“มุทา ๆ ไปแต่งผมให้นายบ้านโน้นด้วย”
เสียงตะโกนของลุงเช้าเรียกให้เด็กหนุ่มหันมอง ‘มุทา’ พึ่งแตกเนื้อหนุ่มได้ไม่กี่ปี ดวงตาร่าเริงฉายแววเจิดจ้า ปากก็ยกยิ้มร่า เขายิ้มตลอดเวลา รูปหล่อหน้าทะเล้นทำเอาตา ๆ ยาย ๆ เอ็นดูให้ทั่ว พ่วงกับความเก่งฉกาจในการตัดผมแต่งหล่อ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จึงมักเรียกใช้บริการตัดผมเคลื่อนที่ของเขาเป็นประจำ มุทายากจนมาก แต่ก็ขยันขันแข็งมากเช่นกัน เขาอาศัยอยู่กับปู่ผู้ชรา ซึ่งมุทาก็คอยดูแลปรนนิบัติด้วยว่าพ่อบังเกิดเกล้าเสียตั้งแต่เขายังแบเบาะ ปู่จึงเป็นเพียงคนเดียวที่เลี้ยงดูเขามา
แม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ปู่ผู้ชราก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกลำบาก เขาได้รับความรักมากพอ ความอบอุ่นและจริงใจก็เช่นกัน
“ได้จ้ะลุง” พูดไปอมยิ้มไป
“เอ๊อะ เป็นเอ็งนี่ก็ดีแท้ ยิ้มมันทุกวี่ทุกวัน ไม่มีเรื่องอะไรให้ทุกข์ใจเลยหรือไง”
“โถ่ลุง ก็อย่าไปกวนน้ำใสในใจให้มันขุ่นสิจ๊ะ”
ลุงเช้าเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนยิ้มแป้นพลางขยี้หัวมุทาด้วยความเอ็นดู
“โอ๊ยลุง อย่าสิจ๊ะ บ้านโน้นเขาเป็นผู้รากมากดี เดี๋ยวผมจะโดนเขาไม่ให้เข้าบ้านเอา คิดว่าขอทานที่ไหนมาด้อม ๆ มอง ๆ” ว่าแล้วก็จับมือลุงให้หยุดเอ็นดูตนเสีย
“ฮ่า ๆ ขอทานก็ต้องหน้าหมองหน้าเศร้าซิ ขอทานที่ไหนจะหน้าทะเล้นแบบเอ็ง ! ไม่เกี่ยวกับทรงผมหรอกน่าไอ้หนุ่ม !” ว่าแล้วลุงก็ยกมืออีกข้างมาขยี้ต่อด้วยความมันเขี้ยว แต่ไม่ทันมือถึงปลายเส้นผม มุทาก็รีบกุลีกุจอมุดผ่านใต้วงแขนที่ลุงเช้าวาด ผลุบหายไปกับเสียงจ้อกแจ้กจอแจของฝูงชนเสียแล้ว
มุทารีบเดินย่ำ ๆ ก้าวขายาวสุดตัว รอยยิ้มสดใสยังแต่งแต้มบนใบหน้า ใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นมีความสุข ด้วยว่าจะได้เงินกลับไปจุนเจือปู่ชราของตน เดินไปไม่นานเขาก็มาหยุดที่หน้าบ้านหลังมโหฬาร รั้วรอบขอบชิด ตัวบ้านใหญ่เสียจนเข้าหยุดหายใจ ทางเดินก็เรียบกว่าถนนดินเขรอะที่เขาย่ำผ่านมา สวนหรือก็แสนจะงดงามเขียวชอุ่ม ไม่ใช่เขียวแบบนาข้าวบ้านลุงเช้าหรือป่ารอบบ้านเขา ที่นี่สวยงามแปลกตากว่านั้นมาก พุ่มไม้ถูกตัดแต่งอย่างดี รถราส่วนตัวมองไปก็ใจเต้นระส่ำในความหรูหรา คิดไปว่าปู่จะชอบขนาดไหนหากมาเห็นด้วยตาตนเอง ที่ผ่านมาเขาได้แต่มองบ้านหลังนี้อยู่ไกล ๆ ด้วยความที่ว่าไม่ได้มีเหตุผลให้ต้องเฉียดกรายเข้ามาใกล้ เห็นลิบ ๆ ก็ว่าสวยแล้ว เมื่อเข้ามาใกล้ยิ่งตะลึงในความสวยที่ชีวิตนี้เขาไม่อาจเอื้อมถึง หากไม่ได้บารมีลุงเช้าพ่อค้าขายข้าวสารที่แนะนำเขาให้คุณนายบ้านนี้เรียกตัวมาแต่งหล่อให้สามีและลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ว่ากันว่าอายุเท่าเขาเสียด้วย
“นายมุทาหรือครับ” ชายร่างท้วมใหญ่เปิดรั้วเล็กมาทักทาย ดึงเขาออกจากภวังค์ ชายคนนั้นรีบคลำหากุญแจที่พาดเข็มขัดเส้นเก่าไว้
“ครับ” มุทาตอบ สายตายังมองชายแปลกหน้าสลับกับตัวบ้าน
กริ๊ก — รั้วใหญ่เปิดผาง มุทาใจเต้นแรง มือกำกระเป๋าผ้าเก่า ๆ ที่บรรจงบรรจุอุปกรณ์ตัดแต่งทรงผมแน่น เหงื่อเม็ดเล็กผุดตามมือตามเท้าอย่างอดไม่ได้
“เข้ามาได้ครับ” ชายร่างท้วมวางมาดพ่อบ้านแสนขรึม
“ขอบคุณครับพี่” ตอบพลางยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม
“โอย เรียกลุงเถอะพ่อหนุ่ม ลุงชื่อชิตนะ เป็นพ่อบ้านที่นี่มาสิบกว่าปีแล้ว”
“โอ้โฮ ! ลุงได้อยู่บ้านนี้มาสิบกว่าปีเลยหรือครับ”
“แค่ทำงานซิ … โน่น บ้านลุงอยู่ในตลาดโน่น มาทำงานตอนตีสี่ถึงสามทุ่มแน่ะ” ท่าทางดุดันของลุงชิตค่อย ๆ หายไปโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ทันได้รู้ตัว แท้จริงลุงไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลย เพียงแต่รูปร่างใหญ่ทำให้ดูน่าเกรงขามเท่านั้นเอง
“ฟู่” มุทาถอนหายใจเฮือกใหญ่หนึ่งหน จัดผมเผ้า จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หล่อมากแล้วหนุ่มเอ๊ย”
“สร้างความประทับใจแรกจ้ะลุง”
ลุงชิตเดินนำ พามุทาเดินไปตามทางปูนขาวเรียบ ๆ มุทานึกอยากลองถอดรองเท้าเก่าคู่นี้แล้วใช้เท้าเปล่าเดินใจจะขาด อยากสัมผัสเหลือเกินว่าพื้นปูนที่เขาว่ากันเป็นยังไง เขาเดินไป ใจก็พลางลอยไปไกล ลอยไปไกล
“เอ้า ถึงแล้วพ่อหนุ่ม” ลุงชิตพูดพลางเปิดประตูใหญ่ท่าทางหนักเอาการให้เขาเดินนำเข้าไป ลุงจึงเดินตามแล้วปิดประตูให้
“พ่อหนุ่มมุทามาแล้วหรือจ๊ะนายชิต” เสียงไพเราะของหญิงวัยกลางคนดังเจื้อยมา เขาหันไปมองตาม ปรากฏหญิงสาวใบหน้าชดช้อยงดงาม แม้ถูกแต่งแต้มด้วยริ้วรอยตามกาลเวลาก็ไม่อาจบดบังความสวยได้ เธอเปรียบเสมือนเหล้าองุ่นชั้นดีที่ยิ่งบ่มนานปียิ่งเพริศพราย
“ครับนายหญิง” ลุงชิตพูดพลางโน้มตัวลง รอยยิ้มอ่อน ๆ บนใบหน้าคลี่ออก
“ตามมาเลยจ้ะหนุ่ม สามีกับลูกฉันอยู่อีกห้องแน่ะ” เธอว่า ท่าทางใจดีและอ่อนโยนทำให้มุทาเดินตามโดยไม่คิด
“คนพ่อจะเนี๊ยบหน่อย เธอต้องประณีตทุกกระเบียดเชียว ฉันไว้ใจเธอนะจ๊ะ คนทางโน้นใคร ๆ ก็ว่าเธอเก่งที่สุดในหมู่บ้าน ส่วนคนลูกน่ะไม่เท่าไหร่ อายุเท่าเธอนี่แหละจ้ะ แกไม่ชอบให้เอาผมออกเยอะ เธอก็ช่วยออกแบบให้แกหน่อยแล้วกัน” คุณนายพูดระหว่างเดิน เสียงเจื้อยแจ้วอารมณ์ดี มุทาฟังเพลินไปก็เริ่มคลายความกังวล เหงื่อที่ซึมออกตามมือไม้ค่อย ๆ แห้งไป
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in