เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Please MeIfIStay
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน Intro
  • เสียงเพลงแจ๊สนุ่มนวลดังคลอขึ้นกลบเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของเหล่านักดื่ม เคล้าเข้ากับบรรยากาศของบาร์หรูสีทึมๆ มีระดับแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว

    ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ในชุดสูทสีเทานั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่งของบาร์เหล้า เขากระดกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอย่างคนมีเรื่องทุกข์ใจ ใบหน้าขึ้นสีเข้มเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ไหลเวียนอยู่ภายในกาย เขาจ้องมองลงไปในน้ำสีอำพันที่อยู่ในแก้วพลางครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้

    คำสั่งที่ดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย 

    แต่...จะทำยังไงได้ เขาเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก

    คิ้วขมวดเครียดพลางถอนหายใจให้กับตัวเอง 

    คิดซะว่า...อย่างน้อย...เรื่องนี้ก็ไม่ได้ต้องทำแค่คนเดียวแล้วกันเนอะ

    คิดแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาย้อมใจตัวเองอีกอึกใหญ่

    หากมองเผินๆ เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งทีเดียว รูปร่างสูงเพรียวบางตามลักษณะของชายหนุ่มญี่ปุ่นเกือบทุกอย่าง แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนทั่วไปคือผมสีบลอนด์สว่างเป็นประกาย ดวงตาสีฟ้สดใส และผิวสีน้ำผึ้ง ตามลักษณะของชาวต่างชาติ 

    หล่อ เท่ห์ หน้าตาดี คือนิยามของผู้ชายคนนี้ก็คงว่าได้

    แต่หากมองเฉพาะส่วนใบหน้ารูปไข่และริมฝีปากสีชมพูนั่น คงมีหลายคนมองว่าเขาเหมือนผู้หญิง โครงหน้าหวานและดวงตากลมโตเป็นประกายชวนมองคู่นั้น เคยทำให้ผู้ชายออกสามศอกหลายๆ คนใจเต้นมาแล้วก็มี

    หากถามว่าเจ้าตัวรู้มั้ยว่า ตัวเองมีเสน่ห์กับทั้งผู้หญิงและผู้ชายแบบนี้ แน่นอนว่าเขารู้...รู้แต่ไม่เคยใส่ใจ

    ทั้งชีวิตของเขามีแต่งาน งาน งาน และงานเท่านั้น ทำงานเพื่อให้ชีวิตไม่ว่างเปล่า ไม่เหงา ทำงานเพื่อให้ชีวิตมีเป้าหมายต่อๆ ไป 

    แต่มาวันนี้ เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่างานที่ตัวเขาเองทุ่มเทให้มาตลอดยังมีเรื่องที่ต้องการให้เขาทำอะไรมากมายกว่าที่เคยทำ และเกินกว่าที่เขาเคยคิดไว้เสียอีก

    "ฟุรุยะคุง ทางสันติบาลสืบรู้มาว่ามีองค์กรใต้ดินองค์กรหนึ่งที่ทำเรื่องเลวร้ายหลายอย่าง มีทั้งการแบล็คเมล์ ลักพาตัว การค้ามนุษย์ และยังได้ยินมาว่าองค์กรนี้ยังพยายามคิดค้นยาหรือสารเคมีหรือเชื้อโรคอะไรสักอย่างที่มีผลต่อมนุษยชาติเลยทีเดียว ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าองค์กรนี้มันมีจริงมั้ยหรืออย่างไร? แต่จากพยานหลักฐานที่เราพอสืบมาได้เบื้องต้น มันอาจยังไม่เพียงพอที่จะจับกุมหรือทำลายองค์กรนี้ งานนี้สันติบาลคงต้องพึ่งเธอแล้วล่ะนะ"

    ผู้กำกับคุโรดะบอกเล่ากับเขาในห้องส่วนตัว เขายื่นแฟ้มข้อมูลหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรนี้ให้ฟุรุยะพิจารณา

    "เราจับตัวผู้ต้องสงสัยได้คนหนึ่ง เขาให้การว่า...องค์กรต้องการกำจัดเขา ดังนั้น เขาจึงมาขอเข้าโปรแกรมพิทักษ์พยานเปลี่ยนแปลงตัวตนเพื่อไม่ให้องค์กรติดตามเขาได้อีก"

    "..."

    "ฉันก็เลยขอให้เขาให้ข้อมูลแก่เราให้ได้มากที่สุด แลกกับการเข้าโปรแกรมพิทักษ์พยาน"

    "..."

    "ถ้าผมจะขอให้คุณ" คุโรดะหยุดไปครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ "แฝงตัวเข้าไปเป็นสายให้กับทางสันติบาล...จะได้หรือไม่?"

    "...."

    "ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรเท่าไร ต่อให้คุณต้องฆ่าเพื่อนของตัวเอง คุณก็ต้องทำ!! นี่ถือเป็นคำสั่งของผม!!"

    ฟุรุยะเงยหน้าขึ้นมองคุโรดะด้วยแววแปลกใจ เขาคิดอยู่ชั่วครู่แล้วตอบไป 

    "ได้ครับ ถ้าเรื่องนี้จะทำให้สันติบาลได้ประโยชน์ ผมก็ยินดีที่จะทำตามคำสั่งครับ"

    คุโรดะยิ้มน้อยๆ อย่างพึงพอใจในคำตอบของผู้ใต้บังคับบัญชา 

    "ขอบใจมากนะ ฟุรุยะ ฉันไว้ใจคนไม่ผิดจริงๆ"

    "ครับ"

    "อ่อ เรื่องนี้... ผมขอให้มันเป็นความลับของเราเท่านั้นนะ...ไม่ได้สิ คาซามิก็ควรต้องรู้ด้วย เขาจะได้ช่วยสะสางงานของคุณระหว่างที่คุณไม่อยู่ งั้นรบกวนด้วยละกันนะ ฟุรุยะคุง"

    "ได้ครับ
    งั้นผมขอแฟ้มนี้ไปอ่านได้มั้ยครับ จะได้รู้ข้อมูลอะไรบ้าง"

    "ได้สิ"

    "ผมขอตัวก่อนนะครับ"

    "เชิญ"

    ฟุรุยะค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแล้วเดินออกจากประตู
     
    ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่การแฝงตัวเข้าไปเป็นสายหมายความว่าเขาต้องสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ไม่มีเพื่อนร่วมงาน ไม่เคยทำงานที่สันติบาล ไม่ทีแม้กระทั่งเพื่อนสนิท หรือถ้าเลวร้ายที่สุด...เกิดวันนึงเขาได้รับคำสั่งให้ฆ่าเพื่อนตัวเองหรือคนของสันติบาล เขาก็ต้องทำตามเพราะถือเป็นคำสั่ง

    ทั้งคำสั่งของหัวหน้าตัวปลอม...และคำสั่งของหัวหน้าตัวจริง

    ยังดีที่คุโรดะบอกว่า ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ต้องเข้าไปแฝงตัวเท่านั้น ยังมีตำรวจคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นสายลับในองค์กร รวมทั้งโมโรฟุชิ ฮิโระมิทสึ เพื่อนสนิทของเขาด้วย 

    หวังว่าจะได้เจอกันในองค์กรนะ ฮิโระ

    คิดแล้วก็กลุ้มใจแต่คงบอกใครไม่ได้ เขาต้องจัดการกับตัวเองให้ได้ ทั้งการเปลี่ยนบุคลิก ทั้งการปกปิดตัวตน และอะไรอีกหลายอย่าง 

    มัน...ไม่ใช่เขาเลยสักนิด

    อากัปกิริยาท่าทางชวนมองของคนที่กระดกเหล้าไปเรื่อยๆ ไปสะดุดตาของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน ดวงตาคมสีเขียวมะกอก เรือนผมยาวสีดำขลับ ทับด้วยหมวกไหมพรมสีดำ เขาสวมสูทสีดำตัวยาวยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามขึ้นไปอีก ความโดดเด่นของเขาเป็นจุดสนใจให้กับทุกคนที่อยู่ในร้านหันมามอง 

    เขาเดินตรงไปยังมุมนั้น

    "ตรงนี้มีคนนั่งมั้ยครับ?"

    ฟุรุยะหันไปมองทางต้นเสียง

    "ไม่มี เชิญครับ

    แต่ผมว่าคุณไปนั่งที่อื่นดีกว่า ผมอยากนั่งคนเดียว"

    "ทำไมล่ะ? มีเพื่อนนั่งดื่มด้วยกันดีกว่านะ"

    "..."

    "ดูคุณเครียดๆ มีปัญหาอะไรอยู่เหรอครับ?"

    "เรื่องของผม"

    "อ่อ"

    ชายหนุ่มคนใหม่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ฟุรุยะ แล้วสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์ ฟุรุยะวางท่าไม่สนใจ

    'น่ารำคาญชะมัด'

    "ผมก็มีปัญหาอยู่เหมือนกัน พอจะเข้าใจคุณอยู่บ้าง"

    "ปัญหาอะไรเหรอครับ?"

    "เรื่องของผมครับ"

    "อ่อ"

    'อีตานี่กวนประสาทชะมัด'

    "ผมชื่ออากาอิ ชูอิจิ ยินดีที่ได้รู้จัก" พลางยื่นมาให้ฟุรุยะ

    "ฟุรุยะ เรย์ครับ" เขาตอบกลับแต่ไม่สนใจจะจับมือคนข้างๆ เลยแม้แต่น้อย

    อากาอิหยิบบุหรี่และไฟแช็คขึ้นมา

    "ผมสูบบุหรี่นะ"

    "ขอผมสักมวนสิ"

    "คุณสูบบุหรี่ด้วยเหรอ?"

    "ไม่หรอก เฉพาะเวลาตอนเครียดๆ น่ะครับ"

    อากาอิส่งบุหรี่และจุดไฟให้ฟุรุยะ บุหรี่สองมวนถูกจุดขึ้นพร้อมๆ กันกับบทสนทนาเรื่องสัพเพเหระของคนทั้งคู่

    อากาอิเล่าว่าเขาเกิดที่อังกฤษและย้ายไปอยู่อเมริกาในช่วงไฮสกูลจนเรียนจบและเข้าทำงานกับบริษัทแห่งหนึ่งในอเมริกา ตอนนี้บริษัทส่งเขาให้มาดูแลโปรเจคหนึ่งในญี่ปุ่น ส่วนฟุรุยะ เกิดที่ญี่ปุ่น คาดว่าน่าจะเป็นลูกครึ่งชาติตะวันตกจากสีผิวคงไม่ใช่ทางแถปยุโรปแน่ แต่อาจจะเป็นลูกเสี้ยว ตนเองก็ไม่แน่ใจ อาศัยอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าตั้งแต่ 6 ขวบ ส่วนความทรงจำก่อนหน้านั้นไม่มีเลย ไม่มีญาติ ไม่รู้จักพ่อแม่ ไม่รู้จักครอบครัวของตัวเอง มีเพียงครอบครังสมมติในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเท่านั้น แต่เพราะเป็นคนเรียนเก่งจนได้ทุนเรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย เลยมีโอกาสได้ทำงานตำแหน่งดีๆ และมั่นคงพอจะเลี้ยงตนเองได้

    ฟุรุยะบอกกล่าวกับอากาอิไปแบบนั้น แต่ความจริงของเรื่องที่บอกกลับถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว จริงๆ แล้ว เขาทำงานอยู่ที่กรมตำรวจในฐานะตำรวจสันติบาลของญี่ปุ่น รับทำแต่คดีใหญ่ๆ ที่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศเท่านั้น เขาไม่สามารถบอกคนอื่นได้ถึงงานที่เขาทำอยู่เพื่อความปลอดภัย โดยเฉพาะกับคนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน อย่างอากาอิ เขาจะไม่พูดความจริงทั้งหมดเด็ดขาด

    และเขาเองก็มั่นใจว่าสิ่งที่ชายหนุ่มที่เขาเพิ่งรู้จักพูดออกมา ก็มีความจริงอยู่เพียงแค่ครึ่งเดียว ไม่แตกต่างจากคำพูดของเขาเช่นกัน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in