เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
กลับเข้าสู่ช่วงต่อไปของรายการfungfa
วันจันทร์ 11.00 : อำนาจของจางอ๊กจอง


  • คิดว่าไม่น่าจะได้ดูซีรี่ส์เกาหลีย้อนยุคอีกเลย ตั้งแต่นั่งเป็นเพื่อนยายตอนดูหมอโฮจุน (ใครทันบ้าง?)

    เท่าที่เคยเห็นเรื่องราวในซีรี่ส์ประเภทนี้จะมีประเด็นคล้ายๆ กันอยู่หลายอย่าง โดยมากคือค่านิยมชายเป็นใหญ่ในอดีต คือผู้ชายเท่านั้นมีสิทธิ์ในการรับราชการ มีตำแหน่งทางการเมือง หรือแม้กระทั่งมีหลายเมีย พระเอกมักเป็นกษัตริย์ ทหารองครักษ์ หรือแม้แต่หมอหลวง ส่วนนางเอกก็จะมีฐานะรองลงมา โดยมากมาจากตระกูลยากจนอาภัพ กระทั่งได้รับโอกาสมาเป็นนางใน นางห้องเครื่อง นางอะไรก็ตาม แต่มักไม่ใช่พระมเหสี (คือมักมีสถานะเป็นเมียน้อยนั่นเอง) แล้วเรื่องราวก็จะวนเวียนอยู่ในราชสำนัก ในรั้วในวังนี้ รักๆ ใคร่ๆ ไปจนถึงแย่งชิงอำนาจ ซึ่งประเด็นหลังสุดนี้เอง ที่ทำให้ตอนนี้เรามีอาการเข้าใกล้คำว่า "ติด" ซีรี่ส์อยู่เรื่องหนึ่ง... จางอ๊กจอง

    ใครก็ว่าซีรี่ส์เกาหลีนั้นเหมือนมีของ ไม่แน่จริงอย่าริลองเป็นอันขาด เราเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเป็นสายแข็งอยู่พอควร ใครชวนดูเรื่องไหนก็ไม่ติด ออกจะเปิดหนีเสียด้วยซ้ำ แต่เราพลาดตรงที่ดันไปเผลอเปิดดูตอนแรกเข้าจนได้... หลังจากนั้น คนที่มีอาการติดซีรี่ส์เกาหลีคงรู้ดีว่าอาการเป็นยังไง

    มานั่งคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมการดูตอนแรกทำให้ติดได้ง่ายกว่าไปดูตอนกลางๆ เรื่อง มันก็อยู่ที่หลักการเบสิคของละครแนวนี้ของเกาหลีอีกนั่นแหละ คือในตอนแรก มักจะเล่าเรื่องของตัวละครหลักตั้งแต่ยังเด็ก รู้จักพ่อแม่เขา ให้ความรักความชอบ อุปนิสัยใจคอ จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ก็ให้อาชีพ ให้สถานะเขา เราดูซีรี่ส์ไปแค่ตอนแรก ชั่วโมงเดียว แต่เหมือนเรารู้จักคนคนหนึ่งไปแล้วครึ่งชีวิต... มันง่ายที่จะทำให้เราผูกพัน เหมือนอยากรู้ว่าเพื่อนเราจะกินอยู่สู้ปัญหายังไง แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราตามดูชีวิตของตัวละครได้ทุกตอน (แต่เอาเข้าจริงก็มีลืมเปิดบ้าง ตื่นสายบ้าง ไม่ได้ดูหรอก ทุกตอนน่ะ)

    สำหรับซีรี่ส์เรื่องนี้ แรกก็ดูผ่านๆ ภาพสวยดี นางเอกตอนเด็กน่ารัก ดูเพลินๆ จนกระทั่งไปสะดุดกับตอนที่พระเอก (รัชทายาท) พยายามจะเข้าไปห้ามปรามพวกขุนนางไม่ให้บีบคั้นพ่อของตัวเอง (ซึ่งตอนนั้นเป็นกษัตริย์) จนอาการป่วยกำเริบ จนเกิดมีการพูดจาขับไล่รุนแรง อ้างถึงอำนาจที่ตนและพ่อของตนมี ก่อนจะถูกขุนนางคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "พระองค์แน่ใจหรือ ว่าอำนาจสูงสุด อยู่ที่กษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว... กระหม่อมจะแสดงให้ดู" --- หลายวันต่อมาในวันเฉลิมฉลองอะไรสักอย่าง (น่าจะเกี่ยวกับรัชทายาท) เหล่าขุนนางที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพระเอกในวันนั้น รวมตัวกันไม่มางาน ทำให้พระเอกซึ่งเป็นรัชทายาทและควรจะเป็นดาวเด่นของงานต้องอับอาย ต้องบอกด้วยว่าพระเอกในตอนนั้นยังเด็กมาก แต่กลับต้องมาเจอสถานการณ์แบบนั้น สถานการณ์ตบกะโหลก ที่ทำให้ต้องสำนึกว่า "อำนาจที่แท้จริง อยู่ที่ใคร"

    โห... เท่านั้นแหละ เราว่าหนังเรื่องนี้มันน่าสนใจขึ้นมาเลย คือพระเอกในเรื่องนี้โตมาเป็นผู้มีตำแหน่งสูงสุดของบ้านเมืองโดยที่ต้องสำนึกอยู่ตลอดว่าตัวเองไม่ได้มีอำนาจสูงที่สุด มันย้อนแย้งนะ เป็นกษัตริย์ที่อยู่ท่ามกลางความกลัวตลอดเวลาว่าอำนาจจะล่มสลาย ถ้าอำนาจที่ยิ่งใหญ่ถูกสั่นคลอนง่ายดายขนาดนั้น ก็ใช่ล่ะ มันอาจจะไม่ใช่อำนาจที่แท้จริงอย่างที่ขุนนางคนนั้นบอก แต่... ถ้าอย่างนั้น ทำไมถึงยังมีผู้คนมากมายที่ไขว่คว้าหามันล่ะ น่าคิดไหม สู้ไม่ต้องเสี่ยงอะไร รวมตัวกันเป็นอำนาจที่แท้จริงอย่างที่ตัวเองเคยพูดไว้ ไม่ดีกว่าหรือ ?

    เราสนใจที่หนังเรื่องนี้มันพูดถึงอำนาจในหลายมิติ ทั้งแบบที่เราเห็นกันง่ายๆ ในแนวดิ่งคือ คนตำแหน่งสูงมีอำนาจมากกว่าคนตำแหน่งต่ำ คนมาก่อนมีอำนาจมากกว่าคนมาทีหลัง ผู้ชายมีอำนาจมากกว่าผู้หญิง แต่มันก็มีความซับซ้อนในแนวอื่นๆ ด้วย เช่น คนตำแหน่งสูงคนเดียวมีอำนาจมากกว่าคนตำแหน่งต่ำก็จริง แต่ถ้าคนตำแหน่งต่ำหลายๆ คนรวมกัน มันก็อาจกลายเป็นอำนาจที่มากกว่าได้ หรือในวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ เราอาจเห็นผู้ชายมีอำนาจมากกว่าผู้หญิง แต่จะเป็นเช่นนั้นอยู่หรือ ถ้าผู้หญิงคนนั้น เป็นแม่ (เราจะเห็นว่ามีการเสี้ยมสอนให้ลูกสาวตนได้เป็นมเหสี เพื่อที่จะให้กำเนิดลูกชายของกษัตริย์ ซึ่งก็คือรัชทายาท นั่นเท่ากับว่าเป็นแผนการระยะยาวที่จะได้เป็นแม่ของกษัตริย์ในอนาคตอีกนั่นเอง การต่อสู้ เสียดสี กลั่นแกล้งอีกฝ่ายหนึ่งที่อาจมีโอกาสเป็นที่ชื่นชอบของกษัตริย์มากกว่าตน ทั้งโดยตรงคือตนเอง และโดยอ้อมคือผ่านนางสนมกำนัล ฯลฯ ราวกับเป็นงานหลักของผู้หญิงเหล่านั้น)

    ส่วนจางอ๊กจองที่เป็นชื่อเรื่อง คือชื่อของนางเอกที่มาจากชนชั้นต่ำ ครอบครัวยากจนถูกกดขี่ แม่จะถูกขายเป็นทาส นางจึงเป็นคนหัวแข็งและมีความทะนงว่าจะต้องเป็นชนชั้นสูงให้ได้ในสักวันหนึ่ง-สักทางหนึ่ง- แต่น่าสนใจที่อีกมุมนางก็เกลียดการเหยียดชนชั้นอยู่ด้วยเหมือนกัน ที่ดูมาตอนนี้คือล่าสุดนางได้เข้ามาเป็นนางในแล้ว (จากเกมการเมืองของเหล่าผู้หญิงในวังนั่นแหละ) --- ซึ่งลองคิดดูว่าถ้าตอนจบนางเอกกับพระเอกลงเอยกันจริงๆ นางก็จะได้เป็นเมียกษัตริย์ และมีโอกาสเป็นแม่รัชทายาท และแม่ของกษัตริย์ในเวลาต่อมาอีกที ชีวิตนางพลิกอีกแน่นอน

    สุดท้าย... อำนาจมีจริงไหม ?  
    อำนาจคืออะไร ? 
    อำนาจสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง ? 
    แล้วอำนาจคือสิ่งที่ "มีอำนาจ" จริงๆ หรือ ?

    มันน่าสนุกดีที่ได้เห็นการตลบกลับของขั้วอำนาจต่างๆ ไปมาในหนังเรื่องนี้ 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in