เริ่มด้วยวัยม.6 เป็นช่วงที่ขยันที่สุดในชีวิตทั้งเรียนหนังสือ เตรียมตัวสอบ ทำงานห้อง และกิจกรรมต่างๆเพื่อเก็บเข้า portfolio เอาจริงๆแค่อธิบายให้ทุกคนฟังภาพก็ลอยมาในหัวแล้ว ตอนแรกชีวิตเราก็เหมือนเด็กม.6 ทั่วไปนั่นแหละ เรียนๆเล่นๆเรียนพิเศษ มีความสุขกับเพื่อน เอนจอยชีวิต แต่พอเริ่มเข้าช่วง admission crisis ทุกอย่างก็ยิ่งกดดัน มีทั้งการแข่งขันเพื่อสู้กับเด็กคนอื่นๆและที่ยากกว่าคือการสู้กับใจตัวเองให้หนักแน่นกับความฝัน+ต้องใส่ความพยายามและความขยันลงไป!!! เราเองก็เป็นหนึ่งในเด็กม.6ที่มีคณะในฝัน และคณะนี้ก็ยังอยู่ในฝันของเราอยู่ คือ ที่มีโลโก้เป็นรูปดินสอ(เดาๆกันไป) เราลองทั้งยื่นรอบพอร์ต, ยื่นรอบโควตา, เรียนพิเศษภาษาที่ไม่ได้เรียนตอนม.ปลาย (ตอนม.ปลายเอกเราไม่มีสิชาที่สามารถสอบแพทได้เลย เศร้ามาก) และใช่ค่ะ คณะรูปดินสงดินสอ ก็เป็นได้แค่คณะในฝัน ตอนแรกเราติดพอร์ตมหาวิทยาลัยอื่นด้วยแต่เราคิดว่าเราจะรอมหาลัยนั้น แต่มหาลัยนั้นไม่ได้อยากได้เรา ;-( และก็ใช่อีกค่ะ อย่างที่ทุกคนคิด เราสอบไม่ติด นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นของ "ชีวิตที่ไม่มีplan B" หลังจากเราสอบไม่ติดปุ๊ป เข้าสู่โหมดโคตรเศร้าเลยค่ะ ถึงแม้จะเตรียมใจมาเเล้วว่าจะไม่ติด แล้วตอนนั้นเรามั่นหน้ามัั่นใจมากๆว่าจะซิ่วเป็นเด็ก65เลยยื่นไปแค่คณะเดียวมหาลัยเดียวเลยค่ะ (สวยให้5มั่นหน้าให้10) ด้วยความที่เพื่อนๆส่วนมากสอบติดกันแล้ว เราก็ยิ่งลำบากใจเลยอยากเศร้านะ แต่ก็อยากแสดงความยินดีกับเพื่อน เพราะเราก็สู้เรียน สู้ติวมาพร้อมๆกัน ใจหายไปหมดเลย
ในตอนนั้นเรามีเพื่อนคนนึงที่สนิทมากๆเพราะตอนม.ปลาย3ปีก็อยู่ด้วยกันแถมเรากับเพื่อนก็ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ เพื่อนคนนี้ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศไต้หวัน เรายินดีและดีใจกับเพื่อนมาก แต่ในตอนนั้นด้วยความเศร้าของเรา เพื่อนเลยเสนอว่าเออลองคิดดีๆจะซิ่วจริงหรอ ไปเรียนไต้หวันป่าว มีกูนะ ด้วยความที่เราพูดจีนก็ไม่ได้ อังกฤษก็แหะๆพอเอาตัวรอด เราเลยปฏิเสธไปค่ะ แต่ในตอนนั้นก็มีภาพขึ้นมาในหัวว่า ถ้าไม่ออกจาก comfortzone เราก็ไม่โตดิ เราเลยลองขอทุนไปไต้หวันแบบเพื่อน(เรียนตามเพื่อน) เพื่อนเราคนนี้ก็ดีมากๆช่วยเหลือเราเต็มที่สุดๆ จนจะได้ไปพร้อมกัน แต่เรื่องก็ดันพลิกล็อคกันน่าดู ถล่มทลายฮ่าฮ่าฮ่า เพื่อนโทรมาขอห่างกับเราก่อนไปไต้หวัน ตอนเเรกเราก็ตกใจ จำได้เลยว่าตอนนั้นเคว้งมาก เหมือนใจเราไม่อยากไปไต้หวันแล้ว ทั้งสอบไม่ติด หนีไปเรียนต่างประเทศตามเพื่อนอีก แล้วเพื่อนก็ขอห่าง เห้อ...เราไม่รู้ว่าคนที่อ่านมาถึงตรงนี้จะเข้าใจเรามั้ย แต่เราบอกเลยว่ามันโคตรจะแย่เลยสำหรับเราในตอนนั้น ยิ่งกว่าโดนแฟนบอกเลิกก็เพื่อนนี่แหะ เพื่อนว่าความผูกผันและความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ sensitive มากๆ เราไม่อยากเจาะจงเรื่องราวเพราะเราอยากจะนึกถึงเพื่อนคนนี้แต่เรื่องดีๆที่เคยมีให้กัน ถึงแม้ตอนจบของเรากับเพื่อนคนนี้อาจจะซับซ้อน แต่ว่าเราก็ยังมีเพื่อนคนนี้อยู่ในความทรงจำฝั่งที่ดีของเราในวัยมัธยม :-)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in