ในปี 2020 ปีนี้ ไวฟาย(WiFi) ได้รับการพัฒนาขึ้นอีกขั้น กลายมาเป็น “ไวฟาย-6” ที่มาพร้อมกับ 802.11ax โดยไวฟาย (WiFi) รุ่นนี้จะมีความเร็วมากกว่ารุ่นก่อน ๆ ด้วยอัตราการรับข้อมูลที่มากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับการใช้งานในคลื่นความถี่ 2.5 GHz และ 5 GHz ของไวฟาย-5 (WiFi-5) โดย ไวฟาย-6 รับการโอนถ่ายข้อมูลได้มากถึง 10 Gb/s ซึ่งเร็วกว่าเดิมมากถึง 4 – 10 เท่าจากมาตรฐานเดิม
นอกจากนี้ปัญหาสำคัญของไวฟายอย่าง ความหนาแน่นในการใช้งาน เพราะในปัจจุบันแต่ละบ้านจะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอย่างต่ำก็ คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง และสมาร์ทโฟนอย่างน้อยก็อีก 1 เครื่อง ไหนจะมี Smart TV แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์สมาร์ท ดีไว (Smart Device) อื่น ๆ
เพื่อการแก้ปัญหาดังกล่าว 802.11ax ได้ใช้ OFDMA ซึ่งถือได้ว่าเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี LTE เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น เราจะขอยกตัวอย่างเป็นว่า มีครอบครัว 4 คนที่กำลังหิวจัด ๆ เลย พวกเขาเข้าไปยังร้านอาหารที่มีพนักงานให้บริการ 4 คน โดยพนักงาน 1 คนจะสามารถให้บริการลูกค้าได้ 1 คนต่อครั้งเท่านั้น แต่เมื่อเราใช้ OFDMA ระบบดังกล่าวจะเพิ่มความสามารถทำให้พนักงาน 1 คน สามารถให้บริการลูกค้าทั้ง 4 คนได้พร้อมกับ ทำให้ร้านอาหารแห่งนี้สามารถรับลูกค้าได้มากขึ้นอย่างที่กล่าวไปข้างต้น WiFI-6 มาพร้อมกับ จำนวนการรองรับผู้ใช้งานได้มากขึ้น ในขณะที่รุ่นเก่า ๆ จะมีปัญหาการแย่งสัญญาณเวลาที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก
เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ของใหม่ย่อมดี ย่อมเร็วกว่าเดิม สำหรับรุ่นใหม่นี้ถูกพัฒนาให้รองรับการใช้งานอย่าง Video Streaming ความคมชัดระดับ 4k และรองรับการใช้งาน 5G
ด้วยฟังก์ชั่นใหม่ที่มีใน WiFI-6 จะช่วยให้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อใช้พลังงานน้อยลงถึง 67% เพราะมีการอนุญาตใช้ AP ที่สามารถรองรับการใช้งานของสมาร์ท ดีไว ในโหมด Low Power
แต่ยังไงก็ตาม อันที่จริงแล้ว ด้วยการใช้งานเน็ตไร้สายในปัจจุบัน การใช้ไวฟาย-4 (WiFi-4) และไวฟาย-5 (WiFi-5) ยังถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน จึงยังไม่ต้องรีบไปอัพเกรดเป็นไวฟาย-6 (WiFi-6) แต่อย่างไรเป็นยังไงกันบ้างครับกับความรู้เรื่องไวฟาย-6 ที่มาแล้วในปีนี้ เข้าใจกันมากขึ้นหรือเปล่าครับ ถ้ามีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมอย่าลืมคอมเมนต์ทิ้งไว้ด้านล่างนะครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in