เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
moongapangmoongapang
เหตุการณ์เกิดกับฉันอย่างไม่มีที่มา ฉันจึงเล่าอย่างไม่มีที่ไป 01
  • หลังจากเจ้าไวรัสตัวดีทำพิษ ทำลายช่วงชีวิตนักศึกษาปีสามตอนปลายของฉันไป ฉันก็ได้ขนของกลับมาอยู่บ้าน หลังจากที่ตัดสินจะเช่าห้องพักใกล้มหาลัย' เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปเรียน และเตรียมตัวฝึกงาน

    ผิดแผน
    ผิดแผนไปหมด

    ตอนนั้นต้องขนของอย่างเร่งรีบ เพราะบอกที่บ้านไว้ว่าจะกลับทันทีที่พ้นเวลาเคอร์ฟิว (ตีสี่หรือตีห้านะ) แต่ฉันตื่นสาย มันบ่ายโมงแล้ว แม่โทรจิกอยู่หลายสายเพราะกลัวว่าฉันจะเป็นอะไรไปก่อนถึงบ้าน แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่เข้าใจในความรีบของฉันเลย เขาไม่ให้ฉันเข้าไปหยิบกระเป๋าที่เหลืออยู่สองใบเพราะวัดไข้ด้วยเรื่องวัดโง่ๆแล้วได้ 39 องศาหลังจากที่ฉันยืนตากแดดโบกแท็กซี่อยู่นานสองนาน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักหรอก แค่อยากเล่าไว้ด้วย อย่าถือสาภาษาเขียนฉันเลย

    ตอนที่ถึงบ้าน แม่ไม่ได้ว่าอะไรนัก สิ่งที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่การฟังแม่บ่นอย่างที่คาดไว้

    แต่เป็นมหกรรมการเก็บของ.
    _____________________________________________________________________________________________________

    บอกก่อนว่าชอบพี่เต๋อมาก แต่ที่กำลังจะเล่าคือไม่ได้อินฮาวทูทิ้งนะ แต่ก็อดนึกถึงจางๆไม่ได้แหละ
    คือทุกครั้งที่ "เก็บของ" เราแม่งต้องมานั่งชั่งน้ำหนักว่าของชิ้นไหนที่เราต้องเก็บ และชิ้นไหนที่เราจะทิ้ง เวลาที่ใช้ในการเก็บของมันก็ไม่ได้นานนมอะไรนักหรอก ถ้าตั้งใจ แต่เราไม่ เราชอบมากที่จะได้นั่งรำลึกความทรงจำกับของแต่ละชิ้น ช่วงเวลาที่ได้ดื่มด่ำกับความทรงจำนั้นก็ทั้งแฮปปี้และเจ็บปวดเจือปนกันไป

    เพื่อนไม่มีใครชอบเราเลยตอนประถม 
    สิ่งบันทึกความทรงจำสิ่งเดียวที่มีคือ สมุดเฟรนด์ชิพ(ปลอมๆ)
    ที่บอกว่าปลอมก็เพราะไม่มีใครขอเขียนเลย มีแต่ไปขอให้เขาเขียน

    เพื่อนม.ต้น กว่าจะซี้กันได้ก็ยากซะจนเสียน้ำตาไปไม่รู้เท่าไหร่ 
    และเพราะเคยไม่มีเพื่อน แล้วก็กว่าจะรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งมันยากมาก
    เลยเป็นช่วงชีวิตที่รู้สึกว่ามีความหมายสัดๆ
    ช่วงนั้นชอบการ์ตูนกันมากๆ เลยชอบวาดรูปและเขียนนู่นเขียนนี่ด้วยกัน
    สิ่งบันทึกความทรงจำที่มีคือเศษกระดาษปึกใหญ่ที่ชอบฉีกสมุดหน้ากลางมาขีดเขียน
    และฉันแอบเก็บไว้เสมอมา

    เพื่อนม.ปลายเป็นสายเม้าท์มอย ไปเที่ยว ไปลอง ไปชิม
    สิ่งบันทึกความทรงจำจึงกลายเป็นตั๋วรถเมล์และใบเสร็จต่างๆ

    คราวที่แล้วที่เก็บของ ฉันตัดสินใจทิ้งเฟรนด์ชิพตอนประถมไป เพราะรู้ตัวแล้วว่ามันไม่เคย
    ทำให้หวนคิดถึงอะไรเลย ฉันจำเพื่อนที่ทำให้ฉันเจ็บช้ำน้ำใจไม่ได้แล้ว
    แต่มันไม่ฟังก์ชั่นอ่ะ มันไม่ได้เต็มไปด้วยบันทึกอะไรจากเพื่อนที่เขียนซึ้งๆ หรือทำเป็นเขียนซึ้งๆ
    มันทำให้ฉันรู้สึกว่างเปล่า เราจึงทิ้งไป หลังจากที่ทิ้งไม่ลงมาตลอดหลายปี

    พอเก็บของรอบนี้ เราก็เลือกที่จะทิ้งเศษกระดาษที่วาดรูปกับเพื่อนตอนม.ต้น ทิ้งตั๋วรถเมล์และใบเสร็จตอนม.ปลาย ทิ้งของที่เคยได้จากแฟนเก่าที่เพิ่งขนกลับมาจากห้องพัก 

    แต่เรายังทิ้งไม่หมดว่ะ เราเหลือเศษกระดาษที่เพื่อนที่ฉันแอบชอบในกลุ่มวาดรูปฉันไว้ ฉันเก็บใบเสร็จชาบูมื้อสุดท้ายที่ไปกันครบแก๊ง และเก็บไฟเย็นที่เคยเล่นกับแฟนเก่าตอนวันงานอาจารย์ศิลป์ที่เพชรบุรี

    ฉันเดาว่ามันเป็นเพราะว่า ฉันกลัวว่าฉันจะลืมมันไปอย่างหมดจด
    ในเวลานี้ ที่ฉันไม่พร้อมจะลืม
    ฉันยังอยากจะจดจำและระลึกถึงอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่ามันจะทำให้ฉันเจ็บปวดหรือไม่ก็ตาม

    แล้วฉันก็ตระหนักได้ว่า พวกของที่เรายังเลือกเก็บไว้ในวันนี้ เราแม่งก็แค่เก็บไว้ทิ้งรอบหน้าว่ะ 
    รอบที่พร้อมจะปล่อยให้ความทรงจำจากสิ่งเหล่านี้มันจากไป

    ในฮาวทูทิ้งของพี่เต๋อมันใช้คำว่า จับแล้วไม่สปาร์คจอย ใช่มั้ยคะ

    แต่ฉันไม่ใช้หรอก ชอบหนังพี่เต๋อมาก แต่ไม่สปาร์คจอยกับคำว่าสปาร์คจอยเลย
    ตลกดี

    อีกความคิดที่เกิดขึ้นกับตัวเองคือ เราไม่รู้ว่าการที่เรายอมปล่อยสิ่งของหรือความทรงจำต่างๆทิ้งไป
    มันคือการเติบโต ความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้น หรือจริงๆมันคือว่าเห็นแก่ตัวของฉันที่เหนื่อยจะรู้สึกกับของหลายสิ่ง กับคนกลุ่มเดิมที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังรู้สึกอะไรกับฉันอยู่มั้ย ฉันกลัวที่จะคิดถึงอยู่ฝ่ายเดียวแหละเอาจริง คิดว่านะ โคตรจะขี้แพ้เลย

    ไหนๆก็ขี้แพ้แล้ว งั้นก็ ขอเป็นฝ่ายเลือกความคิดถึงกับความเจ็บปวดให้ตัวเองนะ

    แด่คุณทุกคนในความทรงจำ
    ขอบคุณ (สำหรับทุกคนที่ทำให้ฉันสุขใจและได้เรียนรู้อะไรๆในเวลาที่นึกถึง)
    ขอโทษ (สำหรับทุกคน ที่ฉันเข้าไปเป็นความทรงจำที่ไม่ดี)
    ลาก่อน (สำหรับบางคน ที่ฉันพร้อม,ไม่พร้อม จะจากลา)
    ไอสัด (สำหรับบางคน บางคนนั่นแหละ)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in