♰ ลีซา สการ์โบโรห์: เด็กสาวขาพิการผู้เปี่ยมศรัทธาในพระเจ้าที่สามารถกลับใจได้รวดเร็วแตกต่างจากพ่อแม่ของเธอ ลีซาไม่ยอมรับเชื้อแวมไพร์ได้เพราะเธอได้รู้ว่า นี่ไม่ใช่พรจากพระเจ้าอย่างที่ควรจะเป็น และในตอนสุดท้าย เธอก็กลับมาเป็นมนุษย์และมีขาพิการเหมือนเดิมเพราะร่างกายของเธอไม่ได้รับเชื้อแวมไพร์อย่างเต็มรูปแบบนั่นเอง และรอดชีวิตพร้อมกับวอร์เรน
♰ อูเกอร์ : เด็กหนุ่มผู้ช่วยทำพิธีคู่หูของวอร์เรน เขาเป็นผู้ชักชวนให้วอร์เรนและอาลีดื่มเหล้าและสูบกัญชา อูเกอร์ไม่ได้มีบทบาทมากนักภายในเรื่อง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับเชื้อแวมไพร์เข้ามาโดนเห็นเสมือนเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและน่าทดลองคล้ายยาเสพติดหรือของมึนเมารูปแบบใหม่เท่านั้น โดยไม่มีมีความศรัทธาในศาสนาหรือความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองใด ๆ สุดท้ายเขาก็ยืนเคียงข้างสเติร์จและกลายเป็นเถ้าถ่านเช่นเดียวกันกับคนอื่น ๆ
♰ ชื่อตอนแต่ละตอนทั้ง 7 ตอนของซีรีส์ก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือ เลือกใช้เลข 7 ซึ่งเป็นเลขที่มีความสำคัญและถูกใช้บ่อย ๆ ในศาสนาคริสต์ เพราะถือว่าเป็นเลขที่ดีของศาสนาคริสต์ ซึ่งสือ่ถึงหลายอย่าง เช่น พระคุณ 7 ประการของพระจิตเจ้า, วันทั้ง 7 ที่พระเจ้าใช้สร้างโลก, บาป 7 ประการ เป็นต้น โดยระบุเป็นจำนวนตอนทั้ง 7 และใช้ชื่อพระคัมภีร์ต่าง ๆ มาอธิบายถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนตอนนั้นด้วย ดังนี้
Book I : Genesis (พระคัมภีร์ปฐมกาล)
เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงการเริ่มต้นสร้างโลกและสรรพสิ่งของพระเจ้าภายใน 6 วันและทรงพักผ่อนในวันที่ 7 ซึ่งสัมพันธ์ของการกลับมาของคุณพ่อพรูอิตต์ในร่างคุณพ่อพอลเพื่อการเริ่มต้นสร้างเกาะที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ศรัทธาในศาสนาอีกครั้ง
Book II : Psalms (บทเพลงสดุดี)
เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงบทเพลงสรรเสริญและสดุดีพระเจ้าที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา ซึ่งเป็นตอนที่คุณพ่อพอลได้ใช้วาทศิลป์ปลุกใจผู้คนบนเกาะที่เริ่มหมดกำลังใจให้เริ่มเกิดความซาบซึ้งในคำสอนของพระเจ้าและศรัทธาต่อพระเจ้ามากขึ้น
Book III : Proverbs (พระคัมภีร์สุภาษิต)
เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงเรื่องราวคำสอนที่เป็นบทเอาไว้สั่งสอนหรือเตือนใจเพื่อให้ทำแต่ความดี ซึ่งตรงกับเรื่องราวในตอนที่ที่ตัวละครหลาย ๆ ตัวเริ่มมีความศรัทธาในศาสนามากขึ้นจนชีวิตทุกคนเริ่มดีขึ้น โดยนึกว่าเป็นผลของการศรัทธาในพระเจ้า (แต่จริง ๆ เกิดจากการดื่มไวน์ผสมเชื้อแวมไพร์) และใช้สุภาษิตในพระคัมภีร์นำมาพูดอ้างถึงเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และยังหมายถึงการตีความพระคัมภีร์ที่ตรงไปตรงมาอย่างเกินจริงจนน่ากลัวของคุณพ่อพอล นั่นก็คือ บทกล่าวในการรับศีลมหาสนิทในการรับขนมปังไร้เชื้อและเหล้าองุ่นที่ว่า "จงรับไป นี่คือกายของพระคริสต์" และ "จงรับไป นี่คือโลหิตของพระคริสต์" และการที่ได้รับชีวิตนิรันดร์จากพระเจ้าผ่านการดื่มไวน์ผสมเชื้อแวมไพร์จากเลือดแวมไพร์นั่นเอง

Book IV : Lamentations (บทเพลงคร่ำครวญ)
เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงบทเพลงที่ใช้ร้องในพิธีศพและคร่ำครวญถึงความสูญเสีย ซึ่งสะท้อนช่วงเวลาที่คุณพ่อพอลเริ่มกลายสภาพเป็นแวมไพร์อย่างสมบูรณ์ เริ่มมีความกระหายเลือด ทุกข์ทรมานในความเจ็บปวดในร่างกาย และยังสะท้อนเรื่องราวของไรลีย์และเอรินที่มานั่งเล่าระบายความทุกข์ในใจของตัวเองจนสามารถเข้าใจอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้ และก่อเกิดเป็นความรักอันบริสุทธิ์จริง ๆ
Book V : Gospel (พระวรสาร)
เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึง "ข่าวดี" ที่ถูกนำมาบอกเล่าแก่มนุษย์ว่า บาปของมนุษย์จะได้รับการอภัยเพราะพระเจ้าได้ส่งพระบุตรลงมาเป็นพระผู้ไถ่ในโลกมนุษย์และมนุษย์จะฟื้นคืนชีพในสวรรค์หากมีความศรัทธาในพระเจ้า ซึ่งตรงกับตอนที่ไรลีย์ถูกกัดคอและกลายเป็นแวมไพร์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งคุณพ่อพอลและเบฟบอกเขาว่า เขาได้รับข่าวดีและพรจากพระเจ้า เพราะเขาจะมีพลังวิเศษ แข็งแกร่ง และเป็นอมตะ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลยแม้แต่น้อย
Book VI : Acts of the Apostles (กิจการของอัครทูต)
เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงบันทึกแนวทางปฏิบัติที่พระเยซูทรงสอนเพื่อเป็นแนวทางในการเผยแพร่ศาสนาต่อไปและยังเป็นเสมือนบทบันทึกการเดินทาง เรื่องราว เหตุการณ์หรือการรายงานการปฏิบัติหน้าที่เผยแพร่คำสอนของเหล่าอัครสาวกและนักบุญต่าง ๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้ตรงกับเนื้อหาในซีรีส์ที่ว่า คุณพ่อพอลได้ปลุกใจให้ทุกคนที่มาโบสถ์เตรียมตัวเผยแพร่คำสอนของพระเจ้าผ่านการรับเชื้อแวมไพร์ผ่านการดื่มไวน์ในพิธีมิสซา
Book VII : Revelations (วิวรณ์)
เป็นคัมภีร์ที่กล่าวถึงการเปิดเผยความจริงหรือความสำคัญบางอย่างผ่านการมาปรากฏตัวของสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น เทวทูต พระจิตเจ้า ซึ่งสื่อถึงการเปิดเผยตัวของทูตสวรรค์หรือแวมไพร์แก่ทุกคนที่มาโบสถ์ในพิธีเปลี่ยนแปลงร่างกายในตอนสุดท้ายของซีรีส์
♰
ต้นกำเนิดแวมไพร์ตัวแรกของโลก
อ้างอิงจากพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับพันธสัญญาใหม่ (The New Testament) และคัมภีร์ The Book Of Alugah ของศาสนายิว
ที่เล่าถึงตอนที่พระเยซูถูกหักหลังโดยสาวกคนหนึ่ง นั่นก็คือ ยูดาส อิสคาริโอท (Judas Iscariot) ที่ขายความลับให้แก่ทหารโรมันเพื่อแลกกับเงิน 30 เหรียญว่า คนไหนคือพระเยซู โดยการเข้าไปจูบที่แก้มของพระองค์เพื่อส่งสัญญาณให้ทหารโรมันเข้ามาจับตัวพระองค์ไปตรึงไม้กางเขน แต่เมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ไปแล้ว ยูดาสก็สำนึกผิดและติดสินใจผูกคอตาย แต่เขาก็ไม่อาจตายได้ เนื่องจากพระเจ้าได้สาปเขาเอาไว้ว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ไปชั่วกัปชั่วกัลป์โดยที่ไม่อาจถึงความตายได้ เขาจะไม่สามารถอยู่ในแสงของดวงอาทิตย์และจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวในยามกลางคืน พร้อมทั้งดื่มเลือดจากมนุษย์เป็นอาหาร เขาจะมีลูกหลานมากมายซึ่งเป็นคนที่เขากัดและดูดเลือด และคนเหล่านั้นก็จะต้องกลายเป็นผีดิบเหมือนกับเขาไปด้วย
ในฉากที่คุณพ่อพรูอิตต์ถูกแวมไพร์กัดนั้น ด้วยความที่เขาแก่ชราและมีสติความทรงจำพร้อมทั้งสายตาที่พร่าเลือนจนไม่อาจรู้ถูกผิดได้ จึงทำให้เขาอาจเข้าใจผิดไปว่า แวมไพร์เป็นทูตสวรรค์ของพระเจ้า และการที่แวมไพร์ได้กรีดเลือดให้เขาดื่ม เสมือนเป็นการถูกซานตานเข้าสิงหรือดลใจให้กระทำการที่ผิดไปจากเส้นทางของพระเจ้านั่นเอง

♰ ชื่องาน Crock Pot Luck งานเทศกาลประจำเกาะคร็อกเก็ตต์ ต้องอธิบายก่อนว่า งาน Pot Luck Party คืองานปาร์ตี้ในอเมริกาที่ผู้คนจะพากันทำอาหารหรือเครื่องดื่มสูตรของตัวเองเอามาแบ่งกันทานในงานเพื่อสังสรรค์พูดคุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูลหรือสานสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และอาจจะมีการประกวดหรือแข่งขันว่า อาหารของใครที่อร่อยที่สุดหรือมีคนทานเยอะที่สุดด้วย ซึ่งในซีรี่ส์ก็มีการพูดถึงความเป็นเหมือน "หม้อต้มรวม" ของผู้คนบนเกาะ ที่สื่อถึงสถานที่ที่มีคนมากมายหลายประเภท หลายเชื้อชาติศาสนา หลายวัฒนธรรมมารวมตัวกันเพราะศรัทธาในศาสนา (ซึ่งอาจจะเป็นการล้อเลียนความเป็นอเมริกาอยู่หน่อย ๆ ที่มีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า Melting Pot ซึ่งก็คือ หม้อหลอมรวม เหมือนกัน) แต่จริง ๆ จะว่าเป็นเรื่องดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ได้ เพราะในความแตกต่างหลากหลายก็ยังคงมีคนที่ไม่ชอบความแตกต่าง ซึ่งยังคงมีปัญหาการเหยียดเชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรมอยู่ตลอดแม้กระทั่งในปัจจุบันทั้งในอเมริกาและในเกาะคร็อกเก็ตต์ด้วย

♰ และยังมีการนำเสนอความเป็นอื่นผ่านการนำเอาแมวหรือสุนัขเข้ามาเลี้ยง ซึ่งแมวหรือสุนัขแสดงถึงความเป็นสัตว์ต่างถิ่น (Alien Species) ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตในท้องถิ่นหรือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอื่นในเรื่องหรือแทนสิ่งที่มาจากโลกแห่งวัตถุหรือโลกสมัยใหม่ ซึ่งเราสามารถสังเกตได้ว่า โจ คอลลี่ ชายขี้เมาประจำเกาะที่ทุกคนรังเกียจก็เป็นเจ้าของเจ้าไพค์ สุนัขพิตบูลที่ถูกเบฟวางยาเบื่อนั่นเอง เหตุการณ์นี้เองที่บอกให้เรารู้ได้ว่า เบฟ ซึ่งเป็นตัวแทนของคนพื้นถิ่นไม่ยอมรับเอาสิ่งใหม่ ๆ จากโลกภายนอกที่เข้ามาในเกาะ เพราะเธอคิดว่ามันจะทำร้ายร่างกายของเธอและอาจจะหมายถึงสิ่งใหม่ ๆ นี้ (โลกแห่งวัตถุ) อาจจะทำลายสิ่งที่เป็นสิ่งดั้งเดิมของเกาะไป (ศาสนา ความเชื่อ ศรัทธา) เธอจึงชิงทำลายสิ่งแปลกปลอมนั้นก่อนเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

♰ มีการนำความเชื่อเรื่องสัตว์ที่บอกข่าวหรือเกี่ยวข้องกับโชคลาง นั่นก็คือ นกอัลบาทรอส (Albatross) ซึ่งเหล่าชาวประมง ชาวเรือ หรือกะลาสีเชื่อว่า เป็นนกที่จะนำโชคร้ายมาให้ ซึ่งภายในเรื่อง โจ คอลลี่ได้มองเห็นทูตสวรรค์ (แวมไพร์) บินผ่านหลังคาบ้านเขาไปในตอนกลางคืน เขาจึงคิดว่าเป็นนกอัลบาทรอสตัวใหญ่นั่นเอง
♰ การนำเอาความเชื่อของกะลาสีและชาวประมงมานำเสนอถึงเหตุการณ์ ซึ่งบ่งบอกว่ากำลงจะมีเรื่องราวเลวร้ายเกิดขึ้นในซีรี่ส์ต่อไป และสีแดงก็ยังสะท้อนถึงการเกิดพายุ ความอันตราย ความตาย เลือด หรือความโชคร้ายก็ได้ ความเชื่อนั่นก็คือ
"Red sky at night, sailors delight. Red sky in morning, sailor’s warning."
"ฟ้าแดงยามเย็นคนเรือดีใจ ยามเช้าแดงไซร้ให้จงระวัง"
(ใครมองเห็นอะไรเพิ่มเติม หรือมีความคิดเห็นอื่น ๆ ที่แตกต่างไป
สามารถมาพูดคุยกันได้นะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in