ความตั้งใจแรกตลอดช่วงหยุดฤดูร้อนที่จะถึงนี้ คือการนอนเล่นรับลมเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ ก่อนเปิดเทอมในชั้นเรียนปีสุดท้าย ด้วยความที่คณะไม่ได้บังคับฝึกงาน จึงใช้ชีวิตมาอย่างเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัด จนกระทั่งช่วงหนึ่งของเทอมแรกในชั้นปีสาม เราได้ยินคนรอบข้างพูดถึงเรื่อง "ฝึกงาน" แรกเริ่มจากปากคนสองคน ต่อมา ประเด็นนี้กลายเป็นหัวข้อหลักๆ ที่นำมาใช้ทักกันเวลาเจอหน้า
- “แกๆ จะไปฝึกงานที่ไหนอ่ะ”
- “น่าจะฝึกที่ XXX ไปขอเอกสารพี่วุฒิมาละ”
(Note: พี่วุฒิ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการนิสิตประจำคณะ ที่ดำเนินเรื่องฝึกงานให้กับเด็กอักษรฯ มาหลายต่อหลายรุ่น)
กรรมของเวร เวรของกรรม เลยกลับมาตั้งหลักใหม่ โชคยังดีที่พอจะระลึกความทรงจำในอดีตได้
ย้อนกลับไปสมัยรู้ผลรับตรงคณะฯ ช่วงนั้นเรียกได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจครั้งใหญ่ในชีวิต ก่อนเปิดเรียนไฟในตัวสูงลิ่ว ภาพในหัวตอนนั้นคืออยากเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน (ความฝันแมสๆ ของสาวอักษรฯ ที่ต้องใช้ชีวิตในโลกทุนนิยม) เมื่อตอบคำถาม “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร” ได้แล้ว และแน่ใจว่ายังอยากทำอาชีพนี้ในอนาคต เลยหาเชื้อเพลิงมาเติมไฟไม่ให้มอดไปเสียก่อน หนึ่งในเชื้อไฟที่มีผลสำคัญต่อการฝึกงานในครั้งนี้ คือ หนังสือประสบการณ์ตรงของแอร์โฮสเตสสาวรายหนึ่ง ในเล่มเธอเล่าเส้นทางความฝันของเธอ มีอยู่ตอนหนึ่งเธอเล่าว่า สมัยเป็นนิสิตฝึกงาน เธอได้ฝึกที่สนามบินในตำแหน่ง ground service ภาพของหนังสือเล่มนั้นมาตกผลึกในช่วงเวลาปัจจุบันของนิสิตชั้นปีที่สามคนนี้
หลังจากคิดได้ว่าไม่ควรอยู่เฉยในช่วงปิดเทอม จึงเริ่มต้นหาที่ฝึกงานอย่างที่ใครเขาทำกันเสียที แม้จะออกตัวช้าไปเสียหน่อย แต่ก็ยังทันประกาศรับสมัครของหลายๆ แห่ง ประกอบกับหาที่ฝึกงานในสายงานอื่นๆ เพิ่มเติมไปด้วยเพื่อกันเหนียว และสายการบินแรกที่เรียกไปสัมภาษณ์คือ สายการบินสีฟ้า ที่มีชื่อจากนักแสดงสาวรุ่นพี่ร่วมคณะฯ และโด่งดังจากขนมข้าวต้มมัด...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in