เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
no attribution requiredPrywrytes
เพลงที่แดดฮัม
  • เพนท์เฮ้าส์สุดรกต้อนรับแขกตั้งแต่ก้าวแรกจากลิฟต์ โรบินเก็บคีย์การ์ดใส่กระเป๋าเงิน มืออีกข้างซึ่งกำหูถุงใส่กล่องโดนัทยื่นไปข้างหน้าราวกับเอาไว้ทดสอบกับดัก ยกเท้าย่องซากช่อดอกไม้ กล่องอาหารสำเร็จรูป ก้อนถุงมันฝรั่งทอดกรอบหลากยี่ห้อ ลองมองย้อนดู สภาพเละเทะแถวทางเข้าออกไปทางมีเจ้าบ้านกองขยะรวมกันไว้ แล้วมีคนมาหาเผลอเตะเข้า

    "ออกัสต์ ฉันเอาโดนัทมาเยี่ยม"

    โรบินเดินเลี้ยวหัวมุมทางเดินไปในห้องนอน

    "ให้ตายสิ"

    แขนลู่ตกลง ไม่แยแสว่าหน้าโดนัทข้างในกล่องอาจกระแทกเลอะฝากล่องเข้า โรบินกลอกตาครั้งเห็นออกัสต์ บัตเตอร์ฟลาย รึอย่างน้อยก็เกือบครึ่งหนึ่งของเพื่อนสนิท

    ออกัสต์นอนราบบนพื้นข้างเตียงนอน มือประสานไว้บนอก ผมบลอนด์หยักศกเป็นก้อนเมฆกระจุกตัวหนาด้านบนหัวซุกอยู่กับปลอกหมอนฟ้าคราม ตั้งแต่ช่วงท้องหายเข้าไปใต้ผ้าห่มหนาที่แผ่ปกคลุมเตียง และใต้ผ้าห่มนั้น ท่อนล่างเขามิพ้นสอดเข้าไปข้างใต้เตียงอีกทีหนึ่ง

    "พวก นี่ไม่ใช่โต๊ะอุ่นขา มันแทนโต๊ะอุ่นขาของญี่ปุ่นไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ขอโทษโต๊ะอุ่นขาเดี๋ยวนี้ ขอโทษญี่ปุ่น ขอโทษประสบการณ์สัมผัสไออุ่นสวรรค์ของฉันตอนพวกเราไปญี่ปุ่นด้วยกันเมื่อสี่ปีก่อนด้วย"

    "เราไม่น่าออกมาจากโต๊ะอุ่นขานั่นกันเลย" ออกัสต์กล่าวอย่างเศร้าสร้อย ทำยกมือค้างไว้กลางอากาศครู่หนึ่งค่อยปล่อยลงแบบอ้อยอิ่งอาดูร

    โรบินเอาเท้าเขี่ยๆ ออกัสต์ สักพักใหญ่หมอนั่นถึงรำคาญจนยอมคลานออกมาเสียทีหนึ่ง ซ้ำยังคลานไปหาถุงโดนัทได้เร็วทีเดียว ออกัสต์รูปร่างสันทัด ตามแขนกับลำตัวมีแนวนูนโค้งบางๆ ของกล้ามเนื้อที่ผ่านชั่วโมงในยิม ทั่วเพนท์เฮ้าส์มีขนมซุกอยู่ทุกหนทุกแห่ง ซึ่งทุกแหนแห่งนั่นมีกระดาษกับปากกาติดไว้ใกล้ๆ สำหรับเขียนสารภาพความจริงว่ากินอะไรเข้าไปเท่าไร ผู้จัดการส่วนตัวของออกัสต์จะได้เอาไปรายงานครูฝึก

    ความเงียบยักย้ายส่ายสะโพกรอพวกเขาจัดแจงหาท่านั่งพร้อมสำหรับเปิดปากคุย โรบินขัดสมาธิ ออกัสต์เหยียดขาพิงเตียงข้าง อีกข้างยกขึ้นเป็นที่พักแขน ปากเคี้ยวโดนัทเข้าไป

    "ครั้งสุดท้ายที่มีคนบอกว่าเกลียดเรื่องโซลเมทแล้วไม่ตายทางสังคมนี่เมื่อไร" ออกัสต์ถาม นิ้วโป้งเช็ดรอบปาก

    "ปีที่แล้วนี่เองมั้ง นักแสดงตลกพูดว่า 'ยอมรับเถอะ พวกเราเกลียดโซลเมทกันทุกคน เพราะถ้าไม่มีโซลเมทแล้วคุณโสด คุณก็จะแค่เป็นโสด แต่เพราะเราทุกคนควรจะมีโซลเมท แต่เรายังโสด พวกเรากลายเป็นพวกต่อต้านสังคมใจว้าเหว่ ที่ไม่ขยันพอจะหาเลิฟออฟไลฟ์ให้เจอ' ประมาณนี้"

    "ตลกคนนั้นชื่ออะไรน่ะ"

    "เจมี่"

    "โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย"

    "เฮ้ ฉันก็ชื่อเจมี่ อย่าเสียมารยาทสิ"

    ออกัสต์หยิบโดนัทอีกชิ้น "ฉันรู้นะว่าคนชื่ออื่นก็ทำอะไรพวกนี้ตั้งเยอะ หมายถึง ดูซิดนีย์แบบฉันสิ" หมอนั่นผายมืออวดตัวเอง "แล้วคนที่ชื่อเจมี่รึซิดนีย์ รึมอร์แกน และอุทิศชีวิตหาโซลเมทก็มีตั้งเยอะ ฉันแค่อยากให้เรื่องพวกนี้ไปให้พ้นความเห็นของฉัน นี่มันปีอะไรเข้าไปแล้ว! เราส่งรสชาติไปตามสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้แล้วไม่ใช่เหรอ รสเปรี้ยวน่ะ! แต่คนยังทำหน้ารับไม่ได้แค่เพราะนักแสดงสักคนบอกว่าเกลียดเรื่องโซลเมทเนี่ยนะ ไม่ใช่ว่าฉันจะทำให้มันหายไปสักหน่อย"

    ต่อให้คนทั้งโลกเกลียดเรื่องโซลเมท ชื่อซึ่งไม่ควรมีความหมายกลับมีความหมายก็ยังคงอยู่ ย้อนไปหลายศตวรรษก่อน อารยธรรมมนุษย์ยกชื่อพวกนั้นเป็นสิ่งส่วนตัวสูงสุด เป็นความลับที่ต่างคนควรต่างเก็บไว้ มีแค่ผู้ดูแลในชีวิตเท่านั้นมาร่วมแบ่งปัน จนถึงชั่วขณะหนึ่ง

    ชั่วขณะซึ่งคุณมองเห็นบุคคลผู้แบกนามเดียวกับบนนิ้ว เป็นยิ่งกว่าเพียงคนรัก เพื่อนมนุษย์ หรือครอบครัว ตอนคุณมองไม่เก้อเขินจะมองเข้าไปในดวงตา แล้วจดจำทุกองค์ประกอบที่กอปรเป็นอีกฝ่าย ระยะห่างระหว่างพวกคุณไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ หากเป็นก้าวเดินทางสุดท้ายสำหรับโลกใบเก่า และคุณเข้าใจว่าตัวคุณเองคืออะไร เมื่อคุณได้เห็นภาพสะท้อนของความเป็นไปได้ใหม่สำหรับคำนั้น ในการอยู่เคียงข้างกับคนอีกคน - คัดลอกจากบทที่ 12 ของวรรณกรรมเรื่อง 'เอเอียเลนน่า' ฉบับสำหรับเด็กอายุสิบสามปีขึ้นไป ตีพิมพ์ครั้งแรกปี 1763 ได้รับคำชมว่าถ่ายทอดความรู้สึกสวยงามยามได้พบกับโซลเมทไว้สมจริงตรงใจผู้อ่านทั่วโลก (แต่แปลเป็นภาษาอื่นไว้แค่สามภาษา) หนึ่งในนิยายชวนสงสัยสำหรับโรบิน ว่ามันจะไปอยู่ไหน หากโลกนี้ไม่มีโซลเมท เพราะพวกเขาคิดว่าพวกงานเขียนประเภทแบบเกรทแกตสบี้ ยังมีทางไปชัดเจน

    นักแสดงหนุ่มสูดจมูก หลังมือถูผิวแห้งรอบตา

    "สมัยเรียน คนพวกนั้นแกล้งนายเพราะเรื่องนี้เหมือนกัน"

    เพราะออกัสต์แสดงออกทุกจังหวะเป็นไปได้ ว่าเกลียดเรื่องโซลเมท เขาเกลียดโซลเมท คิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี ที่โรงเรียนตอนนั้นมีคู่โซลเมทบรรจบพบกันตั้งแต่วันแรกสมัยเกรดเก้า โรบินจำชื่อพวกนั้นไม่ได้ แต่เขาไม่มีทางลืมว่าค่อนโรงเรียนรักสองคู่นั้นขนาดไหน ออกัสต์บอกว่าเกลียดโซลเมท แล้วทุกคนพากันทำประหนึ่งออกัสต์ บัตเตอร์ฟลายวางแผนยืนดักรอตามหัวมุมเพื่อปาดคอคู่โซลเมททุกเย็น

    "ช่าย บอกว่าฉันอยากจะนอนกับทุกคนบนโลกนี้ และโซลเมททำให้ความฝันฉันเป็นจริงไม่ได้ ฉันถึงเกลียดโซลเมท" ออกัสต์ขากเยาะ "ฉันเริ่มทำเหมือนแกแล้ว"

    "อะไร"

    "คิดถึงโลกที่ไม่มีโซลเมทบ่อยขึ้น" ออกัสต์กระดกนิ้วเล็กน้อย "สงสัยว่าจะเป็นยังไง ที่นี่ผ่านกฎหมายแต่งงานระหว่างเพศเดียวกันปี 1882 ใช่ไหมล่ะ แกก็เคยถามว่าแล้วจะเป็นยังไงถ้าไม่มีโซลเมท จะผ่านเร็วขึ้น หรือช้าลง หรือไม่มีข้อจำกัดแต่แรก ฉันเลยลองคิดดูบ้าง"

    "แล้วนายคิดว่าไง"

    ออกัสต์พรวดพราด หอบกล่องโดนัทลุกขึ้น วิ่งออกไปนอกห้องนอน "ออกัสต์?" โรบินเรียก ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งย่ำพื้นต่อ พวกเขาจึงวิ่งไล่ตาม

    กลางห้องนั่งเล่น ออกัสต์ยืนจังก้าหันหน้าหากระจกบานเบ้อเริ่มเพื่อให้ผู้อาศัยได้ดื่มดำทิวทัศน์ป่าตึกระฟ้าและความรู้สึกโออ่าเปิดโล่ง หมอนั่นกัดโดนัทแล้วสะบัดหน้าตัดชิ้นขนมขาด มือข้างที่ถือโดนัทกำส่วนที่เหลือแน่น ชี้ยังมหานครยามบ่ายคล้อย

    ปลายนิ้วเลอะไอซ์ซิ่งชี้เมือง ไม่ต่างกับสมัยพวกเขานั่งด้วยกันในโรงอาหาร เบื่อหน่ายจากพวกทุเรศที่หาเรื่อง กลั่นแกล้งออกัสต์ในคาบวิชาชีวะอีกแล้ว ตอนนั้นออกัสต์ บัตเตอร์ฟลาย เจ้าเด็กสิบหกผมทองฟูไม่เป็นทรง ขอบตาแดงก่ำ ชี้ออกนอกหน้าต่างข้างโต๊ะซึ่งถูกถาดอาหารสีน้ำเงินสดใสสี่ถาดบังมิด บอกว่าสักวันตนจะครองโลกแบบวายร้าย แล้วเปลี่ยนโลกแห่งความรักของโซลเมทเป็นแดนดิสโทเปีย จนมีผู้กล้ามาปราบตนลง โลกค่อยสวยงามขึ้นมา

    มันไม่ได้เกิดอะไรพรรค์นั้นขึ้นตรงตามตัวอักษร โรบินก็โล่งอก แสงแดดด้านนอกขณะนี้เองช่างแตกต่างจากแสงแฟลช เมื่อออกัสต์ย่างเท้าเดินบนพรมงานพรีเมียร์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกของเขา

    "ทุกอย่างเป็นเพราะโซลเมท พวก แค่เพราะพวกเราติดอยู่กับโซลเมท"

    "นายเชื่อแบบนั้น"

    "ฉันเชื่อแบบนั้น"

    เอนเตอร์เทนเมนต์เคยเขียนถึงออกัสต์ว่าเป็นคนโรแมนติค -- อันที่จริง ถ้าจำไม่ผิด โรบินเป็นคนเขียนบทความนั้นเอง ฉลองก้าวกระโดดทางการงานแด่เพื่อนสนิท

    โรบินล็อคคอลากออกัสต์ไปล้างหน้า นักแสดงเพิ่งติดเทรนด์พูดตลอดเวลาไม่ยอมหุบปาก กระทั่งถูกยื่นแปรงสีฟันมีก้อนยาฟีสันเบ้อเริ่มปาดแปะให้แล้ว

    "ทำไมฉันถึงหลุดออกไปแบบนั้นซะได้นะ"

    "อันที่จริงฉันยังไม่ได้ดูคลิปทั้งหมด แค่อ่านที่มีคนล้อเลียนทั้งสถานการณ์บนทวิตเตอร์ มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ ชื่อนายติดเทรนด์ แล้วพอออกจากร้านอัดรูปด้านบนร้านกาแฟฮิปสเตอร์ซึ่งต้องกลายเป็นโจ๊กแน่ ถ้าทูโบรคเกิร์ลส์ยังฉายอยู่ ฉันก็โดนนักข่าวรุมเพื่อถามถึงนาย" โรบินร่ายบนขอบอ่างน้ำหินอ่อน เนื่องจากเห็นได้ชัดว่าพวกนายหน้าคิดว่าคนต้องการเพนท์เฮ้าส์ทีี่มีอ่างน้ำแบบเดียวกันหมด พวกเขารอออกัสต์แปรงฟันเสร็จ และนั่นคงอีกนาน ออกัสต์กำลังสำรวจว่าไอซ์ซิ่งบวกแถบตอหนวดช่วยเสริมระดับความเซ็กซี่ไหม ถ้าต่อไปเวลาไว้หนวด เขาย้อมนวดเป็นสีอ่อนเสียเลย

    "มันเริ่มจากพิธีกรถามฉันเรื่องที่มีคนอ้างว่าฉันตามเขาจากในห้างไปถึงรถ เพราะอยากขอดูชื่อตรงนิ้วเขาน่ะ -- เอ้อ ลองกูเกิ้ลดูสิ"

    เขาพิมพ์ชื่อซิดนีย์ ออกัสต์ บัตเตอร์ฟลาย

    คลิปพาดหัว 'ซิดนีย์ บัตเตอร์ฟลายบอกว่าโซลเมททำลายชีวิตเขา' เด่นหรา

    "โว้ว"

    พิธีกรกับออกัสต์นั่งเฉียงเข้าหากัน แตะเพียงพนักวางแขนของโซฟา

    "จะว่าไป ซิดนีย์ คุณคิดยังไงเกี่ยวกับข่าวลือเรื่องโซลเมทของคุณ" พิธีกรเปลี่ยนท่านั่งระหว่างเริ่มคำถาม

    "คิดว่ามันประหลาดมาก มีคนกุเรื่องว่าผมอยากพิสูจน์ว่าเขาเป็นโซลเมทของผมไหม ถึงขั้นปีนเข้าไปในรถเขาก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่ประหลาดกว่าคือการที่คนบางกลุ่มพยายามบอกว่า ต่อให้ผมทำจริง นี่มันควรเป็นกรณียกเว้น เพราะทุกคนควรจะเข้าใจ ผมไม่เห็นว่ามีอะไรตรงไหนให้เข้าใจ ถ้ามีคนแปลกหน้าพรวดพราดขึ้นมานั่งบนรถคุณ คุณพยายามไล่เขาออกไป รึแจ้งตำรวจ รึทั้งสองอย่าง" ออกัสต์ในคลิปออกท่าทางขยับมือไม้ประกอบ

    พิธีกรพรมนิ้วเคาะพนักวางแขน ครุ่นคิด "พวกเขาคิดถึงว่าถ้านั่นเป็นโอกาสเดียวที่คุณจะได้เจอโซลเมท เป็นใครก็คงอยากทำทุกอย่างเพื่อคว้าโอกาสนั่นไว้ หรือทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้พลาดอะไรไป"

    "มันก็แค่โซลเมท" ออกัสต์ในคลิปแย้ง

    โรบินบอกได้ว่าบรรยากาศทั่วห้องส่งเริ่มขุ่น มันเงียบกริบ ไม่มีเสียงร้องโห่ ไม่มีใครหายใจเฮือกตกใจ เงียบสนิท

    "เชื่อเถอะ ซิด ผมเคยคิดแบบนั้นเหมือนกันจนได้เจอโซลเมทของตัวเอง มันไม่ใช่แค่โซลเมทเลยพอเราได้พบเข้ากับตัว ความรู้สึกที่เกิด --"

    "คนเราต้องหยุดให้ข้อแก้ตัวทุกอย่างกับโซลเมทสักที คุณรักเป็นแค่เพราะโซลเมทหรือไง"

    "ไม่แน่นอน ผมรักแม้แต่สัตว์เลี้ยงของผม เหมือนเป็นครอบครัว" พิธีกรเลิกลั่ก

    "ผมชอบความรักแบบครอบครัวนะ แต่คนส่วนใหญ่ชอบใช้มันเหมือนเป็นความรักปลอบใจ ซึ่งทั้งหมดนั่นก็เพราะโซลเมทไม่ใช่เหรอ มนุษย์เหมือนพร้อมจะแก้ตัวให้กับทุกอย่างไม่ว่าจะข่มขืนรึฆาตกรรม ขอแค่ถ้าโยงเข้ากับโซลเมทได้ มันทำลายพวกเรา"

    "สมกับเป็นความเห็นของคนที่รับบทโหดและท้าทายแบบนั้นได้ ซิดนีย์ ออกัสต์ บัตเตอร์ฟลายครับ"

    "เสียงปรบมือนั่นเติมเข้ามาทีหลัง" ออกัสต์ตัวจริงพูดแข่งกับเสียงปรบมือกราวปิดคลิป

    "โว้ว" โรบินอุทานซ้ำ

    เจ้าบ้านหมุนฝาน้ำยาบ้วนปาก คว้าผ้าขนหนูจากราวติดผนังมาเช็ดคาง

    "แล้วไง มีใครมายกเลิกสัญญางานของนายหรือยัง"

    "ยัง แต่คิดว่าต่อไป ฉันคงไม่ได้อยู่ในหนังที่เป็นเซ็ตติ้งโลกธรรมดาอีกเลย"

    "หนังดีที่พังเพราะเก็บส่วนโซลเมทไว้ก็มีตั้งเยอะ จำเรื่องนั้นที่บู๊สุดยอดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่จู่ๆ พระเอกกับนางเองก็จูบกันแล้วก็เดินเรื่องต่อเหมือนมันเป็นจุดชักกระตุกของเรื่องได้ไหม เพราะฉันจำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว"

    "ใช่ เพราะโซลเมท"

    "นายเชื่อแบบนั้นนี่"

    "ใช่สิ ยิ่งคิดฉันยิ่งมั่นใจ โลกคงจะเป็นอิสระกว่านี้ คนคงไม่สนเรื่องใครจะรักใคร คนก็จะไม่ต้องมีความสามารถจะรักได้น้อยนิดขนาดนี้จนต้องพึ่งพาโซลเมท โฆษณาที่แกรำคาญก็จะไม่มี แกกับฮาวนด์จะไม่ถูกเมินเฉยแบบนี้ ห้องน้ำด้วย ห้องน้ำสาธารณะจะไม่มีแค่สำหรับผู้หญิงแล้วก็ผู้ชาย" เสียงแผ่วลง โรบินไม่มั่นใจว่าเพราะตนทำหน้าตอบรับไม่ดีพอหรือเปล่า "...ใช่ไหม"

    "ไม่มีใครรู้หรอก แถมนั่นฟังดูเป็นโลกที่ไม่เลวจะตาย อยู่กับมันไว้ไม่เห็นเสียหาย"

    อย่างน้อยถ้าเป็นออกัสต์คงใช่เช่นนั้น และตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของโรบิน โลกซึ่งไม่มีโซลเมทจะเป็นภาพวาดสีเทียนแบบใด พวกเขายินดีช่างแม่ง มันไม่สำคัญ เพราะออกัสต์ยังขอบตาบวมก่ำ

    ออกัสต์ไอ "ฉันว่าจะงีบสักหน่อย รอให้ฮาวนด์มาลากฉันไปทำงานโกยเศษผงชื่อเสียงตอนเย็น นายมีอะไรทำให้ฉันหลับไหม"

    "นิยายเรื่องใหม่ของฉัน"

    "เพอร์เฟ็ค"

    โรบินกระดกเท้าเตะก้นเจ้าบ้าน ทั้งสองย้ายกันไปเอกเขนกเหนือโซฟาตัวใหญ่รูปแอล เก็บกล่องโดนัทติดมือมาด้วย ออกัสต์เอนหลังบนหางยาว เงากรอบกระจกพาดทับทั้งสองเป็นตารางช่องใหญ่ แสงแดดส้มจัดเทลงมา โรบินขยับก้นหาความสบายบนฝั่งเบาะสั้นกว่า เปิดไฟล์ที่ตนแนบอีเมล์ส่งหาบรรณาธิการ พวกเขาอ่าน

    "...ธีโอบัลด์มองภาพเบื้องหน้าพลางยิ้มละไม หากดูเศร้าจับใจถ้าลอเรนไซนึกถึงความเป็นจริง ว่าทุกสิ่งที่ธีโอบัลด์พยายามมาหลายร้อยปี ได้สูญเปล่าสิ้น "ไม่เป็นอะไร" ลอเรนไซเอ่ย "เจ้าไม่ได้มองผิดที่" สหายร่วมทางปลอบประโลม "เพียงแต่ทุกอย่างไม่จำเป็นต้องไร้มลทินและความผิดพลาด เพื่อจะสวยงาม" ตะวันจวนเจียนลาลับ การเดินทางที่ลอเรนไซต้องส่งต่อกำลังจะเริ่มขึ้น ดวงตาใกล้ปิดลงหันมองยังสองศิษย์แสบ ซึ่งคงจะทำให้ธีโอบัลด์เพื่อนรักปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งกว่านี้

    "เดี๋ยว ทำไมมันฟังดูเหมือนตอนจบเลย"

    "เพราะนี่มีเฉพาะตอนจบที่ฉันแก้ส่งบก.ไปเดือนก่อนไง"

    "สปอยล์!"

    ฝ่ายนักเขียนอ่านเสียงดังยิ่งขึ้น น้ำตาลเคลือบหน้าโดนัทชิ้นสุดท้ายละลายไปกับท้องฟ้าช่วงวัน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in