เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The complicated meheyitsme_hiro
YOU DIDN'T ANSWER MY PHONE WHEN I REALLY NEED YOU
  • ชื่อตอนนี้อาจจะยาวไปหน่อย แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนกับชื่อตอนเลย

    มันสายไปแล้วล่ะ
    ฉันคิดในใจตอนที่เห็นข้อความส่งมาถามว่า "มีอะไรหรอ ?" จากเพื่อนคนนั้น หลังจากที่ฉันทั้งโทร. ทั้งส่งข้อความไปแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
    ความรู้สึกของฉัน มันช่างเกิดขึ้นอย่างประเดี๋ยวประด๋าว 
    ถ้าเธอรับสายฉันไม่ทัน เธอก็ฉุดรั้งตัวฉันออกมาไม่ได้หรอก
    สักวันหนึ่งน่ะนะ

    ต้องบอกก่อนว่า เมื่อก่อน เราไม่ใช่คนที่ชอบโทร.ไปหาใครเลย
    ไม่ใช่คนที่มีโมเม้นต์ที่จะโทร.ไปหาเพื่อนเพื่อที่จะเล่าเรื่องนู้นนี้ นินทาใครก็ตามก็อยากจะให้เพื่อนได้รับรู้ถึงความอัดอั้นตันใจนี้
    ไม่ใช่คนที่ชอบโทร.ไปหาพ่อแม่เพื่อที่จะเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวัน อันที่จริง เราค่อนข้างเขินอายมากถ้าจะต้องพูดคุยกับคนในครอบครัว รู้สึกว่า บางเรื่องไม่ต้องบอกให้พ่อแม่รู้ก็ได้ อาจจะเพราะว่ามีนิสัยขี้อายอยุ่แล้วด้วยล่ะมั้ง
    แต่ก็นั่นแหละ 
    โทรศัพท์สำหรับเราก่อนหน้านี้ มันก็แค่เครื่องมือที่เอาไว้แชตติดต่อกับคนอื่นเป็นส่วนใหญ่ หรือถ้าขี้เกียจพิมพ์ ก็จะโทร.

    แต่ตอนนี้ พูดตามตรง เราก็ใช้สื่อโซเชียลมีเดียหลายอย่าง ติดโทรศัพท์มากกว่าเมื่อก่อนเยอะ 
    แต่ประเด็นมันอยู่ตรงที่เราในตอนนี้มีอารมณ์ที่ค่อนข้างอ่อนไหวเป็นพิเศษ 
    นอกจากการทวีตบ่นในแอคเคานท์ส่วนตัวแล้ว การโทร.หาเพื่อนเพื่อเล่า เพื่อระบายก็เป็นอีกทางออกหนึ่งที่เรามักจะใช้ในช่วงนี้
    ในตอนแรก การได้โทร.หาคนที่เราไว้ใจ คนที่เราสนิท เล่าเรื่องราวอารมณ์แปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับเรา โดยที่ตัวเราเองก็ไม่เคยคิดว่าเราจะมีโมเม้นต์โทร.มาหาเพื่อน แล้วพูดอะไรแบบนั้น แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
    ความสบายใจ ความรู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว และไม่ใช่เราคนเดียวที่รู้สึกอย่างนี้
    นั่นทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก
    พอวางสายไป ฉันก็อดรู้สึกดีขึ้นมาไม่ได้ รู้สึกขอบคุณเพื่อนที่คอยรับฟังเราเป็นอย่างดี
    หลังจากมีครั้งแรก แน่นอนว่ามันก็ต้องมีครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ตามมาอย่างแน่นอน
    แต่เป็นเพราะว่า ฉันรู้สึกว่าเราเริ่มห่างกันไปนาน จิตใจของฉันไม่รู้สึกสบายใจที่จะโทร.หาเพื่อนคนนั้นเหมือนเดิมแล้ว นิ้วมือจึงไล่หารายชื่อเพื่อนคนอื่นที่ฉันคิดว่า คนนี้แหละ ที่จะคุยกับฉันได้

    ความรู้สึกของฉันคงเหมือนกับตอนที่เขียนครั้งที่แล้วหรือเปล่านะ
    ความผิดหวังที่คนที่เราคิดว่า คนนี้แหละ จะต้องคอยรับฟังปัญหาของเราได้แน่ ความรู้สึกผิดหวังนั้นน่ะ หนักอึ้งมากเชียวล่ะ
    แต่ดูเหมือนฉันก็ไม่ได้เข็ดหลาบอะไรเลย
    การห้ามตัวเองไม่ให้ไปตั้งความหวังว่าเพื่อนจะรับโทรศัพท์เรานั้น มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
    ทั้งๆ ที่เธอเป็นคนเดียวในตอนนี้ ในขณะที่อารมณ์ของฉันมันอ่อนไหวจนดูเหมือนกับเป็นตึกที่เต็มไปด้วยรอยร้าวและใกล้จะถล่มเต็มที หากโทรศัพท์มีสายที่ลากยาวได้ สายนั้นคงเป็นเหมือนความหวังเส้นบางๆ ฉันแค่หวังว่าเธอจะจับ จะดึงสายเส้นนี้เอาไว้ ฉุดฉันออกไปจากตึกแห่งนี้ พาฉันออกไปยังที่ปลอดภัยเสียที
    แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รับสายนี้ 
    ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
    และฉันก็ได้แต่จมอยู่ในซากปรักหักพังที่เธอคงไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน

    เธอมีเหตุผลมากมายที่ทำให้การติดต่อหากันระหว่างเรามันช่างยากเย็น
    ฉัน ... เหนื่อยเหลือเกิน
    แต่ฉันก็ไม่เคยหยุดหวังเลย 
    ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
    อาจเป็นเพราะความรู้สึกที่ไม่อยากติดอยู่ในซากปรักหักพังที่น่าอึดอัดนี้ล่ะมั้ง ที่ทำให้ฉันยังคงคิดถึงใครสักคนที่จะสามารถคุยด้วยได้

    ฉันเป็นคนร่าเริง ฉันเป็นคนยิ้มง่าย ฉันมีเพื่อนมากมาย แต่ไม่ใช่เพื่อนทุกคนที่จะสามารถคุยได้ทุกเรื่อง
    เพื่อนบางคนก็ไม่เหมาะที่จะปรึกษาในเรื่องหนักๆ หรือซีเรียสเกินไป
    เพื่อนบางคนก็มองโลกในแง่ดีเกินไปจนทำให้การเม้ามอยมันไม่สนุกสนานเท่ากับคุยกับเพื่อนอีกคน
    ฉันอยู่มาโดยคิดแบบนั้น
    คิดว่าเรื่องภายในใจของฉัน เป็นเรื่องเฉพาะที่ต้องปรึกษากับคนนั้นคนนี้เท่านั้น ถ้าปรึกษากับคนอื่น ก็เกรงว่าจะทำให้ปัญหาภายในใจมันหนักหน่วงไปกว่าเดิม หรือไม่ได้รับคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา

    ฉันดูเห็นแก่ตัวไปมั้ยนะ
    ทั้งๆ ที่มันก็เป็นเรื่องของเธอแท้ๆ ที่จะไม่รับโทรศัพท์ของฉัน
    มันเป็นสิทธิ์ของเธอเลยแหละ
    เพราะฉันเอาแต่เล่าปัญหาของตัวเองสินะ
    เพราะฉันไม่เคยถามเธอเลยหรือเปล่านะ ว่าช่วงนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง

    ฉันนี่มันแย่จริงๆ
    แย่จริงๆ นั่นแหละ
    ขอโทษนะ



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in