เคยได้ยินมาว่าดนตรีแจ๊สเปลี่ยนไปทุกครั้งที่เล่นใหม่
"หมายถึงดนตรีหรือเพลงนะ" เขาวางแก้วเบียร์ลง ลิ้นแลบเลียฟองขาวที่เปรอะริมฝีปากบน ดึงดูดความสนใจฉันไปชั่วขณะ ภาพเคราขาวของซานตาคลอสและความคิดที่ว่าคริสต์มาสกำลังใกล้เข้ามาทำให้วอกแวก แต่ฉันรวบรวมสติเร็วพอจึงตอบได้ทันการณ์
"ดนตรี" ฉันตอบ "เนื้อเพลงก็เหมือนเดิม แต่จังหวะของดนตรี โทน และอารมณ์จะไม่เหมือนเดิมในแต่ละครั้ง มันขึ้นอยู่กับนักดนตรีน่ะ"
"จริงหรือเปล่า" เขาทำท่ากังขา ไม่เคยเชื่อถือเรื่องราวใดในนาทีแรกที่ได้ฟัง ความระมัดระวังเป็นการดีในหลายสถานการณ์ แต่ตัดรอนความมั่นใจของผู้เล่าเสมอมาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ข้างมุมปากกับสายตาที่แม้ผู้พูดจะเตรียมตัวมาดีอย่างไรก็อดตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเองไม่ได้
ทว่าครั้งนี้ฉันเตรียมพร้อมมาดี หรือกล่าวให้ถูกกว่านั้นคือแหล่งอ้างอิงค่อนข้างน่าเชื่อถืออยู่แล้ว "วิทยากรบอกมาว่าอย่างนั้น สมัยเรียนเขาเคยทำงานที่ต้องอัดเสียงวงดนตรีวงหนึ่งในแต่ละวันแล้วเอามาฟังเปรียบเทียบ"
"เขาทำงานด้านนี้เหรอ"
"ถูก"
"เธอไม่ได้เรียนดนตรีเสียหน่อย ทำไมถึงได้ฟังเรื่องทำนองนี้" เขาเท้าคาง รอยยิ้มเคลือบแคลงแฝงการเลียนล้อ
"เป็นหนึ่งในวิชามารยาทธุรกิจไง ชนใดไม่มีดนตรีกาลในสันดานเป็นคนชอบกลนัก" ฉันตอกกลับพร้อมเลิกคิ้ว
เขาหัวเราะ "หมายความว่าเธอต้องไม่เป็นคนชอบกลเวลาเจรจาธุรกิจ"
"แค่ไม่แปลกเกินคนก็พอแล้ว" ฉันยกแก้วของตัวเองขึ้นมาจิบบ้าง ความอดทนที่จะไม่หยิบกับแกล้มเข้าปากล่มสลายเมื่อรสเผ็ดเจือหายไปจากโพรงปาก เอ็นข้อไก่ทอดอร่อยเกินไป ของกินทำลายสุขภาพไม่ควรอร่อยขนาดนี้เลย
ทันใดนั้นเขาก็คว้าส้อมมาแย่งจิ้มชิ้นที่ใหญ่ที่สุดไป และเคี้ยวกรุบกรับอย่างไม่รู้ไม่ชี้
ฉันดึงจานเข้าหาตัว "เธอกินเยอะแล้ว พอ ๆ "
"อยากกินอีกก็สั่งเพิ่มสิ" เขาพูดราวกับเป็นเรื่องง่ายทั้งที่เพิ่งย้ำกับฉันไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่าเราจะควบคุมอาหาร ดูตอนนี้สิว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่มีใครห้ามใครเมื่อประกาศว่าอยากกินเบียร์เคล้าลมหนาวแรกของฤดูกาลอย่างคนสโลว์ไลฟ์
ฉันกำลังจะแย้งเขาอยู่แล้วเมื่อเสียงเช็คไมค์ของนักดนตรีดังมาจากเวที ทุกคนในร้านหันไปทางเดียวกัน เสียงพูดคุยผะแผ่วหายไปจนเงียบสนิท กลุ่มนักดนตรีหนุ่มที่ดูอายุน้อยมีท่าทีขัดเขินเมื่อความสนใจมุ่งไปที่พวกเขาเป็นจุดเดียว
นักร้องนำกล่าวว่าเพลงแรกที่จะเล่นคือ something in the air between us
เขากับฉันหันมาสบตากัน เพียงไม่กี่วินาทีแต่ยาวนานพอให้รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
"เรามาลองทำเหมือนเขากันไหม" เขาพูด
"หือ"
"ลองอัดเพลงแจ๊สแล้วเอามาฟังเทียบกัน"
"แต่พวกน้องเขาจะเล่นเพลงเดิมตลอดเหรอ"
"ไปขอกัน" เขายักไหล่ ทำเหมือนทุกสิ่งเป็นเรื่องง่าย ๆ อีกแล้ว
แต่สุดท้าย "ก็ได้" ฉันบอกเขาระหว่างจิ้มกับแกล้มขึ้นมาอีกครั้ง "เพราะไก่ทอดร้านนี้อร่อยหรอก"
"ตกลงตามนั้น พรุ่งนี้มาเจอกันอีกที" เขาพยักหน้า ผูกมัดฉันด้วยการตั้งกำหนดการเสียเอง
เราดื่มกิน ฟังดนตรี ปล่อยให้โทนเสียงรายล้อมและชี้นำ จนกระทั่งจบหนึ่งบทเพลงจึงฉุกคิดได้ "แล้วทำไมเราไม่อัดรอบนี้ไว้นะ" ฉันถามเสียงเรียบ
เขานั่งตัวตรงแล้วตอบเสียงขรึมกลับมาว่า "นั่นสิ"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in