หากพูดถึงความสุขในวัยเด็กหรอ ? … ช่วงประถมก็คงไม่พ้นการที่ได้เล่นกระโดดยางแล้วมีเพื่อนในทีมเก่งๆคอยแก้ให้เรา เวลาเรากระโดดไม่ผ่านล่ะมั้ง เป็นกิจกรรมที่ฮิตติดลมบนมากในหมู่เด็กผู้หญิง ส่วนในหมู่เด็กผู้ชาย ก็คงไม่มีอะไรจะสนุกไปกว่าการได้ขุดหลุมเล่นลูกแก้ว แล้วในกระเป๋ากางเกงตุงกลับบ้านทุกวัน เพราะได้กินลูกแก้วเพื่อนหลายคน หรืออาจจะเป็นไพ่ยูกิ ที่แอบไปนั่งเล่นกันหลังห้องเปิดการ์ดสู้กันอย่างเงียบๆ

                นึกแล้วก็อดคิดถึงตอนเด็กๆไม่ได้ อะไรๆก็น่ากินไปหมด แค่มีสีสันสวยงามสะดุดตา แทบจะอ้อนวอน พ่อค้าแม่ขายให้รีบๆทำให้หนูเร็วๆหน่อย อยากจะกินน้ำแข็งใสสีสวยจนอดใจไม่ไหวอยู่แล้ว       บางคนหกล้ม ร้องไห้จนน้ำตาจะหมดบ่อเพราะความเจ็บปวด                                                                 ส่วนบางคน เดินผ่านตัวการ์ตูนตัวโปรด ก็รีบวิ่งปรี่เข้าไป หวังให้พ่อกับแม่ที่มองมาเห็นว่า "ฉันอยากได้มันมากแค่ไหน ได้โปรดดด... หยิบยื่นสตางค์ออกมา พามันกลับบ้านไปกับฉันที" แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องเดินคอตกกลับบ้าน เพราะคำว่า 'ไม่' ของผู้ที่ทรงอิทธิพลที่เรียกว่า 'แม่'

                ไม่ว่าเรื่องเล็กแค่ไหนเราก็ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้เสมอ ฟ้องพ่อ ฟ้องแม่ ฟ้องคุณครู ว่าเพื่อนคนนั้นแกล้งเพื่อนคนนี้เอายางลบหนูไป บลาๆๆ สารพัดปัญหาของเด็กน้อยไร้เดียงสา แต่พอตอนนี้เรามองย้อนไปในแบบผู้ใหญ่ มันกลับตลกและปนไปด้วยรอยยิ้มทุกทีที่นึกถึง ว่าเราเคยน่ารักขนาดนั้นเลยหรอ ?

แล้วเราจะยังน่ารักแบบนั้นได้อีกหรือเปล่า… นั่นเป็นคำถามที่เราสามารถตอบมันเองได้ ด้วยการ   “รักษา” มันเอาไว้! มีเพียง 3 สิ่งเล็กๆ ที่อยากจะให้ทุกคนลองรักษามันไว้ แล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้นเยอะ

   1. รักษาวิธีรับความสุขในแบบเด็กๆ : ตอนเด็กเคยมีความสุขในสิ่งเล็กๆ มากแค่ไหน ขอให้พยายามทำแบบนั้นในตอนนี้ที่คุณกลายเป็นผู้ใหญ่ อย่าคิดว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมานั่งกิน นั่งเล่น นั่งคิดอะไรไร้สาระแบบเด็กๆ เราไม่เห็นต้องทำอะไรแบบนี้เลย! ก็ไอ้เรื่องที่ไร้สาระแบบเด็กๆนี่แหล่ะ ที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้คุณมีความสุขมาแล้วมากแค่ไหน ถามใจดู!

   2. รักษาความอยากรู้อยากเห็น : แน่นอน ไม่มีเด็กคนไหนที่ไม่อยากรู้อยากเห็น เราทุกคนล้วนเคยผ่านจุดนั้นมาแล้วด้วยกันทั้งนั้น แต่เดี๋ยวก่อน! ความอยากรู้อยากเห็นใน ณ ที่นี้ ไม่ได้หมายถึงให้ไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องคนอื่นนะ (เราไม่ได้อยากเผือกเรื่องของคนอื่นขนาดน้านนนนหรอก จริงมั้ยยย*เสียงสูง*) แต่ ณ ที่นี้จะหมายถึง อยากรู้อยากเห็นว่าโลกนี้ไปถึงไหนกันแล้ว ติดตามข่าวสารบ้านเมือง ว่าเทรนด์ปีนี้อะไรกำลังมา ฮิปสเตอร์ถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าอะไรก็ว่าไป แล้วนำสิ่งๆนั้นมาปรับใช้ในชีวิตตัวเองซะ ถ้าไม่อยากถูกคนรุ่นหลังซุบซิบนินทา ว่าเป็นคุณลุงคุณป้าล้าสมัย!

   3. รักษาความมุมานะ : หากคุณเจออุปสรรคที่หนักหนาสาหัส คิดว่าคงผ่านมันไปไม่ได้ มันยากเหลือเกิน... อยากให้คุณลองย้อนนึกกลับไปตอนเด็กๆ เริ่มแรกที่หัดปั่นจักรยานสองล้อ ที่คิดว่าทำไมมันยากเหลือเกิน ล้มแล้วล้มอีก ล้มจนเข่า แขน ศอก ถลอกไปหมด แล้วสุดท้าย... คุณสามารถทำมันได้ไหม ? ถ้าทำได้ แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ นำความมุมานะตอนนั้น มาใช้กับปัจจุบันที่คุณกำลังหมดแรงสู้กับปัญหาซะ                            "ทุกปัญหาล้วนมีทางออก ทุกอุปสรรคล้วนมีความสำเร็จซ่อนอยู่"