พระจันทร์บนผืนน้ำพยายามคงรูปตัวเอง
อาจไม่กลมโตสวยงามเท่าพระจันทร์บนฟ้าแต่มันก็พยายามเหลือเกิน
หากความพยายามครั้งนี้ช่างยากนัก
เพราะเพียงใบไม้พลิ้วไหวตกลงต้อง เงาจันทร์ที่ไม่น่ามองก็บิดเบี้ยวไม่คล้ายเดิม
เมื่อวานฉันไปโรงเรียนวันแรก
โชคดีที่อาการง่วงเหงาหาวนอนเมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นเพียงความผิดพลาดของคุณหมอ
ท่านสั่งยาผิด แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงนัก
ฉันไม่ได้โกรธ คิดดีใจเสียมากกว่า
การไปโรงเรียนครั้งแรกเริ่มต้นตั้งแต่คืนก่อนนอนที่อารมณ์ทำท่าจะไม่คงที่
ฉันกินยานอนหลับเร็วกว่าทุกวันแต่กลับฝันร้ายติดกันซ้ำๆ
ในฝันไม่มีใครช่วยฉันเลย
ฉันตื่นเช้า ใจหนึ่งคิดว่าจะไม่ไปแล้วแต่สุดท้ายก็แต่งชุดพละและก้มลงผูกเชือกรองเท้าเพราะคิดว่าตัวเองได้ให้สัญญากับคนอื่นไว้มากเกินไป
สัญญาที่ว่าวันนี้จะไป
เช้าวันแรกเริ่มอย่างไม่ค่อยราบรื่นนัก
เพราะฉันโอ้เอ้อยู่นานจึงไปโรงเรียนสาย
โชคดีที่ไม่โดนทำโทษเพราะเป็นความผิดครั้งแรก
เพื่อนๆและคุณครูดูตกใจที่เจอฉัน
เพื่อนสนิทสองคนที่เป็นคล้ายเพื่อนสนิทเข้ามาทักทายฉันเป็นลำดับหลังๆ
เรายังเดินเกาะกลุ่มกันโดยมีฉันเดินตามหลังเช่นเดิม
เพื่อนบางคนที่ไม่สนิทมีมาทักอยู่สองสามประโยค
บางคนก็แค่เดินมามองจนฉันรู้สึกตัว
ทั้งนี้ทั้งนั้นฉันรู้สึกไม่ค่อยดี
คาบหนึ่งที่ไม่ได้เรียนอะไรมากมายนัก ฉันกวาดตามองเพื่อนร่วมห้อง
ฉันรู้ว่ามีหลายคนในที่แห่งนี้เป็นคล้ายๆฉัน อาจมากกว่าน้อยกว่าบ้างไม่ทราบได้
แต่ทุกคนก็ดูมีความสุขดี
ทุกคนดูมีเพื่อนสักคนสองคนที่คุยกันรู้เรื่อง
ทุกคนดูมีเพื่อนสักคนสองคนที่สามารถต่อบทสนทนากันได้โดยไม่ต้องพยายาม
แต่ทำไมฉันถึงไม่มีกันนะ
ฉันใคร่ครวญคำถามนั้นด้วยความรู้สึกอยากจะอาเจียน
ฉันยืนมองเพื่อนสนิทสองคนที่ยืนรอฉันเข้าห้องน้ำแต่คำถามเดิมก็ยังดังในใจ
ทำไมฉันถึงไม่มีเพื่อนกันนะ
ฉันกล้ำกลืนก้อนขมๆลงคอ
จิกเล็บตัวเองลงบนฝ่ามือเพื่อนดึงความคิดออกจากความรู้สึกบีบรัดแถวๆลำไส้
ออกก้าวเดินตามหลังสองคนนั้นไปอย่างเป็นธรรมชาติ
ตลอดทั้งวันบทสนทนาที่ตรึงใจฉันจนถึงตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไร
บางทีนี่อาจเป็นเรื่องปกติของคนเป็นโรคซึมเศร้า
ไม่ต่ำกว่าห้าครั้งที่เพื่อนในห้องฉันพูดว่าฉันทำงานเสร็จเร็วกว่าคนที่มีโรงเรียนเสียอีก ฉันดูเข้าใจบทเรียนยิ่งกว่าคนที่มาเรียนครบทุกครั้งเสียอีก
บางทีพวกเขาคงอยากให้ฉันรู้สึกดี
แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกคือ พวกเขาไม่รู้เลยว่าฉันผ่านเรื่องราวแบบไหนมาบ้าง
พวกเขาไม่รู้เลยว่าวันเสาร์ที่ผ่านมาฉันร้องไห้โดยไม่มีเหตุผลเป็นชั่วโมงๆและอาเจียนจนแสบคอหลังจากโหมทำการบ้านมาหลายวัน
พวกเขาไม่รู้อะไรเลย
และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาด้วย
ฉันเลิกเรียนตอนสี่โมงกว่าๆ
ขากลับต้องเดินไปหาพ่อกับแม่ที่มารออยู่ที่ห้องห้องหนึ่งในโรงเรียนทั้งวันเผื่อฉันอยากกลับก่อนเพื่อกลับบ้าน
ที่นั่นฉันพบครูหลายคน แต่ละคนล้วนหวังดีต่อฉัน
แต่หนึ่งในนั้นก็ฝากคำพูดบางคำไว้ในใจฉันอยู่ดี
ท่านว่าให้ฉันรีบๆหาย สงสารพ่อกับแม่
ตอนนั้นฉันคลื่นไส้อีกครั้ง รู้สึกอยากร้องไห้แต่ก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายแล้วพยักหน้า
ฉันรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้สบายนักหรอกในการมาเฝ้าฉัน
ท่านคงไม่มีความสุขนักหรอกที่ต้องมาเห็นฉันอารมณ์ปรวนแปรแบบนี้
รู้อยู่หรอกว่าท่านเหนื่อยที่ต้องมาตามงานหลายๆอย่างให้
ฉัน รู้ ทุก อย่าง
เถียงไม่ได้แม้แต่คำเดียว
หัวใจฉันกรีดร้องอย่างหยาบคายว่าจะพูดอะไรนักหนา
พูดไปแล้วอะไรมันดีขึ้นหรือ
พูดแล้วฉันหายป่วยเร็วขึ้นหรือท่านแค่สบายใจที่ได้พูดกันแน่
แต่เพราะฉันรู้ดีถึงความเป็นห่วงของท่าน ทุกอย่างจึงถูกพับเก็บลงในใจอย่างเงียบงัน
เย็นวันนั้นฉันพาเพื่อนมาทำงานกลุ่มต่อที่ห้องประชุมใต้คอนโดที่ฉันอยู่
เราร้องเพลงภาษาอังกฤษกัน
ส่วนใหญ่ฉันเป็นคนนำเพราะฉันเป็นคนแต่งเพลง
เรื่องราวตรงนี้ไม่ได้มีอะไรชวนให้ลำบากใจ
ฉันมีแต่ความรู้สึกว่าอยากให้มันผ่านไปไวๆเท่านั้นเอง
ฉันไปหาหมอตอนใกล้หนึ่งทุ่ม กว่าจะได้เข้าพบก็ล่วงเลยไปกว่านั้น
ฉันเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ท่านฟัง
บอกเรื่องคำพูดของครูคนนั้นและเรื่องคืนวันเสาร์ที่แสนวุ่นวาย
หากก็ไม่ได้ลงลึกถึงความขยะแขยงอยากอาเจียนยามอยู่ที่โรงเรียน
ฉันขอนิยามมันว่าอย่างนั้นก็แล้วกัน
ท่านว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ฉันอาจมีอารมณ์เศร้าโดยไม่มีเหตุผล
วันนี้ฉันทำได้ดีแล้ว
หากไม่ไหวก็อย่าฝืนตัวเอง
ยาแก้คิดวนของฉันเพิ่มปริมาณอีกครั้ง
เมื่อกลับบ้านแม่เล่าให้ฉันฟังว่า หมอชมว่าฉันอาการดีขึ้น
ฉันนึกแย้งในใจ
ฉันยังอยากอาเจียนอยู่เลย
แต่ช่างเถอะ
อย่างไรเสีย หายก็ดีกว่าไม่หาย
คืนนั้นฉันนอนซึม ไม่ทานข้าวเย็นและตั้งใจว่าจะไม่ไปโรงเรียน
เช้าวันนี้ฉันยังคงซึมอยู่
ในหัววนเวียนอยู่แต่เรื่องที่ตัวเองเป็นภาระให้พ่อแม่
รู้ดีว่าทางแก้คือการลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่างแต่ร่างกายก็ไม่ยอมขยับ
จิตใจส่วนลึกปรารถนาอยากถามท่านตรงๆว่าฉันไม่ได้เป็นภาระใช่ไหม
การมีฉันอยู่ มันดีกว่าไม่มีใช่ไหม
ฉันไม่คิดจะถามว่าท่านเหนื่อยหรือไม่เพราะรู้ว่าอย่างไรท่านก็ต้องเหนื่อย
ฉันเพียงอยากขอการยืนยันในการมีชีวิตอยู่
แม้ท่านจะโกหกแต่ฉันก็อยากจะฟัง
ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้ถามมันออกไป
ตอนสายแม่ออกไปทำธุระเรื่องของฉันที่โรงเรียน ส่วนฉันพยายามที่จะไม่ร้องไห้โดยการนอนหลับ
ตื่นมาอีกทีแม่ก็กลับมาแล้ว คราวนี้ท่านเร่งเร้าให้ฉันลุกขึ้นทำการบ้านอ่านหนังสือ
ฉันยังคงนอนซึม
หลังจากเปลี่ยนเรื่องคุยไปหลายเรื่ิองฉันก็ลุกขึ้นมัดผม
ตั้งใจจะทำการบ้านอย่างที่แม่บอก
แต่แค่เห็นชีทเรียนฉันก็คิดถึงเรื่องที่โรงเรียนขึ้นมา
ฉันบอกแม่ว่าฉันขอนอนได้ไหม ฉันอยากร้องไห้
ไม่ได้รอท่านอนุญาต ฉันเดินมานอนบนเตียงแล้วเริ่มร้องไห้เงียบๆ
ระหว่างนั้นท่านพูดออกมาคำหนึ่ง
หมอไม่ได้สอนให้ฉันจัดการตัวเองในเวลาแบบนี้นอกจากการกินยาเลยหรือ
ฉันโกรธ
วินาทีต่อมาก็เสียใจ
เสียงร้องไห้คล้ายจะดังขึ้น
ฉันกดตัวเองลงกับหมอนแล้วคิดในหัวซ้ำๆว่าประโยคที่ครูคนนั้นพูดมันถูกต้องแล้ว
น่าสงสารพ่อแม่จริงๆที่มีฉัน
แม่เดินเข้ามาใกล้ ท่านตั้งใจจะพาฉันไปล้างหน้าล้างตา
แต่ลำคอที่ตีบตันหลังจากได้เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของท่านก็ทำให้ฉันเอ่ยปากขอให้ท่านออกจากห้อง
แล้วเหตุการณ์ก็เริ่มวนลูปเดิม
ท่านว่าฉันทำแบบนี้อีกแล้ว ทำให้ท่านรู้สึกผิดอีกแล้ว
ฉันเองก็รู้สึกว่าท่านพูดแบบนี้อีกแล้ว ทำให้ฉันรู้สึกผิดอีกแล้ว
มันเหมือนเราสองแม่ลูกยืนอยู่กันคนละฝาก ด้านหลังมีกองก้อนหินรูปร่างหน้าตาเหมือนกันเต็มไปหมดอยู่คนละกอง
ท่านปามันมา
ฉันปามันกลับไป
สลับกันทำให้กันและกันเจ็บโดยที่ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเป็นฝ่ายไหนที่เริ่มก่อนกันแน่ และการปาหินครั้งนี้ควรมีคำว่าเสมอจริงๆหรือ
แม่เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือ
ท่านคงเริ่มทำการบ้านบางอย่างของฉันและนั่นมันทำให้ฉันยิ่งปวดใจ
แม่ออกไปก่อนได้ไหมคะ
คำพูดนั้นฉันเอ่ยหลังจากหยุดร้องไห้ได้
แม่มองหน้าฉัน
ก้มลงเก็บข้าวของแล้วเดินจากไป
ฉันทิ้งตัวลงกับเตียงอีกครั้ง คราวนี้รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
ฉันว่ามันคงมีวิธีที่ดีกว่านี้ในการพูดให้ท่านออกจากห้อง
หรือให้ดีกว่านั้นคือฉันก็ทำตามที่ท่านต้องการเสียที
แต่ฉันก็ไม่อยากให้ท่านอยู่ทำร้ายฉันไปนานกว่านี้
อนึ่ง ท่านเองก็จะได้ไม่ต้องอยู่ให้ฉันทำร้ายไปมากกว่านี้เหมือนกัน
ตอนนี้ฉันอยากเห็นหน้าพ่อ
ฉันอยากกอดท่านในเวลาที่อ่อนแอแบบนี้
ในเวลาที่ฉันไม่สามารถเป็นฉันที่ทำให้แม่ภูมิใจได้ ฉันอยากมีพ่ออยู่ตรงนี้
อย่างน้อย ก็จะได้รู้สึกเป็นที่ต้องการมากกว่านี้แม้ว่าจะอยู่ในสภาพที่ไม่มีใครต้องการก็ตาม
ไม่รู้เหมือนกันว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียนได้ไหม
ตอนนี้คงทำได้เพียงหลับตาแล้วพยายามหยุดร้องไห้อีกครั้งเท่านั้น
ก้อนหินเล็กมนถูกปาลงบนผืนน้ำอีกครั้ง
คราวนี้เงาจันทร์แตกสลายและกลับมารวมรูปเร็วกว่าเคย
เหตุผลเพราะหินก้อนนี้ช่างเล็กนักเมื่อเทียบกับก้อนอื่นๆที่ผ่านมา
หากแต่ผิวน้ำยังคงสะท้านไหว
และก้นแม่น้ำที่ไม่ขุ่นไม่ใสก็มีแต่ก้อนหินมากมายเต็มไปหมด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in