เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
หนังชีวิตI-love-thee
The perks of being a wallflower ขอแค่มีใครสัก(สอง)คนที่เข้าใจ
  • "Enjoy it. Because it's happening."

    ― Stephen Chbosky

    บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งจากการเขียน Class assay ในรายวิชาจิตวิทยาทั่วไปที่ผู้เขียนเคยเรียนเมื่อนานมาแล้ว(นานกว่าครึ่งทศวรรษ) ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่วิชาเลือกไม่กี่หน่วยกิต แต่ผู้เขียนก็ตั้งใจกับผลงานชิ้นนี้มาก

    The perks of being a wallflower เป็นภาพยนตร์แนว coming of age ที่ถูกดัดแปลงมาจากวรรณกรรมภายใต้ชื่อเดียวกัน เป็นบทประพันธ์และผลงานการกำกับของ Stephen Chbosky ซึ่งดำเนินเรื่องโดยตัวละครหลักสามตัวคือ ชาร์ลี(Logan Lerman) แซม(Emma Watson) และ แพทริก(Ezra Miller) 

    ชาร์ลีเป็นนักเรียนไฮสกูลปีหนึ่งเป็นเงียบๆขี้อาย ไม่กล้าแสดงออกเขาสนใจในการอ่านหนังสือประเภทเรื่องสั้นและวรรณกรรมเป็นอย่างมากและมักจะทำคะแนนได้ดีในวิชานี้เสมอชาร์ลีไม่มีเพื่อนและมักจะชอบเขียนบันทึกที่เป็นจดหมายถึงเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เขามักจะเขียนบอกเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่ประสบพบเจอในแต่ละวันให้เพื่อนคนนี้ฟังในจดหมาย

  • วันหนึ่งเขาได้เรียนวิชางานช่างฝีมือกับรุ่นพี่จอมกวนประสาทที่ไม่ผ่านวิชานี้เสียที ซึ่งนั่นคือแพทริกเพื่อนคนแรกในโรงเรียนของชาร์ลี หลังจากนั้นแพทริกก็ได้แนะนำให้ชาร์ลีรู้จักกับแซม น้องสาวที่เป็นลูกติดของพ่อเลี้ยงแพทริก ทั้งสองคนชวนชาร์ลีไปปาร์ตี้ที่บ้านของพวกเขา และได้แนะนำชาร์ลีให้รู้จักกับเพื่อนๆอีก 2-3 คน มีเพื่อนคนหนึ่งแอบใส่กัญชาลงในขนมของชาร์ลี ทำให้ชาร์ลีพรั่งพรูทุกสิ่งทุกอย่างภายในใจของเขาออกมารวมทั้งเรื่องของเพื่อนรักที่ตายไปแล้ว

    เมื่อทุกคนได้ฟังต่างก็คิดว่าจะต้องช่วยให้ชาร์ลีได้หลุดพ้นจากความโศกเศร้าเสียที หลังจากนั้นพวกเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอมา พวกเขาปฏิบัติต่อชาร์ลีเหมือนเป็นเพื่อนคนสำคัญคนหนึ่ง นั่นเป็นช่วงที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา ชาร์ลีตกหลุมรักแซมอย่างเงียบๆ แต่แซมดันมีใจให้เพื่อนชายคนหนึ่งอยู่แล้ว ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ และแซมก็มักจะเป็นฝ่ายไล่ตามเขาคนนั้นอยู่เสมอ 

  • Spoiler Alert! (คลุมดำเพื่ออ่านเนื้อหา)

    แพทริกเองก็ได้แอบคบหากับนักกีฬาหนุ่มชื่อดังของโรงเรียนเช่นกัน จนกระทั่งวันหนึ่งในงานปาร์ตี้ ชาร์ลีได้เห็นว่าแซมกำลังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟนหนุ่ม เขารู้สึกทนไม่ได้จึงใช้ SLE เป็นที่พึ่งหวังจะลืมความเจ็บปวดแต่เขากลับไม่สามารถโฟกัสต่อสิ่งรอบตัวได้เลย ตำรวจพบเขานอนหมดสติท่ามกลางหิมะในเช้าวันรุ่งขึ้น ครอบครัวของเขาก็เป็นกังวลเพราะเข้าใจว่าเป็นอาการผิดปกติทางจิตของชาร์ลี ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการจากไปของป้าเฮเลนที่เขารักมากที่สุดตั้งแต่ตอนเจ็ดขวบ

    หลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างก็ปกติดี เขายังคงเที่ยวเล่นและทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มเพื่อนจนกระทั่งวันหนึ่งแพทริกและแฟนหนุ่มถูกพ่อของแฟนจับได้ในขณะที่กำลังมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน เขาไม่ได้รับการปกป้องใดๆจากแฟนหนุ่ม เมื่อตอนอยู่โรงเรียนเขาถูกแฟนหนุ่มด่าทอ เหยียดหยาม และสั่งให้กลุ่มเพื่อนรุมทำร้ายแพทริก เพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้แพทริกแพร่งพรายเรื่องระหว่างเขาสองคนให้คนอื่นรู้ เมื่อชาร์ลีเห็นเหตุการณ์ก็ฟิวส์ขาดทำร้ายเพื่อนของแฟนแพทริกจนอ่วม 

    ถึงคราวที่แพทริกและแซมต้องเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย ชาร์ลีจะไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนกลุ่มนี้อีก เขาตัดสินใจที่จะบอกความในใจกับแซมไป แซมบอกได้แค่เพียงว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอะไรเขาควรจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ ขณะที่ทั้งสองกำลังจูบลาและเกือบจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ภาพเหตุการณ์ของป้าเฮเลนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาบอกกับแซมว่าเขารู้สึกไม่ดีที่จะต้องทำอะไรแบบนี้ เขารีบกลับบ้าน และสติของเขาก็หลุดลอยไป เขาจดจำใครไม่ได้เลยครอบครัวพาเขาไปพบจิตแพทย์อีกครั้งทำให้รู้ว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจิตใจของชาร์ลีไม่ได้มีแค่ความเสียใจต่อการจากไปของป้าเฮเลน แต่ยังมีสิ่งที่เลวร้ายมากกว่านั้น

  • เนื้อหาส่วนนี้เป็นการวิเคราะห์ตัวละครซึ่งเป็น main idea ของงานชิ้นนี้ อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญบางส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้ และข้อความต่างๆ เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้เขียนเท่านั้นจึงไม่สามารถนำไปอ้างอิงทางวิชาการได้


    Spoiler Alert! (คลุมดำเพื่ออ่านเนื้อหา)

    ชาร์ลี: มีแนวโน้มว่าเขาเป็นบุคคลประเภท Introvert อาจเป็นเพราะเขาใช้แม่มาเป็นต้นแบบ ในหนังสือ* ชาร์ลีมักจะบอกเสมอว่าแม่เขาเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่เขาก็ดีใจที่เขาทำให้แม่ยิ้มได้เสมอ ซึ่งตรงกันข้ามกับพี่ชายและพี่สาว ที่มีบุคลิกตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง พ่อและพี่ๆของเขามักจะปฏิบัติต่อชาร์ลีเหมือนคนไม่สำคัญ แต่เขาก็พยายามจะแสดงความจริงใจต่อพี่ๆเสมอ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่สนใจ ถือเป็น Unique Experience จากการเลี้ยงดูและรับรู้ตนเองจากผู้อื่น ชาร์ลีรักแซมและแพทริกมาก จากเหตุการณ์ที่ชาร์ลีช่วยแพทริกตอนโดนรุมทำร้ายทั้งที่ไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว และไม่พอใจที่แซมจะคบหากับผู้ชายนิสัยไม่ดีจนต้องพึ่งยาเสพติด ที่จริงแล้วชาร์ลีอาจไม่ได้รักแซมแบบคนรักแต่รักแบบพี่สาว รวมถึงรักแพทริกแบบพี่ชาย เพราะทั้งสองอาจจะเปรียบเสมือนพี่ชายและพี่สาวในอุดมคติของเขา ทั้งสองคนปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนพิเศษ ห่วงใย และปรารถนาดีต่อเขาเสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาร์ลีโหยหาจากพี่สาว และพี่ชายที่บ้าน การจากไปของป้าเฮเลนจริงๆแล้วในตอนท้ายจิตแพทย์ก็พบว่าชาร์ลีถูกป้าเฮเลนล่วงละเมิดทางเพศ ที่ผ่านมาชาร์ลีจำได้เพียงว่าเขาเสียใจเพราะป้าเฮเลนจากไป อาจเป็นเพราะว่าตอนนั้นเขายังเด็กมากเกินไป และไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง อีกนัยหนึ่งอาจเป็นเพราะเกิดจากกลไกการป้องกันตนเองที่ปฏิเสธความจริง(Denial) เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายจนไม่สามารถรับได้ พอมีอะไรมากระตุ้นเลยทำให้ระลึกขึ้นได้


    แซม: เธอมักชอบทำเหมือนตนเองเป็นผู้หญิงไร้ค่า เธอยังพยายามไล่ตามแฟนหนุ่มทั้งที่รู้ว่าเขานอกใจเธออยู่เสมอ เธอเคยจูบกับเจ้านายของพ่อเธอในตอนที่เธออายุแค่สิบเอ็ดปี อีกนัยหนึ่งเธออาจจะมีปัญหากับแม่ซึ่งแม่ของเธออาจจะทำตัวเป็นผู้หญิงไม่ดี เธอจึงไม่สามารถผ่าน Electra Complex ไปได้ ดูได้จากการที่พ่อของเธอได้แต่งงานใหม่กับแม่ของแพทริก สิ่งที่เธอทำก็เหมือนกับการลงโทษตัวเองว่าเธอเป็นเด็กใจแตก จึงไม่สมควรได้รับสิ่งดีๆถึงแม่ในใจลึกๆจะชอบชาร์ลีอยู่ก็ตาม


    แพทริก: แพทริกเป็นเกย์ก็สันนิษฐานได้ว่าเขาเองก็อาจจะมีปัญหากับพ่อของเขาเช่นกัน เขาจึงไม่สามารถผ่าน Odepus Complex ไปได้ และแม่ของเขาก็ได้มาแต่งงานใหม่กับพ่อของแซม ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพ่อของเขาเคยทำร้ายแม่ด้วย เขาจึงไม่อยากมีความเป็นผู้ชายในแบบที่พ่อของเขาเป็น


                นอกจากนี้ทั้งแพทริกและแซมเป็นบุคคลประเภท Openness to experience ที่จัดอยู่ใน Big Five Personality พวกเขามักจะให้ความสนใจกับทุกสิ่งรอบตัว รวมทั้งยอมรับในความคิดของผู้อื่น ถ้ามองในอีกแง่มุมคือเขารู้จักที่จะสังเกตคนรอบข้าง เขายอมรับได้ถึงความแตกต่างของแต่ละบุคคล พวกเขาถึงเข้าอกเข้าใจชาร์ลี และดูออกว่าชาร์ลีมีความไม่สบายใจ และรู้ว่าจะช่วยเขาได้อย่างไร


    *จดหมายรักจากนายไม้ประดับ  แปลโดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in