"no one like us, we don't care." คือสโลแกนที่แฟนบอลทีมมิลล์วอลล์นิยมพูดถึงความเป็นพวกเขา
ใครจะบอกว่าพวกเขาป่าเถื่อน ไร้อารยะ ยังอยู่ในโลกของการท้าตีท้าต่อย ประกาศศักดาจนเป็นที่ชิงชังมากเพียงใด (แฟนสเปอร์ส และเวสต์แฮม รู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ดี เพราะโดนตีมาบ่อยแล้ว) แต่แฟนบอลมิลล์วอลล์ก็ยังตะโกนประโยคนี้สวนกลับไป
ไม่มีใครเหมือนพวกกู... เพราะฉะนั้นกูก็โนสนโนแคร์อ่ะ จะทำไม!
ที่เยอรมัน ก็มีทีมฟุตบอลอีกทีม ซึ่งถูกเกลียดจากแฟนบอลทีมอื่นทั้งประเทศ แต่พวกเขาก็โนสนโนแคร์กับเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
ผมเขียนถึงพวกเขาในเพจนี้ค่อนข้างบ่อย แต่ก็ด้วยความสนใจ ไม่มีใครในเยอรมันที่เหมือน อาร์เบ ไลป์ซิก จริงๆ มันไม่ได้น่าสนใจแค่การที่พวกเขาเป็นทีมที่โตขึ้นมาจากเทคโอเวอร์ และเอาเม็ดเงินอัดจนยิ่งใหญ่ ต่างจากทีมอื่นๆ ที่สร้างตัวเองจากฐานแฟนบอล (แม้จะยกเว้นไบเออร์ เลเวอร์คูเซ๋น กับ โวลฟ์บวร์ก ที่มีบริษัทหนุนหลัง แต่พวกเขาก็มีระบบสมาชิกสโมสรที่เปิดกว้างเหมือนที่อื่นๆ เช่นกัน)
แต่ความน่าสนใจในการมีอยู่ของอาร์เบ ไลป์ซิก คือ วงการฟุตบอลเยอรมันในฝั่งตะวันออกทั้งซีก ซึ่งอยู่ในสภาวะอาทิตย์อัสดงมาโดยตลอด
เยอรมันตะวันออกใต้เงาของคอมมิวนิสต์ช่างแตกต่างจากเยอรมันตะวันตกค่อนข้างมาก ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมทั้งเรื่องฟุตบอล แม้เยอรมันตะวันออกจะสามารถเอาชนะเยอรมันตะวันตกได้ในฟุตบอลโลก (ซึ่งเป้นการเจอกันครั้งเดียวตลอดประวัติศาสตร์ มีบางกระแสบอกว่าเยอรมันตะวันตกขออุ่นเครื่องแก้มือ แต่เยอรมันตะวันออกปฏิเสธโดยตลอด) แต่ในระดับสโมสร ทีมจากเยอรมันตะวันออกกลับโชว์ฟอร์มสู้ฝั่งตะวันตกไม่ได้เลย ทีมจากเยอรมันตะวันออกที่ได้เล่นบุนเดสลีกาเวอร์ชั่นรวมชาติ ก็มีแบบนับนิ้วได้ (ไม่นับแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ที่ตั้งอยู่ในกรุงเบอร์ลินฝั่งตะวันตก) ก่อนการมาของไลป์ซิก ทีมสุดท้ายจากฝั่งตะวันออกที่ขึ้นมาเล่นในบุนเดสลีกาคือ เอเนร์กี ค็อตบุส เมื่อฤดูกาล 2008-2009 หรือเกือบ 10 ฤดูกาลก่อน ย้อนไปกว่านั้นก็มีทีมอย่างฮันซ่า รอสต๊อค เดรสเดน และ โลโคโมทีฟ ไลป์ซิก ซึ่งทีมหลังนี้ปัจจุบันเล่นในลีกสมัครเล่น
เมื่อพูดถึงโลโคโมทีฟ ไลป์ซิก นี่คือทีมแห่งความภาคภูมิใจของชาวไลป์ซิกทีมแรก ก่อนการมาของ อาร์เบ เพราะพวกเขาในชื่อเก่าคือ เฟาเอฟเบ ไลป์ซิก คือทีมแชมป์เยอรมันทีมแรกในประวัติศาสตร์ รุ่นเก่าแก่ก่อนการกำเนิดของบุนเดสลีกา ซึ่งคว้าแชมป์เมื่อฤดูกาล 1903 และคว้าแชมป์ได้อีก 2 สมัย แต่ก็เกิดขึ้นในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งสิ้น และได้ไปเล่นในระดับยูฟ่า คัพ บ่อยๆ เมื่อครั้นย้ายมาเล่นในลีกเยอรมันตะวันออก กระทั่งไปไกลถึงตำแหน่งรองแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ซึ่งพ่ายอาแจ็กซ์ 0-1 หลังการตกชั้นจากบุนเดสลีกาในฤดูกาล 1993-1994 ไลป์ซิกไม่เคยกลับขึ้นมาได้อีกเลย กระทั่งไปพบตัวเองในลีกสมัครเล่นอยู่ในปัจจุบัน การสวนขึ้นมาของ อาร์เบ จึงกลายเป็นความภาคภูมิใจใหม่แห่งยุคสมัยปัจจุบันของชาวไลป์ซิก ซึ่งพวกเขายังเชื่อว่า อาร์เบ จะช่วยกระตุ้นให้ทีมจากเยอรมันฝั่งตะวันออก มีความกระตือรือร้นที่จะเติบโตขึ้นมาให้ได้แบบไลป์ซิกบ้าง แข่งกับพวกฝั่งตะวันตกที่ยึดครองพื้นที่ลูกหนังเยอรมันจนแทบจะทั้งหมด
อีกประการที่สำคัญคือ นับแต่การดับไปของ โลโคโมทีฟ ไลป์ซิก พวกเขาไม่ได้โอ้อวดเรื่องฟุตบอลในเมืองตัวเองมานานแล้ว ครั้งหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน เมืองไลป์ซิกได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งกับเขาด้วย แต่ก็เป็นเมืองเดียวที่เป็นเจ้าภาพจัดแข่งโดยไม่มีทีมฟุตบอลอาชีพในเมืองเลยแม้แต่ทีมเดียว นั่นเป็นบาดแผลเล็กๆ ของชาวไลป์ซิกที่รู้สึกว่าตนไม่มีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนชาวเมืองลูกหนังอื่นๆ ในเยอรมัน
ฉะนั้นการก้าวขึ้นมารั้งตำแหน่งจ่าฝูงบุนเดสลีกาของ อาร์เบ ณ ขณะนี้ จึงเป็นสิ่งที่ชาวไลป์ซิกพูดได้เต็มปากว่า พวกเขามีความสุขมากๆ แม้ใครจะบอกว่า อาร์เบ มันคือพวกเครื่องจักร แบบที่แฟนบอลเนิร์นแบร์กเคยตั้งป้ายประชดพวกเขา ครั้งที่สองทีมเคยลงสนามเจอกัน
"no one like us, we don't care." ผมไม่รู้ว่าประโยคนี้ในภาษาเยอรมันเขียนว่าอย่างไร แต่เชื่อว่าชาวไลป์ซิก ก็คงอยากตะโกนประโยคนี้กลับไปหาแฟนบอลทีมอื่นบ้างเช่นกัน.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in