เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyihtayaf
ไปสักการะพระพิฆเนศกันเถอะ
  • (เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)



         ย้อนกลับไปประมาณสองเดือนที่แล้ว  ตอนนั้นเราพึ่งจะสอบเข้าทำงานที่หนึ่งเสร็จใหม่ๆ  ซึ่งเป็นช่วงที่เรารู้สึกว่า  เราอยากทำบุญ  อยากหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้แก่ตนเอง

         ...แต่เรายังคงนึกไม่ออกว่า  ควรไปที่ใดดี


         จนกระทั่งเราได้ชมรายการ  ไลน์กนก  ซึ่งพาไปสักการะพระพิฆเนศตามสถานที่ต่างๆ  ด้วยเชื่อกันว่า  พระพิฆเนศเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ


         "พระพิฆเนศงั้นรึ"  เราได้แต่นึกในใจ  แต่ถึงกระนั้น  เราก็ได้ตัดสินใจว่า  จะลองไปสักการะพระพิฆเนศดู




         เราจึงเลือกพระพิฆเนศซึ่งประดิษฐ์สถานอยู่ ณ ถิ่นที่เราไปได้สะดวก  นั่นคือ  ตรงหัวมุมถนนของย่านห้วยขวาง..

          ...ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานที่เราทำอยู่ในตอนนั้น


         แล้วเราก็ไปสักการะพระพิฆเนศในวันธรรมดาวันหนึ่งหลังจากเลิกงาน  และขอให้ตนเองประสบความสำเร็จดังใจ

         ...แต่สิ่งที่แปลกไปคือ  เราดันไปอธิษฐานว่า  "หากเราสอบเข้าทำงานที่นี่ได้  เราจะกลับไปไหว้ท่านอีกครั้ง  พร้อมนำเรื่องราวของท่านมาเขียนลงบล็อกของตัวเอง"


         และ  ไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตามที



         เราสอบติด!!!



         บทความนี้จึงเป็นการเขียนขึ้นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ได้ไว้แก่องค์พระพิฆเนศ  ซึ่งเราถือว่าท่านเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนในความสำเร็จของเราครั้งนี้  และเราหวังว่า  บทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจจะไปสักการะพระพิฆเนศบ้าง  ไม่มากก็น้อย





                  การไปสักการะพระพิฆเนศ ณ สี่แยกห้วยขวาง



         1.  ประวัติคร่าวๆของพระพิฆเนศ


         กำเนิดของพระพิฆเนศนั้นมีหลายตำนานด้วยกัน  แต่ตำนานซึ่งได้รับฟังและอ่านมากที่สุด  นั่นคือ  พระพิฆเนศเป็นพระโอรสที่พระแม่ปาวรตี  พระมเหสีของพระศิวะเทพ  สร้างขึ้น  เพื่อคอยเป็นเพื่อนยามที่พระสวามีของพระองค์ไปบำเพ็ญสมาธิ  โอรสองค์นี้ทำหน้าที่เป็นทั้งเพื่อน  และเป็นทั้งผู้คอยดูแลและป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามายังตำหนักของพระแม่ปาวรตี

         แต่แล้ว  วันหนึ่ง  ขณะที่พระแม่ปาวรตีกำลังสรงน้ำอยู่  พระศิวะทรงเสด็จกลับมาจากการบำเพ็ญเพียรและจะเสด็จเข้าที่ประทับ  แต่ท่านถูกขวางไว้โดยพระโอรสซึ่งได้รับคำสั่งว่า  ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปด้านในตำหนัก  สุดท้ายพระศิวะจึงพิโรธและตัดศีรษะของกุมารน้อยเสีย  ทำให้พระแม่ปาวรตีกริ้วมาก  เพื่อแก้ปัญหา  พระศิวะจึงสั่งให้หาศีรษะมาแทนให้ได้  และได้ศีรษะช้างมาสวมให้พระโอรสในที่สุด


       

         2.  ความเชื่อของสังคมไทย


         เชื่อกันว่าพระพิฆเนศเป็นบรมครูแห่งศิลปะ 18 ประการ  และเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จ  พระองค์จึงเป็นที่นิยมสักการะแด่ผู้ซึ่งปราถนาความสมหวังในหน้าที่การงานและศิลปะต่างๆ  ด้วยเหตุนี้เอง  ท่านจึงเป็นสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยศิลปากร  ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และโบราณคดี


         พระพิฆเนศได้รับการอัญเชิญให้ประดิษฐ์สถานเพื่อให้สักการะหลายที่ด้วยกัน  เช่น  เซนทรัลเวิร์ล  วัดพระศรีมหาอุมาเทวี  วิทยาลัยนาฏศิลป์  เป็นต้น

         แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงพระพิฆเนศที่สี่แยกห้วยขวาง  ซึ่งเราไปสักการะมาเป็นหลัก


     

         3.  การเดินทาง


         วิธีที่สะดวกที่สุดตามความเห็นของเรา  คือการโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังสถานีห้วยขวาง  ทางออกที่ 4  แล้วเดินย้อนกลับมาตรงหัวมุมสี่แยก

         หรือหากนำรถมา  มีข้อมูลกล่าวว่าให้นำไปจอดที่ Park Residence แล้วเดินทะลุมา  (แต่วิธีนี้คนเขียนไม่เคยใช้นะคะ)



         4.  ของไหว้


         อาหารที่ใช้สักการะพระพิฆเนศได้แก่  ผลไม้  ขนมหวาน  นม  หรือน้ำหวาน  ที่สำคัญที่สุดคือ  ห้ามถวายเนื้อสัตว์และของคาวเป็นอันขาด


         แต่หากใครไม่สะดวกที่จะเตรียม  เมื่อไปถึงสามารถไปซื้อชุดน้ำแดงและนมจืด ณ สถานที่สักการะได้เลยค่ะ  จำหน่ายชุดละ 20 บาท


         นอกจากนั้นก็มีพวงมาลัยดอกไม้  ธูป 5 ดอก  เทียน 1 เล่ม


     

         5.  ขั้นตอนการสักการะ


         เอาตามที่เราปฏิบัติละกันนะ


         5.1  จุดเทียน  และจุดธูป


         5.2  ตั้งเทียน ณ จุดที่จัดไว้  จากนั้นถือธูปที่จุุดแล้วมายังสถานที่นั่งบูชา  นั่งลง  พนมมือ(ถือธูปไว้ด้วยนะ)


         5.3  ตั้งนะโมสามจบ  แล้วท่องคาถาพระพิฆเนศ  ดังนี้

                "โองการพินธุนาถัง  อุปปันนัง  พรหมาสะหะปะตินามะ  อาทิกัปเป  สุอาคะโต  ปัญจะปะทุมังทิสววา  นโมพุทธายะวันทะนัง  โอมอิดพิฆเนศวรอิ  จะมหาพรหมา  มหิตทิเดชาสรรพเสน่หา  ประสิทธิเม"

         จะท่องจบเดียว  สามจบ  หรือเก้าจบก็ได้ค่ะ  จำได้ว่ารอบแรกเราท่องสามจบ  รอบหลังท่องแค่จบเดียว


         5.4  ไหว้  เชิญอธิษฐานได้ตามใจชอบ  จากนั้นไหว้อีกครั้ง  แล้วนำธูปไปปักไว้ที่กระถางธูป  (ปล เท่าที่จำได้เราไหว้ครั้งเดียวนะ  ไม่ได้กราบแบบกราบพระ)


         5.5  นำของไหว้อื่น(พวงมาลัยและเครื่องดื่ม) ไปถวาย ณ จุดที่จัดไว้


         ยังไม่จบนะ  แค่อยากนำอีกขั้นตอนไปไว้ในข้อถัดไป



         6.  กระซิบอธิษฐาน


         หากหันหน้าเข้าพระพิฆเนศและมองไปยังด้านซ้ายของท่าน  จะพบรูปปั้นหนูอยู่รูปหนึ่ง  และนี่คือขั้นตอนสุดท้ายของเรา


         ว่ากันว่า  ในการอธิษฐานนั้น  หากจะให้ได้ผล  จะต้องไปกระซิบที่หูของหนูท่านนี้ด้วย  โดยให้เดินไปยังรูปดังกล่าว  เอื้อมมือไปปิดหูหนูข้างหนึ่ง  และโน้มตัวไปกระซิบคำอธิษฐานของตนเองที่หูอีกข้างหนึ่ง


         เป็นอันเสร็จพิธี


       

    ปิดข้างไหนและกระซิบข้างไหนก็ได้ค่ะ(แต่เราปิดหูขวานะ)



         นอกจากองค์พระพิฆเนศแล้ว  สถานที่แห่งนี้ยังมีเทพองค์อื่นๆอีก  เช่น  พระราหู  พญานาค  หากใครประสงค์จะสักการะท่านด้วยก็สามารถสักการะได้ในที่เดียวกันนี้เลยค่ะ  อ่อ  มีเซียมซีให้เสี่ยงทายด้วยนะ  ถ้าสนใจก็ลองเสี่ยงเซียมซีดูได้





         และนี่ก็คือสิ่งที่เราทำทั้งหมดในการสักการะพระพิฆเนศ  



         ถามว่า  เราเชื่อจริงๆหรือเปล่าว่า  ความสำเร็จของเรามาจากท่านโดยตรง?


         ว่ากันตามตรง  เราไม่ทราบ  ที่แน่ๆอยู่อย่างหนึ่งคือ  เรารู้สึกอยู่ก่อนแล้วว่า  ข้อสอบครั้งนี้เราทำค่อนข้างได้  เพราะฉะนั้น  เราตอบไม่ได้เหมือนกันว่า  แท้จริงแล้ว  ความสำเร็จมันมาจากไหนกันแน่  


          แต่  ในเมื่อเราดันไปให้คำมั่นกับท่านเช่นนั้นแล้ว  มันคงไม่เสียหายหากจะปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้  อย่างน้อย  เราว่า  ท่านคงเป็นกำลังใจให้เราบ้างไม่มากก็น้อยแหละ


         ที่สำคัญ  เราว่าการได้ไปสักการะท่านอีกครั้งก่อนเข้าทำงานที่ใหม่นั้น  ย่อมเป็นสิริมงคลแก่ผู้สักการะอยู่บ้างไม่มากก็น้อย  

         อย่างน้อยคงพอให้ท่านเอ็นดูเราบ้างล่ะนะ  




         ทั้งนี้และทั้งนั้น  เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า  ความสำเร็จต้องเกิดจากสองสิ่ง  หนึ่งคือโชคชะตา(รวมการช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ด้วยแล้ว)  สองคือ  การกระทำของเราเอง  


         แม้จะเก่งแค่ไหน  แต่หากบุญไม่พา วาสนาไม่ส่งแล้วล่ะก็  คงไม่ต่างอะไรกับการพายเรือต้านพายุ  คือได้น่ะอาจจะได้  แต่เหนื่อยและยาก

         ในทางกลับกัน  ต่อให้ทำบุญมาดีเพียงใด  หากเอาแต่งอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลย  อย่างไรเสียความสำเร็จก็คงไม่สามารถเข้าหาตัวได้  เนื่องจากเจ้าของชีวิตไม่ยอมเอื้อมมือไปไขว่คว้า



          ดังนั้น  สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำได้  คือทำตัวเองให้พร้อมที่สุดสำหรับสถานการณ์ที่จะมาถึง  ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม


         ที่เหลือก็แค่รอให้ฟ้าเห็นใจในความพยายาม  และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ความเมตตาบ้าง...


        

         ...............ต้องมีสักวันแหละน่า  ที่เป็นวันของเรา......................  



      


       อ้างอิง


    https://th.wikipedia.org/wiki/มหาวิทยาลัยศิลปากร

    http://balganeshsiam.blogspot.com/2009/08/blog-post_3752.html

    http://www.siamganesh.com/story05.html

    http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000026637

    https://pantip.com/topic/33395992

    https://pantip.com/topic/35326298


    และขอขอบคุณรายการ ไลน์กนก สำหรับข้อมูลเรื่องพระพิฆเนศ ด้วยค่ะ

         


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in