เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Global Volunteer: ประสบการณ์เปลี่ยนชีวีตAiesec Chulalongkorn
บทที่ 1: ลิทัวเนีย

  • คงเป็นความฝันของใครหลายๆคนที่อยากลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ บางคนเลือกที่จะไปเรียนแลกเปลี่ยน บางคนเลือกไปทำงานกับโครงการต่างๆ แต่จริงๆแล้วมีอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากเช่นกัน นั่นก็คือ การไปทำ “อาสาสมัคร” ที่ต่างประเทศนั่นเองวันนี้พวกเราเลยมีสาระดีๆสำหรับคนที่ต้องการจะหาประสบการณ์ใหม่ๆให้กับชีวิต และลองรู้จักตัวเองในอีกมุมมองหนึ่งที่เราต่างไม่เคยรู้จัก กับโครงการ Global Volunteer ของชมรม AIESEC จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการไปท่องเที่ยวในต่างแดน แต่เรายังมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย ที่จัดขึ้นให้สำหรับเยาวชนทุกเพศทุกสัญชาติ วันนี้เราจึงขอหยิบยื่น
    ประสบการณ์ดีๆที่อยากจะส่งมอบให้ผู้อ่านทุกท่านรู้จักกับโครงการ Global Volunteer ให้มากขึ้นผ่านมุมมองของ “จุ๊” เด็กหนุ่มที่ได้ใช้ชีวิตในฐานะอาสาสมัครผ่านโครงการ Global Volunteer ณ ประเทศลิทัวเนียเป็นระยะเวลา 46 วันกับเพื่อนต่างชาติ ซึ่งทำให้การตัดสินใจก้าวผ่าน comfort zone ของตัวเองครั้งนั้น แปรเปลี่ยนเป็นความประทับใจ ที่ยังคงติดอยู่ในใจของจุ๊ไปอีกนาน...



    “ต้องขอเล่าก็ก่อนว่าทำไมถึงเลือกมาทำProject ที่ลิทัวเนีย เนื่องจากกระแสและค่านิยมของ เด็กบัญชีที่ว่า ปี2ขึ้น3 ต้องไป Work and Travel เราก็เลยอยากบ้าง หลังจากที่ติดตามไปได้ซักพัก เราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ตัวเรา เราไม่อยากทำงานประจำอย่างนั้น แล้วดูค่าใช้จ่ายตั้งต้นจะเยอะ แม้ว่าจะมีโอกาสได้เงินคืนก็ตาม จนสุดท้ายเราเคยเดินผ่านบูธAIESEC ไปทำจิตอาสาที่ไหนก็ได้ทั่วโลก ด้วยความที่ชอบ ไปเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่ไม่เคยไป เลยสนใจ ผนวกกับงานที่มีลักษณะเป็นการสอน ซึ่งส่วนตัวเราชอบมาก เพราะจริงๆเราอยากเป็นครู แต่เราไม่ได้เป็น ก็เลยถือโอกาสนี้ได้รื้อฟื้นจิตวิญญาณความเป็นครูมาอีกครั้ง เราไม่เคยสอนเด็กต่างชาติครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้สอน
    ก็ถึงขั้นตอนการหา Project ได้สมัครไปอยู่แค่ 2 ประเทศเท่านั้นเนื่องจากเงื่อนไขด้านที่พัก อาหาร ความปลอดภัย เวลาในการทำวีซ่า ต่างๆนานา มี ฟินแลนด์ กับ ลิทัวเนีย เท่านั้นที่พอรับไหว แต่ฟินแลนด์ เขาไม่แม้แต่ตอบกลับมา ส่วนนึงที่เลือกลิทัวเนียเพราะมีพี่เขยเป็นคนลิทัวเนียด้วย เหลือ 3 Project ที่สมัครไป 2 อันแรกอยู่ที่เมืองหลวงซึ่งเขาให้เลือกระหว่าง Find your way (Soft skill & Culture) กับ We do it together (English & Art) ตอนนั้นสมัครไปเยอะๆก่อนเพราะอยากไป แต่ตอนสินใจอ่ะไม่ยากเพราะไม่เก่ง Artเลย กับมีอีก Project ที่อยู่ต่างเมือง สุดท้ายด้วยเหตุผลที่มากนานา เลยลงเอยที่ Find your way ตอนแรกเกือบไม่ได้ไปทั้งปัญหาจากทางวีซ่า และภาวะเหนื่อยจากการเตรียมแพลนเที่ยว ก็ท้อจนไม่อยากไป จนฮึดสู้
     พอถึงวันไป แน่นอนเรากลัวมาก กลัวทุกอย่าง เรามีParadigm ว่าเราเป็น Introvert เราสร้างเพื่อนยาก ยิ่งเป็นคนไทยต้องนอบน้อมสุภาพ ให้เกียรติ ต้องตามฝรั่ง มันเป็นเรื่องยากสำหรับเรามาก อีกทั้งยังมีปัญหาด้านที่พักอีก เราคุยกับเพื่อนจาก คนเอเชียด้วยกันก่อนด้วยความเชื่อที่ว่าชาติพันธุ์เดียวกันจะคุยกันรู้เรื่องซึ่งก็คือ Jonathan จากนั้นก็มีคนอื่นๆ ตามมา เรื่อยๆ ส่วนมากเขาจะทักเราก่อน เราอ่ะไม่ค่อยกล้า ขี้อายมากๆ เราไม่คิดว่าการรู้จักกันแค่ 1 วันเราจะเป็นเพื่อนกันได้ เราเลยทำทุกอย่างให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าเราเป็นคนที่ดีพอ ที่จะเป็นเพื่อน เราชอบที่จะทำมากกว่าพูด เราไม่อยากเป็นพวกที่พูดคุยกันถูกคอ แล้วมาเป็นเพื่อน เราใช้ความจริงใจล้วนๆ เพื่อที่จะเป็นเพื่อน เราเริ่มการเป็นเพื่อนจากสิ่งที่เราเป็น คือ เป็นพวก well prepared อย่างเห็นได้ชัด / นวดไทยให้ / ดูลายมือ โหงวเฮ้ง อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่ค่อยคุยกับคนนู้นคนนี้ คือ จำชื่อไม่ได้ มันเป็นปัญหาใหญ่มาก อยากคุยแต่จำไม่ได้ และสัปดาห์แรกคือหูบอด ฟังไม่ทัน 
    จนวันที่มี Global Village ประเทศไทยของเราได้เจิดจรัสขึ้น ทุกคนเข้าใจและสนใจประเทศไทยมากขึ้น จนเราเริ่มสอน เราไม่ใช่คนพูดมาก เพราะด้วยพูดไม่เก่ง คิดตามไม่ทัน เราให้ผลงานมันสะท้อนออกมาเอง แน่นอนหลายๆ ครั้งเราสอนน่าเบื่อ ไม่ดีเท่าที่ควร ก็เสียใจอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าดีอยู่เราก็จะคิดเสมอว่า พรุ่งนี้จะสอนอย่างไรให้ดีกว่าเดิม จนสัปดาห์สุดท้าย เรากล้าทีจะพูดกับหลายๆคนมากขึ้น จากที่ไม่เคยคุยมาคุย เรามีMoment ดีต่อกัน




    สิ่งที่เราได้เรียนรู้อย่างมากคือ เราจะต้องรู้จักปรับตัวอยู่เสมอ โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา บางเรื่องที่ปล่อยผ่านได้ก็ผ่าน อีกเรื่องที่สำคัญคือ ทุกความความโชคร้าย มันจะมีความโชคดีซ่อนอยู่ เช่นเรื่อง ที่พักที่เขาให้ถึงวันที่ 5 แต่ตั๋วเรากลับวันที่ 7 แต่นั่นทำให้เราได้ไปเที่ยวโปแลนด์กับเพื่อน อีกอย่างนึงคือ เราเริ่มรู้วิธีหาความสุขในแบบของเราเอง บ้างครั้งการตามใจ คิดถึงคนอื่นมากเกินไป ทำให้เราเป็นทุกข์ได้ หรือแม้แต่เราจะเอาพื้นฐานความสุขของเขา มาเป็นพื้นฐานความสุขของเราก็คงไม่ได้ เราเป็น Introvert หลายๆครั้ง ความสุขมันเกิดขึ้นที่ตัวเรา

        เรารู้สึกว่าวิชาในสมัยมัธยมที่สำคัญ คือ ภาษาอังกฤษ แน่นอนเพราะมันใช้ในการสื่อสาร สังคมศึกษา เพราะเป็นวิชาที่เข้าใจเพื่อนมนุษย์มากขึ้น วิชานี้มันไม่ได้ใช้โดยตรงมัน Applied ให้เราได้คิดจริง ๆ สุดท้ายคือการงาน มันใช้ในชีวิตประจำวันจริง ๆ

    รากลับมานั่งย้อนถามคำถาม ทำไมเราถึงเป็นเพื่อนกันได้ เราหาเหตุผลได้ 2 อย่างใหญ่ ๆ 1.คือเรามีอะไรที่เหมือนกันทำให้เราเข้ากันได้ แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่เราจะเข้ากับคนที่มีนิสัย กิจวัตรเหมือนเรา 2.คือเราต่างกัน แต่เพราะว่าเราต่างกัน เราเลยเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกัน เรามาเสริมในจุดที่เพื่อนของเรานั้นไม่มี


    กลับไปที่คำถามใหญ่ว่าทำไมเราถึงกลัวที่จะสร้างเพื่อนใหม่ เหตุผลคือ เราเคยมีอดีตที่ไม่ดีตอนเข้าปี 1 มีคนเขาเข้ามาเป็นเพื่อนเพื่อผลประโยชน์ เราเกิดมาเป็นครู เราชอบแบ่งปัน ชีทดีๆเราก็แบ่งให้ แต่เพื่อนบางคนเกิดมาเป็นพ่อค้า เขาเข้ามาเพื่อเอาผลประโยชน์จากเราแล้วก็จากเราไป มันเลยเป็นความฝังใจของเราที่จะสร้างเพื่อนใหม่ แต่เพื่อนใน AIESEC ที่นี่ทุกคนมาเพื่อเป็นสร้าง Impact ที่ดีให้กับโลก ทุกคนมาด้วย Passion ที่ดี

    เราจำได้ทุกครั้งที่เรามีปัญหาเพื่อนในProjectพร้อมช่วยเราแก้ปัญหาเสมอ ทั้งปัญหาทางกาย (บาดเจ็บ) ปัญหาตอนสอน หรือปัญหาทางจิตใจ เรารู้สึกคุ้มมากที่มาโครงการนี้ คงเสียดายและโกรธตัวเอง ถ้าเราไม่ตัดสินใจมา


    เพื่อนนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ ไม่มีเชื้อชาติ ไม่มีหน้าตา ไม่มีศาสนา เราแค่ต่างกัน เราเป็นมนุษย์เหมือนกันเราอยู่ด้วยกันได้ หากถามว่าเราจำทุกอย่างได้ไงก็คือ สมุดบันทึก เพราะเราเชื่อว่า สมุดบันทึก คือ ไทม์แมชชีนที่ช่วยรักษาความทรงจำไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา ขอบคุณ AIESEC จุฬาฯ ที่มีชมรมนี้ขึ้นมา ทำให้เรามีโอกาสที่เรามิอาจประเมินค่านี้ได้”  


    และทั้งหมดนี้เองก็เป็นเรื่องราวดีๆจาก “จุ๊” ที่ได้ใช้ชีวิตในฐานะอาสาสมัครผ่านโครงการ global volunteer ณ ประเทศลิทัวเนีย เป็นระยะเวลา 46 วันกับเพื่อนชาวต่างชาติ ที่อาจจะเป็นระยะเวลาที่ไม่นานมาก แต่ก็ทำให้เขาได้รับประสบการณ์ ความทรงจำดีๆ ความประทับใจที่ไม่อาจรู้ลืม อีกทั้งยังทำให้ตัวของเขาเองได้พัฒนาเป็นไปในรูปแบบที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แล้วคุณผู้อ่านทั้งหลายจะรออะไรอยู่ มาร่วมสร้างความทรงจำดีๆ สร้างเรื่องราวที่น่าจดจำและพัฒนาตัวของคุณเองผ่านการทำสิ่งที่ประโยชน์ให้กับสังคมกันดีกว่า! :)





เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in