เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Fiction [รวมเรื่องสั้น]nilzeronoun
Happy Belated Birthday Taka


  • เกาหลีใต้ในฤดูใบไม้ผลิ เมืองทั้งเมืองถูกฉาบทาด้วยสีขาวอมชมพูจากกลีบซากุระ  อากาศแห้งและอุณหภูมิที่ยังลดต่ำค่อนไปทางเย็นจนเกือบหนาวจัดในช่วงกลางดึก   แตกต่างจากเมืองที่พวกเขาเพิ่งจากมาลิบลับ เขากับโทรุบินมาถึงที่นี่กันช่วงบ่าย มีรถจากโรงแรมมารับถึงสนามบิน 


    แวนสีดำวิ่งผ่านตึกรามบ้านช่องเรียงรายสะอาดตา ถึงนี่จะไม่ใช่เกาหลีใต้ครั้งแรกของพวกเขาแต่ทิวซากุระที่เรียงรายตัดถนนสายใหญ่ก็ยังน่ามองอยู่ดี  ทั้งที่พวกเขาเองก็เห็นมันได้ในญี่ปุ่นเรียกได้ว่าเห็นกันมาตั้งแต่เกิด แต่ก็นะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าซากุระยังคงสวยงามทุกครั้งที่ผ่านสู่สายตา

     

     

    เขาสองคนจัดการเช็คอินเข้าที่พักกันตอนบ่ายแก่แล้ว โทรุบ่นหิวไม่หยุดเลยออกไปหาอะไรง่ายๆกินกันแถวย่านใกล้ๆที่พัก เจ้าเพื่อนร่วมวงอีกสองคนมาถึงก่อนแล้ว ตอนที่ติดต่อไปก็เห็นว่ากำลังตะลุยย่านนู่นนี่เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อย  ส่วนเพื่อนของเขาที่นี่...เจ้าคนที่เขาหวังว่ามันจะมาเป็นเจ้ามือเลี้ยงเหล้าคืนนี้ คนที่ทักไปตั้งแต่เครื่องแตะพื้น แต่ก็ยังไม่เห็นมีใครตอบกลับมาสักคน สงสัยจะงานยุ่งกันหมด

     

    ทากะเดินตามโทรุไปเรื่อยๆ สายตากวาดมองตึกรามเรียงรายพลางครุ่นคิดสะระตะ รู้ตัวอีกทีโทรุก็พาเขาหยุดหน้าสี่แยกที่ข้ามไปก็จะถึงโรงแรมที่พักคืนนี้แล้ว  ตอนนั้นเองมือถือของเขาก็ดังขึ้นพร้อมกับข้อความตอบกลับจากนักร้องดังเพื่อนสนิทของเขา คนตัวเล็กยิ้มซุกซนดวงตาเป็นประกายพลัน

    รีบคว้ามือถือขึ้นมา ก้มหน้าก้มตาพิมพ์ด้วยความดีใจ  นี่ก็เพิ่งผ่านวันเกิดเขามาแค่สามสี่วันเท่านั้นพอคิดว่าจะมีปาร์ตี้กับเจ้าพวกนั้นอีก แค่นึกก็สนุกแล้ว

     

    "นี่....เลิกกดมือถือได้แล้วน่า มองทางบ้างสิหรือจะให้ฉันจับมือนายข้ามถนน" เสียงทุ้มดังอยู่เหนือศีรษะเขา  ทากะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง  ใบหน้าคมติดจะนิ่งค่อนไปทางบูดบึ้ง  คนตัวเล็กยิ้มแหย ชูข้อความที่กำลังพิมพ์อยู่ให้เขาดู

     

    "แค่กำลังตอบข้อความฮงกิน่ะ เจ้านั่นชวนไปดื่ม..." พูดไม่ทันจบ โทรุรีบคว้ามือถือสีดำของเขาไปกดลบข้อความ จัดการปิดมือถือเครื่องเล็ก แล้วหย่อนลงกระเป๋าเสื้อโค้ทของตัวเองทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นชั่วพริบตา

     

    "ไม่อนุญาต คืนนี้ฉันจองตัวนายแล้ว"เขาว่าสั้นๆ หรี่สายตามองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ไม่สนอาการแตกตื่นตกใจของคนข้างๆสักนิด 


    "เห....แต่เรามาถึงเกาหลีทั้งที เจ้านั่นก็อยากเจอพวกเราด้วย"


    "เจอกันบ่อยแล้ว เดี๋ยวเอเชียทัวร์ก็มาอีก รอไม่นานนักหรอก" โทรุว่าสั้นๆ พร้อมกับที่สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวให้คนข้าม  ตอนนั้นเองมือหนาถึงได้เลื่อนลงมาจับข้อมือเล็กไว้แน่น ออกแรงจูงอีกฝ่ายข้ามถนนไปด้วยกัน


    "แบบนี้จะดีหรอ"ทากะอดถามขึ้นอีกไม่ได้ เสียงใสเป็นกังวลอย่างชัดเจน


    "ดีสิ ดีมากๆเลยด้วย" โทรุหันมายิ้มหวานให้เขา  ไม่รู้ทำไมรอยยิ้มนั่นถึงทำให้รู้สึกขนลุกแปลกๆได้ขนาดนี้  เขาน่ะถึงจะเป็นคนตัดสินใจอะไรเองมาโดยตลอดแล้วโทรุก็มักตามใจแต่ทากะก็รู้ดีว่าเมื่อไหร่ที่โทรุบอกว่าไม่ เมื่อนั้นเขาต้องฟัง


     

    สองหนุ่มเดินข้ามถนนเลี้ยวโค้งมาจนถึงหน้าโรงแรม โทรุเดินนำเขาเข้าไปที่ล็อบบี้แทนที่จะเดินตรงไปยังลิฟต์   ร่างสูงของหัวหน้าวงจำต้องปล่อยข้อมือเล็กอย่างไม่เต็มใจนัก ตอนที่เห็นสายตาพนักงานต้อนรับมองมาอย่างใคร่รู้ 


    ทากะยกมือขึ้นเกาข้างแก้มแก้เก้อถึงเรื่องที่เขาสองคนคบกันเพื่อนสนิทและหลายๆคนจะรู้ แต่มันก็ยังไม่ได้เปิดเผยกับคนทั่วไปขนาดนั้น

     

    ที่ล็อบบี้นั้นเองเขาสองคนพบกับชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานในชุดสูทรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว โทรุส่งยิ้มทักทายรับนามบัตรของอีกฝ่ายมา 


    “ยามาชิตะซังสินะครับ รถที่จองไว้พร้อมแล้วครับ”ชายคนนั้นแย้มยิ้ม นอบน้อม ก่อนจะยื่นกระเป๋าคล้ายกระเป่าเอกสารใบเล็กให้คนตัวสูงเพิ่มเติม


    “ผมสามารถใช้ได้ถึงพรุ่งนี้ช่วงเย็นใช่มั้ยครับ  ถ้าตามรายละเอียดที่ระบุไว้” โทรุเกริ่นเสียงเบา เปิดกระเป๋าสำรวจสิ่งของภายใน  มันมีกุญแจกับตัวรีโมตเล็กสำหรับสั่งการระบบต่างๆของรถ พร้อมเอกสารคู่มือไม่กี่แผ่น รวมไปถึงเบอร์ติดต่อฉุกเฉินทุกกรณีซึ่งจำเป็นสำหรับลูกค้า  กรณีที่รถมีปัญหาหรือเกิดเหตุขัดข้องกะทันหัน 


    “ครับ...แต่ถ้าจะใช้นานกว่านั้น ยามาชิตะซังสามารถโทรแจ้งพนักงานที่โรงแรมได้ทันทีครับ ทางนี้จะติดต่อแจ้งกับบริษัทให้ หรือถ้าใช้เรียบร้อยแล้วยามาชิตะซังสามารถฝากกุญแจกับทางล็อบบี้ไว้ได้เลย ทางนี้จะประสานมาที่ผมทันที จากนั้นผมจะจัดการนำรถกลับ ไม่ต้องห่วงครับ”


    “โอเค...เข้าใจละครับ ขอบคุณมากครับ”โทรุยิ้มน้อยๆ หันมาแตะข้อศอกนักร้องหนุ่มแล้วออกแรงดันให้เขาเดินไปพร้อมกัน


    “ขับให้สนุกนะครับ เดินทางปลอดภัยครับ”พนักงานหนุ่มเอ่ยส่งท้ายพร้อมกับโค้งส่งแขกทั้งสอง ทากะส่งยิ้มให้เขา ก่อนจะหันมามองเสี้ยวหน้าคนตัวสูง พลางเลิกคิ้วสงสัย

     

    "โทรุซัง...นี่เราจะไปไหนกันงั้นหรอ ?"


    "ความลับน่ะ"เจ้านั่นยังตอบกลับนิ่งๆตามนิสัย




     

    รถสปอร์ตสีดำเปิดประทุนแล่นออกที่จอดหน้าโรงแรมหรูขับโฉบเฉี่ยวไปบนท้องถนนที่ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลง ทากะลอบมองคนที่นั่งฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าโทรุจะปริปากบอกจุดหมายปลายทางกับเขาสักที


    “นายอยากไปไหนก่อนรึเปล่าเรายังมีเวลาอีกชั่วโมงนึง” โทรุเอ่ยถามห้วนๆ ค่อยๆแตะเบรครอสัญญาณไฟแดงบริเวณสี่แยกที่รถเริ่มหนาตา


     ทากะครุ่นคิดเขานึกไม่ออกจริงๆปกติมาโซลก็จะมีเจ้าเพื่อนตัวแสบคอยหิ้วไปโน่นนี่ ถ้าไม่ใช่ร้านเหล้าก็คงช็อปปิ้งแต่ถ้าสถานที่เที่ยวจริงๆ เขานึกไม่ออกเลย


    “ตามใจนายเถอะ ขับรถดูเมืองก็น่าสน ฉันรู้ว่านายชอบขับรถนี่ ไม่งั้นไม่ลงทุนเช่ามาขนาดนี้ ขับให้คุ้มไปเลย”


    “เอางั้นหรอ ก็ไม่เลวนะที่นี่คงไม่รถติดเท่าโตเกียวหรอกมั้ง” โทรุหัวเราะ ก่อนจะหักพวงมาลัยเข้าย่านตึกสูงที่ประดับแสงไฟกับผู้คนที่เดินสวนกันไปมาอยู่บนฟุตบาทดูไม่เงียบเหงาเลย

     

    “แล้วนี่จะบอกได้ยังว่าเช่ารถมาทำไม  คงไม่ใช่แค่เอามาขับเล่นฆ่าเวลาหรอกมั้ง” คนตัวเล็กหันมาถามเขา  โทรุขยับยิ้มบางก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาบนหน้าปัดรถคำนวณคร่าวๆในใจ


    “ฉันอยากดูหนัง...” โทรุว่า


    “หืม...ดูหนัง ก็ไปโรงหนังดิ ทำไมต้องเช่ารถ ลงใต้ดินไปมันน่าจะง่ายกว่ารึเปล่า”


    “ไม่เอาโรงหนังแบบนั้นดิ ฉันอยากดูกับนายสองคน ตามลำพัง”คำอธิบายที่ทากะเงียบไปก่อนจะเบิกตาโพลงจ้องเขาเขม็ง


    “หรือว่า...”


    โทรุยิ้ม พยักหน้ารับ “แบบที่นายเข้าใจนั่นล่ะ” สิ้นเสียง มือเรียวจับพวงมาลัยหักเลี้ยวเข้าถนนเส้นหลักมุ่งหน้าตรงไปยังโรงหนังที่เขาหมายตาไว้เป้นพิเศษ

     

     

    รถสปอร์ตสีดำขับเวียนขึ้นตามลูกศรชี้ จนมาถึงลานโล่งๆบนตึกแห่งหนึ่ง  ข้างบนนั้นมีรถจอดอยู่ก่อนแล้วกะคร่าวๆด้วยสายตาน่าจะไม่ถึงสิบคัน แต่ละคันเว้นระยะห่างกันพอสมควร


    คนตัวสูงขยับรถเข้าจุดจอดกดเลื่อนปิดหลังคารถให้เรียบร้อย หันหน้าไปตามทิศเดียวกับรถคันอื่น ทากะใจเต้นแรงคาดไม่ถึงว่าโทรุจะพามาโรงหนัง ไดร์ฟอิน’จริงๆ


    ซึ่งก็คือโรงหนังแบบเฉพาะที่สามารถนำรถเข้ามาจอดแล้วนั่งดูหนังกันแบบส่วนตัวตามลำพัง  ถือเป็นโรงหนังที่ค่อนข้างไพรเวท สะดวกสบาย และเปลี่ยนบรรยากาศสำหรับคนที่เบื่อการนั่งดูในโรงธรรมดา  บรรดาลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาใช้บริการมักเป็นคู่รักที่พากันมาสวีทในบรรยากาศส่วนตัว

     

     การดูหนังแบบนี้ก็คล้ายๆกับการดูหนังกลางแปลงเพียงแต่เราจะไม่ต้องโดนยุงกัด แมลงกวน แถมมีแอร์ส่วนตัวพร้อมระบบเสียงเซอร์ราวด์ไร้เสียงรบกวนที่ต่อเข้ามาในตัวรถของเราโดยตรง และตอนนี้ เบื้องหน้าเขาก็คือจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่ที่ใกล้จะพร้อมฉายแล้ว

     

    ทากะมองเจ้าหน้าที่ที่เดินเข้ามาพูดคุยกับโทรุอย่างสนใจ จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์เข้ากับตัวรถอย่างคล่องแคล่วว่องไว  คนตัวสูงจัดการปิดไฟหน้ารถ แล้วเร่งแอร์ขึ้นอีกหน่อยจัดการปรับให้เบาะของพวกเขาขยับมาชิดกันพร้อมกับเอนองศาให้เหมาะสบายกับการดูหนัง


    “ฉันรู้นายชอบหนังโรแมนติก" โทรุเกริ่นขึ้นก่อน "...ถ้าปกติฉันคงหลับตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่วันนี้ตั้งใจแล้วก็จะอยู่ดูด้วยจนจบนะ” เขาเอนตัวลงนอนบนเบาะ ใช้แขนข้างนึงหนุนต่างหมอนก่อนมืออีกข้างจะเลื่อนลงมากุมมือเขาไว้


    คนตัวเล็กอมยิ้มเล็กบนมุมปาก กระชับมือตอบเขา 



    ไม่นานเกินรอ หนังรักโรแมนติกเรื่องหนึ่งก็ฉายขึ้นกลางจอใหญ่  เสียงที่ถ่ายทอดอยู่ภายในรถชัดเจน สมจริง  เขาเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องนั้นโดยไม่ทันตั้งตัว  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหน นานเท่าไหร่  รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เงาสูงใหญ่ของคนข้างตัวทาบผ่านใบหน้าบดบังแสงจากหน้าจอจนหมดสิ้น

     

    “อยู่เฉยๆนะ....อย่าเพิ่งขยับ”เสียงทุ้มดังชิดอยู่ไม่ไกลแทรกผ่านเสียงพูดของตัวละครเข้ามา


    ดวงตากลมช้อนขึ้นมองคนที่ขยับเข้ามาใกล้มากกว่าขึ้นเรื่อยๆ


    “หลับตา” เสียงทุ้มออกคำสั่งต่อ คนตัวเล็กเลิกคิ้ว แต่ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายกลิ่นน้ำหอมที่โทรุใช้โชยชิดติดปลายจมูก มือเล็กเผลอยกขึ้นแตะชายเสื้อนอกของเขาวางฝ่ามือแผ่วเบาบนอกแกร่ง


    เสียงกรุ๊งกริ๊งดังแผ่วเบาพร้อมกับสัมผัสเย็นๆเหมือนผิวโลหะกระทบลงกลางอกเขา พร้อมกับเงามืดที่ค่อยๆขยับถอยออกไป


    “เอาล่ะ ลืมตาได้” เสียงเดิมดังเรียกสติคนตัวเล็ก ทากะลืมตาขึ้นช้าๆ โทรุยิ้มบาง มือสวยช้อนเอาจี้สีเงินที่เพิ่งสวมให้อีกฝ่าย ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงเคล้าบนผิวสัมผัสเกลี้ยงเกลาแล้ววางกลับบนต้นคออีกฝ่ายตามเดิม


    ทากะก้มลงมอง มันคือสร้อยเส้นบางที่มีแหวนเงินวงเกลี้ยงสอดเป็นจี้เอาไว้  มือเล็กยกขึ้นส่อง แสงจากหน้าจอใหญ่สว่างมากพอจะเห้นว่าด้านในปรากฏตัวอักษร ‘T’ สองตัวสลักข้างกันวางอยู่บนนั้น


    “สุขสันต์วันเกิดอีกหนนะ จริงๆกะจะให้ตั้งแต่คืนนั้นแล้วล่ะ แต่นายก็ดันเมาจนสลบเหมือด  ฉันตั้งใจไว้ว่าอยากสวมให้ตอนนายมีสติมากกว่า...ชอบรึเปล่า ?


    ทากะยิ้มกว้าง พริ้มตาลงแนบแหวนเงินบนริมฝีปากนิ่งนาน


     “ชอบดิ ขอบคุณนะโทรุ  ขอบคุณจริงๆ” คนตัวเล็กลืมตาขึ้นสบกับเขา คนตัวสูงเผลอยกมือขึ้นเกลี่ยข้างแก้มใส


    “แล้วชอบมากกว่าคนให้รึเปล่า  หืม?” เขาเลิกคิ้วถามกระซิบ


    “คิดเอาเองดิ” คนตัวเล็กเฉไฉ


    “ก็เห็น...จูบแต่แหวน”


    “นายนี่นะ อิจฉากระทั่งแหวน”


    โทรุไม่ตอบอะไร เขาชักมือกลับขยับตัวขึ้นนั่งหลังตรง


    “อยากให้จูบหรอ” คนที่ยังนอนอยู่ท่าเดิมขยับขึ้นนั่งตาม


    “ป่าว...”


    “นั่นแปลว่าใช่”


    “ไม่ได้บังคับ ไม่ต้องฝืน” ทากะเกือบหลุดหัวเราะกับเสียงแข็งๆนั่น


    หมอนี่...โตขนาดนี้แล้ว แต่เวลาโดนขัดใจก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยเลยสักนิด


    “อืม...ไม่ได้จริงๆนั่นล่ะ เดี๋ยวมีคนเห็นนะ” โทรุหันขวับกลับมาแทบจะทันทีที่จบประโยค


    “หลับตาก็ไม่เห็นแล้ว นี่ไง” คนว่ารีบสาธิตให้นักร้องหนุ่มดู


    “มันใช่ที่ไหนกัน” ทากะถอนใจ อยากจะหยิกหมอนี่สักแผลสองแผลนักเชียว 


    “ไม่เห็นจริงๆนะ”เขายังไม่หยุดพยายาม แถมยังยื่นหน้าเข้ามาเสียใกล้  


    ทากะเงียบไป ทำแบบนี้มีทางเลือกให้เขามากนักสินะ


    “โทรุ...นายไม่รู้จักปาปาหรอ ?” คนถูกถามไม่ตอบ  เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นเมื่อรู้ว่าสิ่งที่หวังคงไม่สมปรารถนา ใบหน้าดูดีมุ่ยลงอย่างขัดใจ ร่างสูงขยับตัวออกห่าง ก่อนหันหลังให้อีกฝ่าย


    ทากะส่ายหน้าถอนใจ อย่างช่วยไม่ได้ เหลือบมองรอบตัวที่มีแต่รถติดฟิล์มสีดำ แล้วจึงตัดสินใจ


    จังหวะนั้นมือเล็กถึงดึงฮู้ดด้านหลังของเขาไว้ ออกแรงเต็มที่ให้อีกฝ่ายเสียหลักล้มลงบนตักเล็กของตน


    โทรุเหวอไป รู้ตัวอีกทีตอนที่ตัวเองหงายหลังหนุนลงบนตักนุ่มเต็มแรง  คนตัวเล็กยึดไหล่เขาไว้ เงามืดคืบทับลงมาแช่มช้า  ตอนที่ทากะก้มตัวลงมาหา

     

    สุดท้ายเขาก็แพ้โทรุตามเคย...

     

    ริมฝีปากอิ่มแนบชิดลงมา มันติดจะเย็นไปนิดแต่สัมผัสนุ่มละมุนทำให้มันอุ่นขึ้น มือเล็กข้างหนึ่งละจากไหล่กว้างเข้าประคองใบหน้าคมของคนบนตัก  มือกีต้าร์หนุ่มเผยอริมฝีปากรับสัมผัสของอีกฝ่าย  นิ้วสวยขยับไล้ไปตามกลุ่มผมสีทองแซมดำที่สั้นกว่าของตัวเองมาก  วนไล่ปลายนิ้วแตะละไปตามข้างแก้มนิ่ม ใบหูเล็ก ลำคอระหง


    เขาไม่เคยจูบท่านี้มาก่อน แต่กับคนๆนี้แบบไหวก็น่าลองไปซะหมดนั่นล่ะ


    ทากะผละริมฝีปากออกช้าๆ แก้มขาวแดงจัดร้อนฉ่า แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมง่ายๆมือหนารั้งต้นคอระหงไว้แล้วเป็นฝ่ายประกบจูบแทน เขาแตะปลายลิ้นอุ่นไล้บนริมฝีปากให้อีกฝ่ายเปิดรับ คนตัวเล็กปรือนัยน์ตาลง มือขาวกำชายเสื้อเขาแน่นปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงความหวานจากตนครั้งแล้วครั้งเล่า  ลมหายใจร้อนไล่อากาศเย็น ยิ่งสัมผัสยิ่งถลำลึก  กลัวจะเลยไปไกลกลัวจะไม่จบแค่จูบ


    โทรุตัดใจยอมปล่อยเขาในที่สุด ชายหนุ่มวางริมฝีปากแตะปลายคางเรียวส่งท้าย ก่อนจะปล่อยให้คนตัวเล็กผละออกไปอย่างไม่เต็มใจนัก  ทว่าตัวเขาเองยังคงนอนยิ้มกว้างอยู่บนตักแฟนหนุ่มไม่มีท่าทีจะขยับไปไหนง่ายๆ


    “ยิ้มอะไร ลุกได้แล้ว หนังจบแล้ว”


    “ขอบคุณนะ ชอบมากเลย”


    คนตัวเล็กเบือนหน้าหนี แก้มขาวๆไม่มีท่าทีจะหยุดร้อนได้เลย  ให้ตายเถอะไม่เคยจะชินสักที


    “ที่บอกว่าชอบน่ะ ชอบเจ้าของจูบนะ ชอบที่สุดเลย”มือหนาเอื้อมขึ้นมาแตะข้างแก้มเขา ทากะรีบตะครุบคนมือไวแล้วถลึงตาใส่ “พอแล้วพอเลย” 


    “เขินหรอ” เขาถามละมุน


    “ใครจะตายด้านแบบนายล่ะ”


    “นายก็รู้นี่ฉันไม่ได้ตายด้าน” ฝ่ายนั้นยักคิ้วยั่ว


    “หยุด เลิกเล่นได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะโกรธจริงๆนะ”


    คนตัวสูงยอมเงียบในที่สุด โทรุลอบยิ้มอย่างคุมไม่อยู่ ขยับยันตัวขึ้นช้าๆอดไม่ได้ต้องแวบไปหอมแก้มแดงจัดนั่นเร็วๆ แล้วรีบเด้งหนีห่างคนมือหนัก จัดการทำหน้าที่เป็นสารถีให้คนตัวเล็กต่อไป

     



     

     

    ตอนที่เขาขับออกจากโรงหนังกลางแจ้งกลับมาถึงโรงแรมก็ดึกมาก แต่ทว่าล็อบบี้ของโรงแรมดันมีเจ้าเพื่อนตัวดีมานั่งยิ้มแป้นรออยู่ก่อน


    “ทากะะะะะะะะ” เจ้าฮงกิ เพื่อนตัวดีถลามาหาคนตัวเล็กพร้อมกับอ้าแขนเตรียมรัดร่างแฟนเขาเต็มกำลังเป็นโทรุที่ออกมายืนขวางแล้วล็อคคออีกฝ่ายไว้ก่อน


    “ได้เวลานอนแล้ว ไม่มีปาร์ตี้อะไรทั้งนั้น พรุ่งนี้ฉันให้นายได้เต็มที่วันนี้ห้ามรบกวน เข้าใจ๋” โทรุว่าเสียงเคร่ง ทุ่มคนตัวเล็กกว่าลงบนเก้าอี้รับแขกเต็มแรง


    “ใจร้ายยยยย นี่เพื่อนนะ” ฮงกิบีบน้ำตา เม้มปากแน่นหันไปส่งสายตาหาเพื่อนตัวเล็กอย่างขอความเห็นใจ ทากะได้แต่ไหวไหล่



    “อืมนายอ่ะเพื่อน...แต่นั่นน่ะแฟนฉัน ขอเวลาส่วนตัวเราบ้าง” โทรุเสยผมว่าเสียงเคร่งไม่มีท่าทางผ่อนปรน คำว่าแฟนที่หลุดออกมาชัดถ้อยชัดคำเล่นเอาคนมาใหม่ อมยิ้มแก้มตุ่ยเลิกงอแงทันที


    “ว้า...ก็ได้คืนนี้นายเป็นแฟนโทรุ แต่พรุ่งนี้อ่ะ...นายต้องเป็นแฟนฉันนะ”ประโยคหลังเขาตวัดสายตาหาคนตัวเล็กด้านหลัง จังหวะที่โทรุเผลอมองตามเขาไป เจ้าตัวแสบรีบถลาออกจากที่นั่งรอดเงื้อมือหัวหน้าวงสุดหล่อ วิ่งไปกอดคอนักร้องนำหน้าใสก่อนกระซิบบางอย่างที่ทำให้ฝ่ายนั้นหน้าขึ้นสีอีกหน


    นักร้องเกาหลีตบไหล่บางของเพื่อนสนิทสองสามที เจ้าตัวดีหันมาโบกมือลาโทรุ แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว


    ทากะกุมขมับ ส่งสายตาคาดโทษมองคนเอาแต่ใจ 


    “เมื่อกี้น่ะมัดจำนะ จากนี้ไปอ่ะของจริง” คนตัวสูงว่าเจ้าเล่ห์กระชับวงแขนรัดเอวเล็กแล้วพาคนไม่มีทางสู้เข้าลิฟต์ไป   ทากะร้องประท้วงตลอดทางเสียงเล็กเจื้อยแจ้วที่พนักงานได้แต่อมยิ้มมองตามคนสองคนอย่างนึกเอ็นดู


     

    ถ้าจะมีหนึ่งในนี้เป็นโทรุกะชิปเปอร์ ไม่นานเราอาจได้เห็นภาพโมเม้นท์ดีๆส่งต่อกันตามไม่ช่องทางใดก็ทางหนึ่ง   แต่ถึงจะไม่มีหลักฐาน  แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโมเม้นท์นั้นมีอยู่จริง  : )

     

     

     

     

     

     

     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in