ครึ่งแรก
• แมตช์นี้ถูกโหมโรงด้วยกระแสของการคัมแบ๊ค ด้วยความที่เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์ ช่วงระยะหลังๆ มักมีเหตุการณ์คัมแบ๊คในเกมนัดที่สองบ่อยครั้ง ทีมที่ตามหลังด้วยสกอร์ห่างๆ มักกลับมาทำผลงานได้ดีกว่า และพลิกเข้ารอบไปได้ ซึ่งนั่นทำให้สกอร์ที่ลิเวอร์พูลออกไปแพ้ 0-3 ไม่ได้ทำให้ความหวังของแฟนบอลหงส์ลดน้อยลง แต่อาจจะไม่ออกตัวแรงมากเท่าไหร่ ทั้งสองทีมมาในสภาพที่พักผ่อนอย่างเพียงพอ บาร์เซโลน่าพักผู้เล่นหลักทั้งหมดในเกมสุดสัปดาห์เพื่อให้สดชื่นมากพอ ส่วนลิเวอร์พูลที่ยังต้องลุ้นแชมป์ลีก ก็ได้ลงเล่นในเกมวันศุกร์ ซึ่งเพิ่มพูนระยะเวลาฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าได้มากขึ้น
• ลิเวอร์พูล มาในสภาพที่พร้อมน้อยกว่า แดนรุกที่ต้องวัดกัน ขาดซาล่าห์ และฟีร์มิโน่ แต่ในขณะที่เกมเพิ่งเริ่มต้น และกำลังดูใจกันว่าต่างทีมจะมากันไม้ไหน ก็กลายเป็นผู้เล่นที่ไม่มีใครคาดถึงอย่าง ดิว็อค โอริกิ ทำประตูให้เกมมีความน่าสนใจขึ้นมา
• การได้ประตูเร็วของลิเวอร์พูล ทำให้เกมที่คาดว่าต่างฝ่ายจะไม่บุกจนสุด ก็เกิดขึ้นอย่างเด่นชัด ต่างฝ่ายต่างเหมือนงูเห่าที่ได้พักเต็มอิ่ม เลื้อยรอจังหวะได้ฉกอีกฝ่ายแบบเต็มๆ
• ก็ไม่เชิงจะรออีกฝ่ายเข้ามาติดกับ แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเกมรุกของกันและกันอันตรายพอหากเปิดช่องให้ ฉะนั้นการบุกก็ทำได้ไม่สุด การรับก็ต้องตั้งโซนให้แน่น แม้ลิเวอร์พูลต้องการอีกสองประตู พวกเขาก็ยังเข้าพื้นที่สุดท้ายชองบาร์ซ่าได้ไม่ถนัด
• ในทางกลับกันก็เช่นกัน บาร์ซ่าเองก็เจอความมีวินัยของเกมรับลิเวอร์พูล ทำให้ยังเจาะโซนเข้าไปไม่ได้ การรุกที่เอาบอลให้เมสซี่ ถ้าอยู่ตรงกลางก็พยายามม้วนรอจ่ายสั้นให้เพื่อน ถ้าออกขวาก็พยายามจ่ายทะลุช่อง มีช่วงทดเจ็บครึ่งแรกที่เริ่มหาจังหวะได้แล้ว ถ้าคนที่รับบอลทะลุช่องไม่ใช่อัลบา แต่เป็นซัวเรสก็ไม่แน่
• ทำไมไม่รู้ถึงรู้สึกว่า วิดัล เป็นตัวทำลายจังหวะเกมรุกของบาร์ซ่าเสียเอง
• ฟาน ไดค์ ใช้เวลาในครึ่งแรกพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเป็นศูนย์กลางเกมรับหงส์อย่างแท้จริง ขณะที่จังหวะเคลียร์บอลของแนวรับลิเวอร์พูลเป็นประโยชน์กับทีม มากกว่าที่แนวรับบาร์ซ่าจะทำได้
• ครึ่งหลังยังมีโอกาสออกได้สามด้าน โดยเฉพาะด้านที่อาจไม่มีใครนึกถึง เกมแบบนี้มักไม่จบแบบธรรมดาหรอก มักจะมีไคล์แมกซ์เกิดขึ้นเสมอ
• แผงกองหลังลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ มีพลังพิเศษอย่างนึงคือ ช่วยทำประตูให้ทีมจำนวนมาก จำนวนหนึ่งคือประตูที่ทำให้ทีมมีคะแนน และสองประตูของไวล์นัลดุมคือคำตอบ
• ไคล์แมกซ์มาแล้ว ทุกอย่างเสมอกัน และทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับประตูถัดไป.
• เมื่อทุกอย่างเท่ากันแล้ว ประตูต่อไปสำคัญมาก ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าบาร์ซ่าต้องการชนะ ลูกอเวย์โกลลูกเดียวที่ควรจะยิงได้ตั้งนานแล้วนั้นควรเกิดขึ้น พวกเขาจะต้องตั้งสติใหม่ให้ได้ แต่สติที่ว่าก็ยังไม่กลับมา โดยเฉพาะอัลบาที่เสียความมั่นใจไปเลย จ่ายเบาจ่ายติดแบบไม่ได้ลุ้นซักครั้ง
• เมสซี่หายไปจากครึ่งหลัง สีหน้าที่ไม่สู้ดีของเขาหลังทีมโดนตามตีเสมอ เป็นแฟลชแบ็คให้นึกถึงเวลาที่เมสซี่ลงเล่นทั้งในสโมสรและทีมชาติ เวลาเจอความกดดันที่เขาจัดการไม่ได้ เขาจะมีสีหน้านี้ออกมาเสมอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และนั่นแสดงให้เห็นชัดว่า เขาหมดความมั่นใจในนาทีนั้นลงอย่างแทบจะสิ้นเชิง
• ขณะที่บาร์ซ่าไร้ทิศทางมากขึ้น ตัวเปลี่ยนลงมาก็ไม่ใช่พวก game changer การเอาวิดัลออกเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่เห็นว่า อาร์ทูร์ จะทำอะไรได้ดีขึ้น จังหวะการวิ่ง การจ่ายบอล การเข้าหาช่อง ยังช้ากว่าลิเวอร์พูลครึ่งก้าว ความเฉื่อยชากว่านี้น่ากลัวในระยะอันใกล้
• การเสียประตูที่สี่ ต้องยอมใจเสี้ยววินาทีที่เจ้าเทรนด์เห็นความเหม่อลอยในแผงหลังบาร์ซ่า ทำให้นั่นเป็นหลุมใหญ่พอที่จะจ่ายบอลเข้าไปให้โอริกี้แปบอลอย่างถนัดถะหนี่ จังหวะก่อนหน้านั้น แทร์ สเตเก้นยังโบกมือสั่งกองหลังอยู่เลย แล้วจังหวะต่อมาต้องเอี้ยวตัวมาขวางบอลที่ไม่รู้มันมาตอนไหน ยังไงก็ไม่ทัน
• ชาวคณะบาร์ซ่าในชุดสะท้อนแสงเดินคอตก สีหน้าเมสซี่หดเล็กลงจนเป็นอณู บอกตรงๆ ว่าจบแล้ว บาร์ซ่าหมดพลังจะสู้แล้ว ภาพจากฤดูกาลที่แล้วที่พวกเขาโดนโรม่าถีบตกรอบ มันยิ่งตอกย้ำสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ พวกเขาต้องไปทำการบ้านอย่างหนักว่า ควรจะรับมือกับเกมเลกสองที่พวกเขาได้เปรียบแท้ๆ จนอาจกลายเป็นความประมาทไปได้อย่างไร ในเมื่อก่อนหน้านู้น พวกเขาเคยเป็นกรณีศึกษาในการคัมแบ็กจากเปแอสเชมาได้ แต่ใน 2 ฤดูกาลล่าสุดนี้ พวกเขาคือกรณีศึกษาของผู้ถูกกระทำเสียเอง
• นี่คือค่ำคืนที่ชาวสเก๊าเซอร์คงไม่ลืมง่ายๆ มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลาน ทีมของเจอร์เก้น คลอปป์นี่มันต้องมีแชมป์ซักใบได้แล้ว เล่นด้วยพลัง เล่นด้วยความกระหาย เล่นแบบสม่ำเสมอขนาดนี้
• ไม่อยากจะนึกถึงเกมลีกนัดสุดท้าย ในสุดสัปดาห์นี้เลยว่าจะบ้าดีเดือดขนาดไหน.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in