เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cloud flow , tears runxundae
day seven : ice cream vanilla caramel almond
  • กราฟขอเวลาผมสิบห้านาทีเพื่อฟังเขาซ้อมนำเสนองาน หากเป็นเมื่ออาทิตย์ก่อนคงไม่มีการอิดออดแต่ขณะนี้มันไม่ใช่แล้ว ผมมีนัดกับพายและเธอกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า


    "เวลาเหลือเฟือ ไม่ต้องรีบ" เธอบอกกับพวกผมหลังจากจอดรถคันเล็กในรั้วบ้าน ได้ยินแล้วผมก็สบายใจ จะว่าไปการมีหญิงสาวเดินหมุนตัวอยู่ในบ้านก็เป็นเรื่องดีนิดหน่อย ผมจินตนาการว่าจะเป็นอย่างไรหากเราได้อาศัยใต้หลังคาเดียวกันแต่ก่อนจะได้เสริมองค์ประกอบเพิ่มเติมความคิดนี้ก็ตกไปก่อนเมื่อกราฟเดินเข้ามาเหยียบเท้าผมเต็มแรง


    "นี่มึงจะเกินหน้าเกินตากูไปหน่อยแล้วมั้ง" เพื่อนรักกัดฟันกระซิบขณะที่เจ้าหล่อนเริ่มเปิดตู้เย็นแล้วหยิบไอศกรีมวนิลาในช่องฟรีซออกมานั่งทานเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน (ซึ่งไม่ผิดนัก) ถ้าไม่นับว่านั่นคือเสบียงสุดท้ายในตู้เย็นที่เหลืออยู่


    "แค่พี่น้องกันไง เห็นมึงชอบสถานะนี้นักนี่" ผมกัดตอบ กราฟหันมาสบถคำหยาบแบบไม่มีเสียงให้ก่อนจะกระแอมแล้วเริ่มต้นแนะนำตัวด้วยลุคสุขุมที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยเวลาผมอยู่กับมัน แต่แทนที่จะเรียกว่าการนำเสนอผมเข้าใจว่ามันฟังเหมือนท่อนแรปของเพลงที่เขาชอบมากกว่า ด้วยเนื้อหาเกือบร้อยหน้ากับเวลาสิบห้านาทีมันช่วยไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนั้น ผมทำหน้าที่ผู้ฟังอย่างตั้งใจไม่สนว่าตนเองจะมีความรู้ทางสถาปัตยกรรมอยู่มากน้อยแค่ไหน เหลือบมองนาฬิกาจับเวลานับถอยหลังสลับกับพายซึ่งยังดูไม่เป็นเดือดเป็นร้อนแม้ในอีกสามสิบนาทีหนังที่เราตั้งใจดูจะเข้าฉาย



    .
    .
    .



    "ไม่คิดว่ากราฟจะทำหัวข้อโรงเรียนประถมนะเนี่ย" พายเอ่ยด้วยน้ำเสียงทึ่งนิด ๆ ขณะนั่งกอดอกอยู่หลังพวงมาลัยรถ


    "มันชอบเด็กไงพี่" ผมเย้าหยอก เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากเธอ


    ผมเพิ่งรู้ว่าหญิงสาวเอาแต่ใจมากกว่าที่คิด แม้จะท้วงขอเป็นคนขับยังไงอีกฝ่ายก็ยืนยันจะปฏิเสธทุกทาง ถึงใบหน้าบึ้งตึงของเธอจะไม่ได้ดูน่ากลัวเลยซักนิดแต่ตัวผมก็ยินยอมเพราะไม่อยากขัด ระหว่างนี้ขอให้ลืมภาพหญิงสาวผมยาวเงียบขรึมในวันแรกที่ผมพบเธอไปได้เลย ตลอดสามสี่วันที่ใช้เวลาด้วยกันนอกจากความดื้อนิด ๆ เอาแต่ใจหน่อย ๆ แล้วเธอยังใจร้อน แสนซน ขี้แกล้ง บางครั้งก็ฉลาดแต่ก็แกมโกงอย่างเหลือเชื่อเหมือนแม่มดตัวน้อยไม่มีผิด ครั้นบางคราวกลับใจเย็นมั่นคงเกินคาดเช่นเดียวกับปัจจุบันที่พวกเรายังติดแหงกอยู่บนสี่แยกต้นพยอมกับไฟแดงหนที่สองกระนั้นยัยตัวร้ายของผม (?) ยังคงฮัมทำนองเพลงอย่างอารมณ์ดีอยู่แม้เรากำลังจะเข้าโรงสายแล้วก็ตาม


    "ตอนมาปรึกษาเราตอนปีสามกราฟมันทำงานสายคอนเซปจ๋าเลยนะ วันที่ฟังพรีเซนต์นี่ขนลุกไปหมด ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนมาทำสายออกแบบเน้นการใช้งาน ถ้ากราฟทำโรงพยาบาลเราคงเหวอกว่านี้อีก"


    "น้องคนนั้นไปท้ามันไว้ไงพี่ว่ากราฟมันทำงานแบบนี้ไม่ได้หรอก"


    "คนนั้นหมายถึง" หญิงสาวทำท่าใช้ความคิด "คนนั้นน่ะนะ? คนเดิม ?"


    "คนดีคนเดิมคนเดียวครับผม" ผมยืนยัน


    "ก็ไม่บอกเขาซักทีอีกฝ่ายจะรู้ไหมนะว่ารัก" เธอพึมพำแผ่วเบาจนเหมือนพูดกับตัวเองจากนั้นอึดใจเดียวก็หันมาทำเสียงดุ "บอกแล้วไงว่าไม่ต้องเรียกพี่ แล้วก็ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นด้วย"


    ผมยกมือยอมแพ้ให้เธอคนนี้ แม่มดน้อยยักคิ้วยักไหล่อย่างได้ใจเมื่อได้รับชัยชนะ สัญญาณจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวและรถของเรากำลังเคลื่อนไปข้างหน้า เมื่อสายตาของพายจับจ้องแน่วแน่ไปยังท้องถนนผมจึงมีโอกาสได้ลอบมองใบหน้าด้านข้างของเธอเป็นรางวัลปลอบใจ


    "ว่าแต่ตอนนั้น ... พายทำทีสิสเรื่องอะไรล่ะ"


    "ภาพประกอบนิทานน่ะ เรื่องแมวกับดวงจันทร์"


    "ตัวจบสถาปัตย์ไม่ทำเป็นอาคารได้ด้วยเหรอ" ผมท้วงติงด้วยความสงสัย


    "ใครบอกว่าเรียนสถาปัตย์"


    พายยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่ใกล้เคียงกับแยกเขี้ยวมากกว่า ขณะที่สองมือยังกระชับพวงมาลัยแต่สายตานั้นเฉทิศทางไปที่ช่องเก็บเหรียญใต้คอนโซลรถคล้ายเป็นการบอกใบ้ ผมเอื้อมไปหยิบการ์ดสี่ห้าใบที่สุมกันอยู่กับเหรียญและใบเสร็จอีกหลายแผ่นขึ้นมา สี่ในห้านั้นเป็นบัตรสมาชิกห้างร้านต่าง ๆ หนึ่งในนั้นมาจากร้านเช่าหนังสือฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลประสาทย่านสวนดอก การ์ดใบสุดท้ายคาดส่วนบนด้วยแถบสีม่วง ระบุชื่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และภาพหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มในเสื้อนักศึกษาสีขาวถักผมเปียเรียบตึงจนไม่เห็นไรผมซักเส้น - บัตรประจำตัวนักศึกษา - ผมเลื่อนสายตาลงมายังตัวหนังสือบรรทัดต่อไป หัวใจเต้นคึกคักจนเผลอยิ้มกว้างไม่รู้ตัว




    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .



    สวัสดี ดากานดา







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in