สายฝนโปรยปรายติดต่อกันเป็นวันที่สี่แล้ว เรามาหยุดที่ร้านกาแฟเจ้าประจำของผม ทอดสายตามองเมฆเทาที่ปกคลุมอาณาบริเวณ หญิงสาวไม่ได้เอ่ยคำพูดใดเป็นพิเศษ กล่าวตามจริงเธอนิ่งเงียบกับผมจนน่าสงสัย พายขอตัวไปโทรศัพท์นอกร้านอยู่หลายครั้ง หนหนึ่งไม่ต่ำกว่าสิบนาที แก้วกาแฟของเธอเย็นชืดไปหมดเช่นเดียวกับตัวผม
"ขอโทษทีปอนด์ ธุระที่บ้านน่ะ" เธอเอ่ยเสียงอ่อน ผมยิ้มตอบขณะดูดอเมริกาโน่เย็นที่ปราศจากน้ำแข็ง หางตาเห็นโทรศัพท์มือถือสั่นน้อย ๆ ก่อนที่เธอจะเก็บมันลงกระเป๋า
"รับสายก่อนก็ได้นะครับ ผมรอได้"
"ไม่แล้วล่ะ พูดไปก็เปล่าประโยชน์" หญิงสาวถอนหายใจ "ถ้าเขาจะหย่ากันจริงเราจะไปทำอะไรได้"
ผมนึกอยากกุมมือเธอขึ้นมาแต่ก็ยั้งใจไว้ทัน เสียงครางของระบบสั่นจากสายเรียกเข้ายังดังต่อเนื่อง พายมีท่าทีหนักใจแต่สุดท้ายก็เดินออกไปโทรศัพท์อีกครั้ง ได้ยินเสียงอุทานแว่วมาเป็นครั้งคราวแม้ประตูร้านจะปิดงับสนิท เธอเดินวกไปมาคล้ายหนูติดจั่น ผมเคยคิดว่าเรื่องมันคงง่ายถ้าเกิดเหตุการณ์นี้เมื่อเป็นผู้ใหญ่ พ่อและแม่ของผมหย่ากันตั้งแต่ยังเรียนประถมสาม ผมเลือกพ่อเพียงเพราะไม่อยากย้ายโรงเรียนจากเพื่อนไปไหนซึ่งนั่นทำให้แม่แทบใจสลาย ผมรักเธอ แต่ไม่อาจไปจากกรุงเทพที่เป็นโลกทั้งใบในตอนนั้นได้ หากเป็นเวลานี้คงไม่มีการเลือกใครคนใดคนหนึ่งทั้งนั้นเพราะตัวเองรู้ซึ้งแล้วว่าการประคับประคองชิ้นส่วนที่ปริร้าวมันทรมานผมยิ่งกว่าการแตกสลายลงไปเป็นจุลเสียอีก
เธอกลับเข้ามาอีกครั้ง จมูกเล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงจนน่าสงสาร ความชื้นหล่อเลี้ยงนัยน์ตากลมโตจนแทบเอ่อ พายขอให้ผมนั่งรถไปเป็นเพื่อนเพื่อกลับไปขนของส่วนหนึ่งออกจากบ้านที่เธออาศัย หลังฝากฝังรถมอเตอร์ไซค์หน้าร้านไว้กับบาริสต้าที่สนิทกันแล้วผมจึงได้เปิดประตูขึ้นฝั่งคนขับอย่างไม่มีเสียงคัดค้านเป็นครั้งแรก
.
.
.
บ้านของเธอตั้งอยู่บนถนนกรอบสี่เหลี่ยมของคูเมืองระยะทางไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก พายเล่าว่าหล่อนเติบโตในบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูนสองชั้นหลังคลินิกทันตกรรมที่ครอบครัวเธอเป็นเจ้าของ แม้รายล้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์หญิงสาวกลับตัดสินใจศึกษาในคณะวิจิตรศิลป์อย่างไร้ประโยชน์ที่ใครจะต่อต้าน เธอให้ผมจอดรถในส่วนของลูกค้าแล้วเดินลัดเลาะตามทางเดินไป บ้านหลังใหญ่ซ่อนตัวอยู่หลังสวนไม้หลากพันธ์ บรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่แต่เมื่อไร้เงาของสิ่งมีชีวิตอื่นบวกความอึมครึมจากฟ้าฝนและหญิงสาวข้าง ๆ มันช่างไม่ต่างจากบ้านร้างในหนังสยองขวัญ
ตอนกลางวันไม่มีใครอยู่บ้านหรอก เธอบอกเช่นนั้นก่อนจะเชื้อเชิญให้ผมเข้าไป แต่แทนที่การไม่พบเจอคนอื่นโดยตรงจะทำให้ผมสบายใจมันกลับสร้างความอึดอัดเสียมากกว่า ภายในโถงห้องรับแขกถูกตกแต่งอย่างดีแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยภาพพอร์ตเทรตบุคคลในครอบครัวของเธอจนน่าประหลาด รอยยิ้มเดียวกันในภาพของชายหญิงวัยกลางคนหลายท่านกระจัดกระจายอยู่ทั่วตำแหน่งของห้อง ตู้ไม้ชิดผนังฝั่งหนึ่งถูกจัดเรียงด้วยสารพัดเกียรติบัตร วุฒิบัตร และปริญญาบัตรจนลานตา ผนังอีกด้านแน่นไปด้วยชั้นขนาดกลางที่บรรจุหนังสือทางการแพทย์ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับชุดโซฟาหนังขนาดใหญ่ที่ดูผ่านการดูแลรักษามาอย่างเหมาะสมเช่นกัน ทุกสิ่งดูสะอาดสะอ้านและเข้าที่เข้าทางจนห่างไกลจากคำว่าน่าอยู่ พายเดินนำผมไปยังห้องเล็ก ๆ ทางด้านขวา แม้จะมีขนาดเล็กกว่าพื้นที่รับแขกแต่ผมยืนยันว่ามันยังกว้างกว่าห้องนอนของกราฟหลายเท่า เมื่อบนกำแพงที่ถูกทาด้วยสีขาวสะอาดปราศจากทะเลภาพรอยยิ้มเย็นเช่นเมื่อครู่ผมจึงมีโอกาสได้ผ่อนความตึงเครียดลงบ้าง
หญิงสาวหันไปง่วนกับชั้นเอกสารที่มุมหนึ่งปล่อยให้ผมสำรวจพื้นที่ เฟอร์นิเจอร์ภายในถูกจัดไว้อย่างหลวม (ผมเห็นภาพวาดทัศนียภาพที่เธอนำออกไปในตอนที่เรารู้จักกันถูกวางกองอยู่กับพื้นห้อง) นอกจากชั้นหนังสือที่มีบางส่วนเป็นชั้นการ์ตูนและซีดีแล้ว มีเพียงชุดโต๊ะเก้าอี้หวายสามตัวและภาพครอบครัวของหญิงสาวบนตู้ที่ถูกคลุมผ้าไว้เท่านั้น เด็กหญิงผมเปียตัวเล็กยืนระหว่างชายหญิงผู้มีรอยยิ้มแสนอบอุ่นแตกต่างจากภาพสะท้อนในห้องที่เดินผ่านมา ผมยืนมองภาพเด็กหญิงที่เติบโตขึ้นเป็นเด็กสาวพร้อมรอยยิ้มจนพายเดินมายืนข้างหลังโดยไม่รู้ตัว
"ตอนเด็กเราน่ารักล่ะซิ"
ผมอยากตอบว่าตอนนี้เธอก็ยังน่ารักอยู่ใจแทบขาดแต่ทำได้เพียงอาสาถืออัลบั้มรูปขนาดใหญ่ที่เธอหอบไว้แทน พายเหม่อมองภาพบนตู้อย่างอ้อยส้อยก่อนจะเลิกผ้าขึ้นให้เห็นว่าแท้จริงตู้ที่ว่าคือเปียโนหลังเล็ก
"เล่นเปียโนเป็นด้วย ?"
"นิดหน่อย พ่อเราสอนตั้งแต่เด็กแต่ก็ไม่ได้เล่นนานแล้วล่ะ"
"คงไม่ใช่จะขนเปียโนไปใช่ไหมครับ"
"ถ้าได้ก็ดีนะ"
เธอกล่าวติดตลกด้วยรอยยิ้มที่น่าจะเป็นยิ้มแรกของวันก็ว่าได้ "คาปูชิโน่"
"ครับ ?"
"คา-ปู-ชิ-โน่"
สิ้นคำสองมือเล็กเริ่มพรมลงบนคีย์สีขาวด้วยทำนองจากเพลงสดใสที่ผมไม่รู้จัก เสียงเปียโนดังโดดเด่นช่วยให้บ้านทั้งหลังดูมีชีวิตขึ้นมาทันใดก่อนที่สายฝนพลันตกลงมาโดยไม่ให้สัญญาณเช่นเดียวกับหยดน้ำตาบนหน้านวลที่ไหลมาเป็นสาย
ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่
การตัดสินใจในเรื่องความสัมพันธ์มันไม่เคยง่ายเลย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in