เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พระจันทร์หลงทางร่างกายต้องการซูชิ
ก้อนหิน
  • พระจันทร์บนผืนน้ำพยายามคงรูปตัวเอง
    อาจไม่กลมโตสวยงามเท่าพระจันทร์บนฟ้าแต่มันก็พยายามเหลือเกิน

    หากความพยายามครั้งนี้ช่างยากนัก

    เพราะเพียงใบไม้พลิ้วไหวตกลงต้อง เงาจันทร์ที่ไม่น่ามองก็บิดเบี้ยวไม่คล้ายเดิม





    เมื่อวานฉันไปโรงเรียนวันแรก

    โชคดีที่อาการง่วงเหงาหาวนอนเมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นเพียงความผิดพลาดของคุณหมอ

    ท่านสั่งยาผิด แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก

    ฉันไม่ได้โกรธ คิดดีใจเสียมากกว่า


    การไปโรงเรียนครั้งแรกเริ่มต้นตั้งแต่คืนก่อนนอนที่อารมณ์ทำท่าจะไม่คงที่
    ฉันกินยานอนหลับเร็วกว่าทุกวันแต่กลับฝันร้ายติดกันซ้ำๆ

    ในฝันไม่มีใครช่วยฉันเลย

    ฉันตื่นเช้า ใจหนึ่งคิดว่าจะไม่ไปแล้วแต่สุดท้ายก็แต่งชุดพละและก้มลงผูกเชือกรองเท้าเพราะคิดว่าตัวเองได้ให้สัญญากับคนอื่นไว้มากเกินไป

    สัญญาที่ว่าวันนี้จะไป

    เช้าวันแรกเริ่มอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก
    เพราะฉันโอ้เอ้อยู่นานจึงไปโรงเรียนสาย
    โชคดีที่ไม่โดนทำโทษเพราะเป็นความผิดครั้งแรก

    เพื่อนๆและคุณครูดูตกใจที่เจอฉัน

    เพื่อนสนิทสองคนที่เป็นคล้ายเพื่อนสนิทเข้ามาทักทายฉันเป็นลำดับหลังๆ
    เรายังเดินเกาะกลุ่มกันโดยมีฉันเดินตามหลังเช่นเดิม
    เพื่อนบางคนที่ไม่สนิทมีมาทักอยู่สองสามประโยค
    บางคนก็แค่เดินมามองจนฉันรู้สึกตัว

    ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันรู้สึกไม่ค่อยดี

    คาบหนึ่งที่ไม่ได้เรียนอะไรมากมายนัก ฉันกวาดตามองเพื่อนร่วมห้อง
    ฉันรู้ว่ามีหลายคนในที่แห่งนี้เป็นคล้ายๆฉัน อาจมากกว่าน้อยกว่าบ้างไม่ทราบได้

    แต่ทุกคนก็ดูมีความสุขดี

    ทุกคนดูมีเพื่อนสักคนสองคนที่คุยกันรู้เรื่อง

    ทุกคนดูมีเพื่อนสักคนสองคนที่สามารถต่อบทสนทนากันได้โดยไม่ต้องพยายาม

    แต่ทำไมฉันถึงไม่มีกันนะ

    ฉันใคร่ครวญคำถามนั้นด้วยความรู้สึกอยากจะอาเจียน

    ฉันยืนมองเพื่อนสนิทสองคนที่ยืนรอฉันเข้าห้องน้ำแต่คำถามเดิมก็ยังดังในใจ

    ทำไมฉันถึงไม่มีเพื่อนกันนะ

    ฉันกล้ำกลืนก้อนขมๆลงคอ
    จิกเล็บตัวเองลงบนฝ่ามือเพื่อนดึงความคิดออกจากความรู้สึกบีบรัดแถวๆลำไส้
    ออกก้าวเดินตามหลังสองคนนั้นไปอย่างเป็นธรรมชาติ



    ตลอดทั้งวันบทสนทนาที่ตรึงใจฉันจนถึงตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไร

    บางทีนี่อาจเป็นเรื่องปกติของคนเป็นโรคซึมเศร้า

    ไม่ต่ำกว่าห้าครั้งที่เพื่อนในห้องฉันพูดว่าฉันทำงานเสร็จเร็วกว่าคนที่มีโรงเรียนเสียอีก ฉันดูเข้าใจบทเรียนยิ่งกว่าคนที่มาเรียนครบทุกครั้งเสียอีก

    บางทีพวกเขาคงอยากให้ฉันรู้สึกดี

    แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกคือ พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉันผ่านเรื่องราวแบบไหนมาบ้าง
    พวกเขาไม่รู้เลยว่าวันเสาร์ที่ผ่านมาฉันร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลเป็นชั่วโมงๆและอาเจียนจนแสบคอหลังจากโหมทำการบ้านมาหลายวัน

    พวกเขาไม่รู้อะไรเลย

    และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาด้วย




    ฉันเลิกเรียนตอนสี่โมงกว่าๆ
    ขากลับต้องเดินไปหาพ่อกับแม่ที่มารออยู่ที่ห้องห้องหนึ่งในโรงเรียนทั้งวันเผื่อฉันอยากกลับก่อนเพื่อกลับบ้าน
    ที่นั่นฉันพบครูหลายคน แต่ละคนล้วนหวังดีต่อฉัน

    แต่หนึ่งในนั้นก็ฝากคำพูดบางคำไว้ในใจฉันอยู่ดี

    ท่านว่าให้ฉันรีบๆหาย สงสารพ่อกับแม่

    ตอนนั้นฉันคลื่นไส้อีกครั้ง รู้สึกอยากร้องไห้แต่ก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายแล้วพยักหน้า

    ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้สบายนักหรอกในการมาเฝ้าฉัน
    ท่านคงไม่มีความสุขนักหรอกที่ต้องมาเห็นฉันอารมณ์ปรวนแปรแบบนี้
    รู้อยู่หรอกว่าท่านเหนื่อยที่ต้องมาตามงานหลายๆอย่างให้

    ฉัน รู้ ทุก อย่าง

    เถียงไม่ได้แม้แต่คำเดียว

    หัวใจฉันกรีดร้องอย่างหยาบคายว่าจะพูดอะไรนักหนา
    พูดไปแล้วอะไรมันดีขึ้นหรือ
    พูดแล้วฉันหายป่วยเร็วขึ้นหรือท่านแค่สบายใจที่ได้พูดกันแน่

    แต่เพราะฉันรู้ดีถึงความเป็นห่วงของท่าน ทุกอย่างจึงถูกพับเก็บลงในใจอย่างเงียบงัน



    เย็นวันนั้นฉันพาเพื่อนมาทำงานกลุ่มต่อที่ห้องประชุมใต้คอนโดที่ฉันอยู่

    เราร้องเพลงภาษาอังกฤษกัน
    ส่วนใหญ่ฉันเป็นคนนำเพราะฉันเป็นคนแต่งเพลง
    เรื่องราวตรงนี้ไม่ได้มีอะไรชวนให้ลำบากใจ
    ฉันมีแต่ความรู้สึกว่าอยากให้มันผ่านไปไวๆเท่านั้นเอง



    ฉันไปหาหมอตอนใกล้หนึ่งทุ่ม กว่าจะได้เข้าพบก็ล่วงเลยไปกว่านั้น

    ฉันเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ท่านฟัง
    บอกเรื่องคำพูดของครูคนนั้นและเรื่องคืนวันเสาร์ที่แสนวุ่นวาย
    หากก็ไม่ได้ลงลึกถึงความขยะแขยงอยากอาเจียนยามอยู่ที่โรงเรียน

    ฉันขอนิยามมันว่าอย่างนั้นก็แล้วกัน

    ท่านว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ฉันอาจมีอารมณ์เศร้าโดยไม่มีเหตุผล
    วันนี้ฉันทำได้ดีแล้ว
    หากไม่ไหวก็อย่าฝืนตัวเอง

    ยาแก้คิดวนของฉันเพิ่มปริมาณอีกครั้ง

    เมื่อกลับบ้านแม่เล่าให้ฉันฟังว่า หมอชมว่าฉันอาการดีขึ้น
    ฉันนึกแย้งในใจ

    ฉันยังอยากอาเจียนอยู่เลย

    แต่ช่างเถอะ

    อย่างไรเสีย หายก็ดีกว่าไม่หาย



    คืนนั้นฉันนอนซึม ไม่ทานข้าวเย็นและตั้งใจว่าจะไม่ไปโรงเรียน




    เช้าวันนี้ฉันยังคงซึมอยู่

    ในหัววนเวียนอยู่แต่เรื่องที่ตัวเองเป็นภาระให้พ่อแม่
    รู้ดีว่าทางแก้คือการลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่างแต่ร่างกายก็ไม่ยอมขยับ
    จิตใจส่วนลึกปรารถนาอยากถามท่านตรงๆว่าฉันไม่ได้เป็นภาระใช่ไหม

    การมีฉันอยู่ มันดีกว่าไม่มีใช่ไหม

    ฉันไม่คิดจะถามว่าท่านเหนื่อยหรือไม่เพราะรู้ว่าอย่างไรท่านก็ต้องเหนื่อย
    ฉันเพียงอยากขอการยืนยันในการมีชีวิตอยู่
    แม้ท่านจะโกหกแต่ฉันก็อยากจะฟัง

    ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้ถามมันออกไป




    ตอนสายแม่ออกไปทำธุระเรื่องของฉันที่โรงเรียน ส่วนฉันพยายามที่จะไม่ร้องไห้โดยการนอนหลับ
    ตื่นมาอีกทีแม่ก็กลับมาแล้ว คราวนี้ท่านเร่งเร้าให้ฉันลุกขึ้นทำการบ้านอ่านหนังสือ

    ฉันยังคงนอนซึม

    หลังจากเปลี่ยนเรื่องคุยไปหลายเรื่ิองฉันก็ลุกขึ้นมัดผม
    ตั้งใจจะทำการบ้านอย่างที่แม่บอก

    แต่แค่เห็นชีทเรียนฉันก็คิดถึงเรื่องที่โรงเรียนขึ้นมา

    ฉันบอกแม่ว่าฉันขอนอนได้ไหม ฉันอยากร้องไห้
    ไม่ได้รอท่านอนุญาต ฉันเดินมานอนบนเตียงแล้วเริ่มร้องไห้เงียบๆ

    ระหว่างนั้นท่านพูดออกมาคำหนึ่ง

    หมอไม่ได้สอนให้ฉันจัดการตัวเองในเวลาแบบนี้นอกจากการกินยาเลยหรือ

    ฉันโกรธ

    วินาทีต่อมาก็เสียใจ

    เสียงร้องไห้คล้ายจะดังขึ้น
    ฉันกดตัวเองลงกับหมอนแล้วคิดในหัวซ้ำๆว่าประโยคที่ครูคนนั้นพูดมันถูกต้องแล้ว

    น่าสงสารพ่อแม่จริงๆที่มีฉัน

    แม่เดินเข้ามาใกล้ ท่านตั้งใจจะพาฉันไปล้างหน้าล้างตา
    แต่ลำคอที่ตีบตันหลังจากได้เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของท่านก็ทำให้ฉันเอ่ยปากขอให้ท่านออกจากห้อง

    แล้วเหตุการณ์ก็เริ่มวนลูปเดิม

    ท่านว่าฉันทำแบบนี้อีกแล้ว ทำให้ท่านรู้สึกผิดอีกแล้ว
    ฉันเองก็รู้สึกว่าท่านพูดแบบนี้อีกแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกผิดอีกแล้ว

    มันเหมือนเราสองแม่ลูกยืนอยู่กันคนละฝาก ด้านหลังมีกองก้อนหินรูปร่างหน้าตาเหมือนกันเต็มไปหมดอยู่คนละกอง

    ท่านปามันมา

    ฉันปามันกลับไป

    สลับกันทำให้กันและกันเจ็บโดยที่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเป็นฝ่ายไหนที่เริ่มก่อนกันแน่ และการปาหินครั้งนี้ควรมีคำว่าเสมอจริงๆหรือ



    แม่เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ
    ท่านคงเริ่มทำการบ้านบางอย่างของฉันและนั่นมันทำให้ฉันยิ่งปวดใจ

    แม่ออกไปก่อนได้ไหมคะ

    คำพูดนั้นฉันเอ่ยหลังจากหยุดร้องไห้ได้

    แม่มองหน้าฉัน
    ก้มลงเก็บข้าวของแล้วเดินจากไป

    ฉันทิ้งตัวลงกับเตียงอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
    ฉันว่ามันคงมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการพูดให้ท่านออกจากห้อง
    หรือให้ดีกว่านั้นคือฉันก็ทำตามที่ท่านต้องการเสียที

    แต่ฉันก็ไม่อยากให้ท่านอยู่ทำร้ายฉันไปนานกว่านี้

    อนึ่ง ท่านเองก็จะได้ไม่ต้องอยู่ให้ฉันทำร้ายไปมากกว่านี้เหมือนกัน

    ตอนนี้ฉันอยากเห็นหน้าพ่อ

    ฉันอยากกอดท่านในเวลาที่อ่อนแอแบบนี้
    ในเวลาที่ฉันไม่สามารถเป็นฉันที่ทำให้แม่ภูมิใจได้ ฉันอยากมีพ่ออยู่ตรงนี้
    อย่างน้อย ก็จะได้รู้สึกเป็นที่ต้องการมากกว่านี้แม้ว่าจะอยู่ในสภาพที่ไม่มีใครต้องการก็ตาม


    ไม่รู้เหมือนกันว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียนได้ไหม

    ตอนนี้คงทำได้เพียงหลับตาแล้วพยายามหยุดร้องไห้อีกครั้งเท่านั้น








    ก้อนหินเล็กมนถูกปาลงบนผืนน้ำอีกครั้ง

    คราวนี้เงาจันทร์แตกสลายและกลับมารวมรูปเร็วกว่าเคย
    เหตุผลเพราะหินก้อนนี้ช่างเล็กนักเมื่อเทียบกับก้อนอื่นๆที่ผ่านมา

    หากแต่ผิวน้ำยังคงสะท้านไหว

    และก้นแม่น้ำที่ไม่ขุ่นไม่ใสก็มีแต่ก้อนหินมากมายเต็มไปหมด


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in