรึมของเจ้าหน้าที่พิเศษคาร์นีย์เอาเสียเลย

    “ดื่มชาสักแก้ว รอให้ฝนซาแล้วค่อยกลับก็ได้ ผมไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกนะ เจ้าหน้าที่คาร์นีย์”



    TBC
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in