โรค
ไมเกรน (Migraine Headache) เป็นอาการปวดซึ่งพบบ่อยโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ใน 5 ของผู้หญิง และ 1 ใน 15 ของเพศชาย ซึ่งอาการในเบื้องต้นของผู้ป่วยที่เป็นโรคไมเกรนคือ รู้สึกปวดศีรษะอย่างรุนแรง โดยมีลักษณะปวดแบบตุ้บๆที่ด้านหน้าหรือด้านข้างของศีรษะ นอกจากนี้ ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นๆตามมาอีก อย่างเช่น อ้วก รวมทั้งยังมีความรู้สึกไวต่อแสงและก็เสียงเพิ่มขึ้น
สาเหตุของโรคไมเกรนสาเหตุของโรคไมเกรนยังไม่สามารถหาผลสรุปที่ชัดเจนได้ว่าเกิดจากอะไร แต่โดยทั่วไป อาการมักมีเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงในสมองโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเส้นประสาทไตรเจอมินอล (Trigeminal nerve) นอกเหนือจากนั้น ยังพบว่าโรคไมเกรนยังสามารถกำเนิดได้จากปัจจัยกระตุ้น ที่มาจากทั้งภายในแล้วก็ภายนอกร่างกาย ตัวอย่างเช่น อากาศร้อน การเห็นแสงจ้า ความตึงเครียด รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในผู้หญิง
สำหรับต้นเหตุที่ชอบกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการปวดไมเกรนขึ้น จะมีดังต่อไปนี้ * ช่วงก่อนมีรอบเดือน เป็นผลมาจากจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนผู้หญิง โดยจะเกิดขึ้นประมาณ 2 วันก่อนมีเมนส์ และก็ 3 วันหลังมีประจำเดือน
* สภาวะด้านอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความเครียด ความรู้สึกกังวล อาการซึมเศร้า ความตื่นเต้น ภาวะช็อก
* ความอ่อนล้าของร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น อ่อนแรง นอนหลับน้อยเกินไป ปวดเมื่อยหรือตึงบริเวณคอกับหัวไหล่ เมื่อยล้าจากการเดินทางด้วยเครื่องบิน (Jet lag) การออกกำลังกายอย่างมากตั้งแต่เริ่มแรก ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycaemia)
* ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย: ตัวอย่างเช่น แสงแรง อากาศที่ร้อน อบอ้าว ชื้น หรือหนาวจัด หน้าจอที่มีการขยับเขยื้อนไปมา ดังเช่นว่า จอโทรทัศน์หรือจอคอมพิวเตอร์ การสูบบุหรี่หรืออยู่ในรอบๆที่มีควันที่เกิดจากบุหรี่มาก กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนจัด รอบๆที่เสียงดัง
* การรับประทานอาหารบางจำพวกรวมทั้งพฤติกรรมการกินที่ผิดต้อง อาทิเช่น การทานอาหารไม่ตรงเวลา การข้ามมื้ออาหาร กินน้ำไม่เพียงพอ ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ตัวอย่างเช่น ชา กาแฟ อาหารรสหวานบางประเภท ยกตัวอย่างเช่น ช็อกโกแลต ชีส ทานอาหารที่มีส่วนประกอบของสารไทรามีน (Tyramine)
* การกินยาบางจำพวก ยกตัวอย่างเช่น ยานอนหลับบางชนิด ยาคุมกำเนิดกินประเภทฮอร์โมนรวม (Combined Contraceptive Pill) การกินฮอร์โมนตอบแทนสำหรับหญิงวัยหมดระดู
ลักษณะของการปวดหัวของโรคไมเกรนลักษณะของผู้ป่วยโรคไมเกรนแต่ละรายมักจะมีลักษณะอาการที่แตกต่างออกไป แต่ว่าโดยมากแล้ว พวกเราสามารถแบ่งช่วงของอาการปวดไมเกรนได้ 4 ตอน ดังต่อไปนี้
* ระยะก่อนปวดศีรษะ (Prodrome) ในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย อารมณ์ รวมทั้งพฤติกรรมและก็ความอยากอาหาร โดยอาการก่อนปวดศีรษะสามารถเกิดขึ้นได้หลายชั่วโมงหรือนับเป็นเวลาหลายวันก่อนที่ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดศีรษะ
* ระยะเห็นแสงวูบวาบ (Aura) ผู้ป่วยบางรายบางทีอาจพบเจอกับความผิดปกติของการมองเห็น ตัวอย่างเช่น มองเห็นแสงกะพริบ มีจุดบอดในขณะมองดูภาพ ซึ่งความแปลกนี้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 5 นาทีจนกระทั่ง 1 ชั่วโมง
* ระยะปวดศีรษะ (Headache) ผู้ป่วยจะมีลักษณะปวดหัวด้านใดด้านหนึ่ง โดยมีลักษณะอาการปวดแบบตุ้บๆตามจังหวะหัวใจเต้น และก็มักจะมาพร้อมกับอาการอาเจียนคลื่นไส้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายบางทีอาจรู้สึกไวต่อแสงหรือเสียงที่ดังด้วย ซึ่งอาการปวดศีรษะอาจยาวนานถึง 4-72 ชั่วโมงเลยทีเดียว
* ระยะหายปวด (Resolution) ในช่วงนี้ ลักษณะของการปวดหัวและอาการอื่นๆจะค่อยๆต่ำลง ในช่วงนี้ผู้ป่วยอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีความรู้สึกล้ารวมทั้งเหน็ดเหนื่อยเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีอาการข้างๆอื่นๆที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ป่วยปวดไมเกรนด้วย แต่บางทีอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นบางโอกาสเพียงแค่นั้นและจะไม่เกิดขึ้นในผู้ป่วยทุกราย ดังเช่นว่า
* เหงื่อแตก
* ไม่มีสมาธิ
* รู้สึกร้อนหรือหนาวเกินไป
* เจ็บท้อง
* ท้องร่วง
* อ้วกอาเจียน
* ภาวะแทรกซ้อนจากโรคไมเกรน
วิธีคุ้มครองโรคไมเกรนคุณสามารถป้องกันการเกิดอาการปวดไมเกรนได้โดยให้เลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อไปนี้
* การกินยาเม็ดคุมกำเนิด
* การรับประทานอาหารบางชนิดที่เป็นตัวกระตุ้น ยกตัวอย่างเช่น น้ำตาลเทียม ผงชูรส ชา กาแฟ ชีส ไวน์
* การกระตุ้นทางประสาทสัมผัส เช่น กลิ่นควันที่เกิดจากบุหรี่ กลิ่นควันรถยนต์ กลิ่นน้ำหอมที่ฉุนจัด รอบๆที่เสียงดังมากๆการอยู่ท่ามกลางแดด หรือแสงสีที่แรงมากมายๆนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือนอนมากกระทั่งเกินความจำเป็น
* อยู่ในรอบๆที่มีสภาพแวดล้อมไม่ดี ยกตัวอย่างเช่น มีฝุ่นละอองควัน อากาศร้อนอบอ้าวหรือหนาวจัดเกินไป มีสารเคมี
* แรงกดดันรวมทั้งความเครียดด้านในจิตใจ ซึ่งแม้ผู้ป่วยรู้สึกเครียดจัดและก็กังวลอย่างควบคุมไม่ไหว ให้ลองไปพบจิตแพทย์เพื่อขอความเห็นที่สมควร
ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีสิ่งอื่นๆที่จะช่วยป้องกันไมเกรนได้ นั่นเป็น การหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและไม่หักโหมหนักเกินความจำเป็น การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ กินน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน รวมทั้งจำกัดปริมาณการกินคาเฟอีนและก็เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์
แต่ถ้าเกิดคุณได้พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว แม้กระนั้นอาการของโรคไมเกรนก็ยังรุนแรงอย่างต่อเนื่องและไม่ดีขึ้นกว่าเดิม การไปเจอหมอเพื่อวินิจฉัยโรคโดยตรง แล้วก็มีการสั่งจ่ายยาที่เหมาะสมจะเป็นการชี้แนะวิธีรักษาโรคไมเกรนที่ดีที่สุดสำหรับคุณได้
https://www.honestdocs.co/migraine-headachesTags : การใช้ยา, มีอาการปวด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in