เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บทความอันหาสาระไม่ได้robinismind
ตำนานซิซีฟัสกับจุดจบที่ไม่มีอยู่จริง
  •                                                    ตำนาน + ปรัชญามั่วซั่วของผู้เขียน     

            เรื่องราว ราชาซิซีฟัสแห่งเมืองโครินธ์ เขาทั้งเจ้าเล่ห์และไม่หวาดกลัวต่อเทพพระเจ้าไม่ว่าพระองค์ไหน  เขาไม่ใช่คนดีอะไรนักแต่ก็ไม่ได้เป็นพระราชาที่เลวร้ายแต่อย่างใด

            ในช่วงเวลานั้นเมืองโครินธ์ประสบปัญหาคลาดแคลนน้ำอย่างมาก ซิซีฟัสไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เขาพยายามหาทางแก้ไขสถานการณ์อยู่บนหอคอยปราสาทของตน แต่ทันใดนั้นซิซีฟัสสังเกตเห็นอินทรีย์ตัวมหึมาบินมาลักพาตัวนางเอจิน่าผู้เป็นลูกสาวของเทพแห่งสายน้ำอะโซปัส  ซิซีฟัสรู้ได้ในทันใดว่าอินทรีย์ตัวนั้นคือเทพซุสอย่างแน่นอน 

            เขาจึงใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์เสีย  ซิซีฟัสจึงนำสิ่งที่ตนเห็นไปบอกแก่เทพอะโซฟัสและได้ขอให้เทพแห่งสายน้ำช่วยเสกน้ำจืดขึ้นมาให้เป็นสายน้ำขนาดใหญ่ของเมือง  เทพอะโซปัสเลยจัดให้ตามคำขอ และได้ขึ้นไปยันบรรลังแห่งโอลิมปัส  กล่าวต่อเทพซุสให้คืนลูกสาวของเขามา เขาไม่อาจทนเห็นลูกสาวถูกเทพีเฮร่ากลั่นแกล้งทารุณกรรมเธอได้  

            เทพซุสโกรธอย่างมากและได้ถามว่าเทพอะโซปัสรู้ได้อย่างไรว่าคือตน  อะโซปัสตอบไปในทันทีว่าราชาซิซีฟัสเป็นคนบอกเขาเอง  ซุสปรี๊ดแตกรู้สึกเสียหน้าที่มนุษย์คนหนึ่งสามารถหย่ามตนได้ขนาดนี้ ซุสเสกสายฟ้าฟาดใส่อะโซปัสอย่างจังจนต้องกระโดดหนีลงทะเลไป 

            ต่อมาเทพซุสได้สั่งเทพแห่งความตายทานานอสว่าให้ไปจัดการราชาซิซีฟัสมาลงโทษในขุมนรกทาร์ทารัสให้ได้  ทานานอสรีบไปตามคำสั่งของซุส แต่เมื่อไปถึงก็เกิดความประหลาดใจอย่างมาก  เพราะดูราชาซิซีฟัสจะไม่ได้หวาดกลัวเขาแถมเผชิญหน้ากับเทพแห่งความตายอย่างสงบนิ่ง  ทานานอสได้นำโซ่ตรวนจะมารัดข้อมือซิซีฟัส  แต่ทันใดนั้นราชาได้กล่าวว่าตนอยากเห็นว่าโซ่ตรวนนี้ทำงานได้อย่างไรขอจึงขอให้เทพทานานอสช่วยสาธิตเป็นบุญตาให้ดูหน่อยเถอะ  คุณพี่ทานานอสก็ดันใช้โซ่นั้นมัดมือตัวเองโชว์ซะงั้น  เมื่อสบโอกาสพระราชาซิซีฟัสก็ยิ้มหวานลากเทพแห่งความตายไปขังไว้ในปราสาท  

            เมื่อเทพแห่งความตายไม่อยู่จึงไม่เกิดการตายอย่างที่ควรเป็น  เทพเอรีสที่ออกรบจนหัวร้อนก็ไม่มีใครตายซะที เอรีสจึงออกตามหาทานานอสและได้รู้จนได้ว่าทานานอสถูกจับโดยราชาซิซีฟัส  เขาจึงบุกเขาไปช่วยและความตายของราชาซิซีฟัสจึงหวนมาอีกครั้ง

             แต่คิดหรือว่าซิซีฟัสจะไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ เขาได้สั่งเสียราชินีสุดที่รักเมโรพีว่าถ้าตนเองตายได้โปรดอย่าจัดพิธีศพหรือวางเหรียญทองไว้บนเปลือกตาเป็นอันขาด  ให้ทำแค่โยนเขาลงแม่น้ำและเขาจะกลับมาหาเธอ  เมื่อเวลาแห่งความตายมาถึงแผนการของเขาก็ดำเนินไป 

              วิญญาณของเขาไหลสู่แม่น้ำสติกซ์และได้พบกับเทพแห่งปรโลก เฮดีสแปลกใจมากที่ราชาอย่างซิซีฟัสไม่มีคนจัดพิธีศพให้  ซิซีฟัสได้กล่าวต่อเฮดีสว่าในขณะที่ตนใกล้ตายเขาไม่ได้สั่งเสียภรรยาว่าจะต้องจัดงานศพอย่างไร ไม่มีเวลาแม้จะเอ่ยลาเธอด้วยซ้ำ  เฮดีสได้ฟังก็เกิดความเห็นใจเลยอนุญาตให้ซิซีฟัสกลับไปพิธีศพอย่างที่ควรเสีย  ซิซีฟัสได้กลับไปหาภรรยาและหักหลังเฮดีสให้เจ็บใจเล่น

               ถึงยังงั้นคนเหล่าก็ไม่อาจหนีความตายพ้น  เทพีแห่งโชคชะตาได้ถักทอชีวิตของซิซีฟัสจนถึงปลายทาง เส้นด้ายแห่งชีวิตถูกตัดขาด  ความตายที่แท้จริงมาเยือนซิซีฟัส  เขาไม่มีแผนอะไรอีกแล้ว  คร่าวนี้เขาได้พบกับเฮดีสที่ดูโกรธแค้นเขาอย่างมาก  ตามจริงแล้วเขาควรต้องตกขุมนรกทาร์ทารัสแต่เฮดีสคิดว่ามันไม่สาสมแก่โทษ  เฮดีได้ลงทัณฑ์ให้ซิซีฟัสต้องกลิ้งหินขนาดใหญ่ขึ้นไปบนยอดเนินที่สูงชั้นตราบชั่วนิรันด์  

              วันแล้ววันเล่าซิซีฟัสก็ยังคงกลิ้งหินก้อนนั้นด้วยความตั้งใจไม่ย่อท้อแม้จะไม่มีวันสำเร็จก็ตาม  หินกลิ้งขึ้นลงจนนับไม่ถ้วน  เฮดีสไม่ได้รู้สึกซะใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย กลับกันเฮดีสรู้สึกถูกหย่ามเสียยิ่งกว่าตอนซิซีฟัสมีชีวิตเสียอีก  เฮดีสไม่ได้มองเห็นความทุกข์ทรมานของซิซีฟัสเลยเขาเห็นเพียงชายที่ตั้งใจอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ถูกลงโทษเขาก็ทำมันด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้

                                          .............................................................................
              
             ตำนานของซิซีฟัสได้สอนหลายสิ่งให้แก่ผู้อ่าน  เมื่ออ่านจบให้คร่าวแรกตัวผู้เขียนรู้สึกถึงชัยชนะที่เหนือล้ำของซิซีฟัส  ไม่มีอะไรจะทำลายเราได้หากใจเรานั้นแข็งแกร่งและมั่นคงแม้จะต้องอยู่ในนรกหรือห้องขังหรือที่ใดก็ตาม มันไม่อาจพรากชัยชนะไปจากใจเราได้  คล้ายวิธีอหิงสาของคานธีเลยทีเดียว  

           เมื่อทบทวนซ้ำก็คิดได้อีกหลายแง่มุม  ไม่ว่าหินอาจเปรียบดั่งความทุกข์หรือเคราะห์ร้ายที่เราต้องเจอในชีวิต  เราพยายามต่อสู้ฝ่าฟันเท่าไรมันก็มาเพิ่มและไม่อาจมองหาจุดจบของมันได้  

           อาจเปรียบกับสิ่งที่เรารักถึงแม้ซิซีฟัสอาจกลิ้งหินถึงยอดเนินได้สำเร็จเขาก็อาจผลักมันลงมกลิ้งซ้ำอีก เพราะการได้รักในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง  เราไม่สามารถจะหยุดทำมันได้แม้จะสำเร็จออกมาเป็นผลงานแต่เราก็ยังคงกระหายจะทำต่อเรื่อยๆ

           หรืออาจเปรียบได้ดั่งการต่อสู้ดิ้นรนในการพัฒนาชีวิตของมนุษยชาติ  ไม่ว่าจะเรื่องยากเย็นเช่นการแพทย์ ที่เมื่อสมัยก่อนกาฬโรคยังรักษาให้หายขาดไม่ได้  มนุษย์เราก็ไม่ยอมแพ้ดั่งด้นหาวิธีรักษาจนได้และเมื่อเวลาผ่านไป เราก็ยังพบว่ามีโรคที่เรายังรักษาไม่ได้อยู่อีกมากมาย เช่น โรคมะเร็ง แต่ถึงยังงั้นพวกเรายังพยายามอย่างไม่รู้จบสิ้นเหมือนดั่งเรื่องราวของซิซีฟัส 

            ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่รอบเราก็ยังสามารถเปรียบเทียบเรื่องราวนี้กับชีวิตของเราได้เสมอ  ชีวิตช่างน่าฉงนและงดงามในตัวมันเอง  ไม่ว่าผู้อ่านบทความนี้จะประสบปัญหาใดอยู่ในชีวิต ผู้เขียนก็ยังคงหวังว่าหินที่ผู้อ่านกลิ้งนั้นยังคงถูกผลักให้กลิ้งอยู่เสมอ แม้จะไม่สำเร็จอย่างที่หวัง  แต่เชื่อเถอะในใจเรานั้นจะโห่ร้องคำรามว่าเราได้พยายามทำมันอย่างเต็มทีแล้วเฉกเช่นซิซีฟัสที่ไม่ยอมแพ้
      



     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in