เราสอบ topik ii (สำหรับกึบ 3-6) ของรอบ 64 ที่ได้จัดสอบไปช่วงกลางเดือนพฤษภาคมของปีนี้มาค่ะผลเพิ่งประกาศออกมาว่าเราได้ระดับ 4 หรือที่เรียก ๆ กันว่ากึบ 4 ด้วยคะแนน 155/300 (คือได้มาแบบฉิวเฉียด 555555) เลยอยากมารีวิวการสอบ topik ii ครั้งแรกฉบับคนไม่ได้เตรียมตัวไปสอบให้กับหลาย ๆ คน (ที่น่าจะเตรียมตัวมากกว่าเรา) ค่ะ

เราสอบที่สนามมศวแถว ๆ อโศกเลย รอบก่อนเราเคยสอบ topik i ที่โรงเรียนสารวิทยามา ตรงนั้นก็ดีนะคะ แต่พาร์ทฟังเราเจอเป็นวิทยุแล้วเปิดเทปเอาเสียงแตก ๆ อะค่ะ ฟังยากนิดหน่อย แต่ตอนนั้นเป็นระดับต้นเลยผ่านมาได้แบบไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นระดับกลาง-ปลายเราว่าน่าจะพัง 55555 แต่ของที่มศวเครื่องเสียงในห้องดีมากค่ะ! เสียงชัดแจ๋วดังเบาเดี๋ยวกรรมการคุมสอบช่วยปรับให้เองตอนอยู่ในห้อง อย่างของเรานั่งท้าย ๆ มากเลยแต่ก็ยังได้ยินโอเค ถ้าใครจะลงสอบแล้วเจอสนามนี้แนะนำเลยนะคะ โอเคมาก

พอมาถึงก็ไปเช็คชื่อรหัสประจำตัวผู้เข้าสอบตามปกติค่ะ จะอยู่ในตึกที่เราสอบเลย พอเช็คอะไรเสร็จก็เดินขึ้นไปรอหน้าห้องสอบ ของที่เอาเข้าได้มีแค่สองอย่างค่ะ บัตรประจำตัวประชาชน/พาสปอร์ด(ชาวต่างชาติ) กับลิขวิดเทป ย้ำนะคะ ลิขวิดเทป ห้ามใช้แบบน้ำเด็ดขาด แต่ถ้าใครลืมเอาไป ตอนสอบก็ยกมือขอจากกรรมการคุมสอบได้ค่ะ (แต่ส่วนตัวเราว่าน่าจะไม่สะดวกเท่าไรแนะนำให้เอาไปเองดีกว่าค่ะสะดวกกว่ามากเลย) กระเป๋ากับสัมภาระที่ติดไปกรรมการจะให้เอาวางไว้ในห้องสอบค่ะ แต่ให้กองไว้อยู่หน้าห้อง และโทรศัพท์ก็ต้องปิดเครื่อง ห้ามให้มีเสียง ห้ามเอาไว้กับตัวเด็ดขาด เขาจะมีถุงน้ำตาลไว้ให้ใส่อยู่แล้ว ถ้าใครไม่เอาใส่ถุงแล้วถูกจับได้ มีโทษของศูนย์สอบนะคะ ส่วนปากกาไม่ต้องเอาเข้าเพราะทางสนามสอบจะมีให้อยู่แล้ว เป็นปากกาของ topik เอง มีสองหัว หัวใหญ่กับเล็ก ใหญ่ไว้ให้ฝนคำตอบ เล็กไว้เขียนชื่อเขียนตอบ ระวังดี ๆ นะคะ ถ้าใช้หัวผิดบางทีเครื่องจะไม่ตรวจคำตอบให้

สิ่งหนึ่งที่ต่างจากตอนสอบระดับต้นมาก ๆ คือกรรมการคุมสอบจะมีคนนึงที่เป็นคนเกาหลีใช่ไหมคะ ที่เหลือเป็นคนไทย เวลากรรมการเขาพูดคือจะพูดเร็วและรัวมาก เกาหลีล้วนอะค่ะ ตอนเราเจอคือช็อคไปเลย แต่ดูคนรอบข้างจะเฉย ๆ กันหมด 5555555 คงเป็นเพราะเคยมาสอบกันหลายรอบแล้ว ไม่ก็เก่งกันมาก ๆ อยู่แล้ว ;_; เราฟังแทบไม่ทันเลย แต่ดีที่เขาพูดเกาหลีเสร็จก็แปลไทยให้เหมือนกัน ค่อยโล่งอกมาหน่อย

มาถึงตัวข้อสอบกันบ้าง ข้อสอบจะแบ่งเป็น 2 ตอนใหญ่ค่ะ ตอนฟัง-เขียนคู่กัน ให้พักเบรกแปปนึงแล้วกลับมาทำตอนอ่านต่อเป็นอันจบ 

• พาร์ทฟัง (듣기) : 60 นาที 50 ข้อ (#1-50) 100 คะแนน
• พาร์ทเขียน (쓰기) : 50 นาที 4 ข้อ (#51-54) 100 คะแนน

*4 ข้อในที่นี้คือข้อ 51, 52 เป็นการตอบสั้น ๆ ข้อ 53 เป็นเรียงความสั้น (เหมือน task 1 เลยค่ะ ถ้าใครเคยสอบ ielts มา) และข้อ 54 เป็นเรียงความยาว (เหมือน task 2 ของ ielts)

• พาร์ทอ่าน (읽기) : 70 นาที 50 ข้อ (#1-50) 100 คะแนน

คะแนนที่เราได้นะคะ พาร์ทฟัง 62/100 พาร์ทเขียน 33/100 พาร์ทอ่าน 60/100

พาร์ทฟัง

สำหรับพาร์ทฟัง มี 50 ข้อ รวม 100 คะแนน ตกข้อละ 2 คะแนนเท่ากันหมดค่ะ ไม่เหมือน topik i ที่แบ่งให้บางข้อคะแนนมากกว่าน้อยกว่า แปลว่าเราทำถูก 31 ข้อจาก 50 นั่นเอง ส่วนตัวเราว่าไม่ได้ยากจนทำไม่ได้นะคะ เรามั่นใจประมาณ 20 นิด ๆ ข้อ ที่เหลือสติเริ่มหลุด ฟังออกแต่จับใจความไม่ได้ เลยเดาเอาออกมาได้แบบนี้ 5555555 ข้อสอบจะไล่ระดับความยากไปเรื่อย ๆ ค่ะ แรก ๆ ฟังรู้เรื่องหมด ง่ายจนเราก็แอบตกใจ (ไม่ได้ฝึกทำข้อสอบเก่ามาเลยไม่รู้ว่าเป็นยังไง) พอเข้าข้อ 25 ก็เริ่มยากแล้วค่ะ แล้วก็จะยากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนจบเลย 

*ระวัง 1 : จุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษคือมีฟังแค่รอบเดียวเท่านั้นค่ะ ไม่พูดซ้ำเหมือน topik i อีกอย่างคือมันจะมีบางข้อที่ให้ฟัง 2 รอบ แต่!! เพราะว่ามันเป็นข้อต่อกันค่ะ แบบ  script เดียวกันสำหรับ 2 ข้อ เขาเลยพูดซ้ำให้ ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ใจดีพูดให้ใหม่อีกรอบเนอะ เราก็สติหลุดไป งงอยู่ว่าทำไมเขาพูดซ้ำ แทบร้องจ๊ากตอนก้มลงไปมองเห็นอีกข้อที่ต่อลงไปแต่ฟังไม่ทันแล้ว 5555555

*ระวัง 2 : มีเวลา 60 นาทีเท่านั้น เขาก็จะพูดรันไปเรื่อย ๆ ไม่หยุด แนะนำให้ฝนคำตอบทันทีค่ะ ข้อไหนติดก็รีบตัดสินใจอย่าค้างเอาไว้ ยกเว้นแต่ว่าไม่ได้จะเอากึบ 5/6 หรือกะจะไม่ฟังข้อท้าย ๆ แล้วก็ให้เอาเวลาตรงนั้นมาตรวจคำตอบแทนค่ะ ส่วนตัวเราก็ทำแบบนี้ พอเข้าข้อ 35 ปุ๊บก็เลิกฟังแล้ววนมาเช็คคำตอบเดิมให้มันใจว่าถูกตามที่ฝนไหม ส่วนข้อที่เหลือเดี๋ยวมาบอกวิธีกาให้ค่ะ

พาร์ทเขียน

สำหรับพาร์ทต่อไปซึ่งก็คือพาร์ทเขียน ส่วนตัวเรายกให้เป็นพาร์ทที่ยากที่สุดเลยค่ะ และคิดว่าหลายคนก็คิดเหมือนกัน อย่างที่ได้บอกไปด้านบนเลย มีแค่ 4 ข้อเท่านั้น ส่วนตัวเรามั่นใจข้อ 51,52 ค่ะ เป็นแกรมม่าไม่ยากเลย ไม่เกินระดับกลางค่ะ แค่ผันนิดหน่อยให้ถูกแค่นั้นเอง ส่วนข้อ 53 เขาจะให้เป็นกราฟไม่ก็ชาร์ทมา แล้วแต่รอบ แล้วให้เขียนอธิบายค่ะ เช่น ชาร์ทนี้เกี่ยวกับอะไร มีตัวแปรอะไรบ้าง เขียนทั้งหมดไม่เกิน 120 ไม่ก็ 150 ตัวมั้งคะถ้าจำไม่ผิด คือนิดเดียวเอง อันนี้เราเขียนได้แต่เขียนไม่ดี คืออธิบายได้คร่าว ๆ ว่าเกี่ยวกับอะไร ผลตอนแรกเป็นยังไง แล้วภายหลังเปลี่ยนไปเป็นแบบไหน แต่ศัพท์ก็ใช้วนซ้ำ ๆ แล้วก็แกรมม่าตัวเดิม ๆ ;_; ส่วนข้อ 54 ซึ่งก็คือข้อที่โหดที่สุด เป็นเรียงความยาวค่ะ อารมณ์เหมือนเขียน essay เลย เวลาตอบต้องแบ่งคำนำ-เนื้อเรื่อง-สรุป หัวข้อก็จะ academic มาก ๆ ถามหลายคำถามเลยค่ะ และต้องตอบให้ครบทุกคำถาม ตอนเราทำข้อนี้เราเหลือเวลาไม่มากแล้วเพราะเรามั่นใจว่าเราทำสามข้อก่อนหน้านี้ได้ดีกว่า เลยตัดสินใจทุ่มไปที่สามข้อนั้นค่ะ เลยเหลือแค่ประมาณ 20 นาทีสุดท้ายกับข้อนี้ ตอนตอบเราไม่ได้แยกพารากราฟด้วย คือเขียนตอบคำถามอย่างเดียวเลย ซึ่งไม่แนะนำ 5555555 ได้มาแค่ 33 คะแนนเนอะ แต่ภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ละค่ะ 555555

*ระวัง 1 : เวลาเขียนตอบแนะนำให้ทุกคนไปศึกษาการเขียนตอบกระดาษวอนโกจีมาก่อนค่ะ (원고지 쓰는법) มันจะเป็นช่อง ๆ มีวิธีเป๊ะ ๆ สำหรับการเขียนเลย เช่น ตัวฮันกึลหนึ่งตัวต่อหนึ่งช่อง ตัวเลขสองตัวต่อหนึ่งช่อง ถ้าเขียนหมดบรรทัดแล้วต้องปัดยังไง ต้องจุดหลังจบประโยคทุกครั้ง เป็นต้น นี่คงเป็นจุดเดียวที่เราเตรียมตัวไปอะค่ะ คือไปทำความรู้จักกับวิธีการตอบมา ที่เหลือไม่อ่านจริง ๆ 55555555

*ระวัง 2 : บริหารเวลาดี ๆ นะคะ มีเวลาแค่ 60 นาที ใครอยากได้กึบสูง ๆ แนะนำให้ลองไปทำข้อสอบเก่าดูก่อนเลยค่ะ ว่าต้องแบ่งเวลายังไงตัวเองถึงจะเขียนทัน แต่ถ้าใครจะเอาประมาณกึบ 3-4 เราแนะนำให้ไปฝึกข้อ 51-53 มาพอ เอาให้เป๊ะ ส่วนข้อ 54 ปล่อยตามดวงไปเลยค่ะ การทำข้อสอบให้ได้คะแนนตามที่เราต้องการมันต้องมีทริค!

*ระวัง 3 : อันนี้ทุกคนน่าจะพอรู้อยู่แล้ว แต่อยากย้ำอีกรอบ ถ้าอยากได้คะแนนดีคือต้องพยายามแสดงให้เขาเห็นว่าเราใช้ศัพท์ได้หลากหลาย ใช้แกรมม่าตัวยาก ๆ เป็น และต้องใช้ถูกด้วยนะคะ ย้ำ ใช้ให้ถูกบริบทด้วย ถ้าไม่มั่นใจว่าจำมาถูกไหม เราแนะนำให้ใช้ตัวที่ง่ายกว่าแต่มั่นใจว่าถูกจะดีกว่าค่ะ 

*ระวัง 4 : เวลาเขียนตอบไม่แนะนำให้ใช้ 반말 อย่างยิ่งเลยค่ะ เอาจริง ๆ คือใช้ไม่ได้เลย ยกเว้นแต่เป็นการ quote ซึ่งส่วนตัวเราว่าเคสนี้จะเกิดขึ้นน้อยมาก ๆ แนะนำให้เขียนลงท้ายด้วย ㅂ니다/습니다 เสมอไม่ก็ตอบแบบภาษาเขียนอะค่ะ 는다/ㄴ다 พวกนี้ เช่น จะพูดว่าฉันทานแอปเปิ้ล สิ่งที่ห้ามตอบคือ나는 사과를 먹어요/나는 사과를 먹어 สิ่งที่ตอบได้คือ 나는 사과를 먹습니다/나는 사과를 먹는다 ค่ะ ไม่แนะนำให้ย่อคำด้วย แบบ 나는 เป็น 난 คือยังไงก็ได้ให้ออกมาสุภาพมากที่สุดอะค่ะ

พอเสร็จตรงนี้ก็ส่งกระดาษคำตอบค่ะ แล้วสามารถลุกออกไปพักไปเข้าห้องน้ำได้ประมาณ 15 นาทีมั้งคะถ้าจำไม่ผิดแล้วกลับมาสอบต่อครึ่งหลัง

พาร์ทอ่าน

มาถึงพาร์ทอ่านกันบ้าง มีทั้งหมด 50 ข้อค่ะ เหมือนกับ topik i เลยที่ข้อสอบจะยากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งไปข้อท้าย ๆ ก็ยากจนแบบ อือ ไม่ทำละ 555555 อันนี้เรามั่นใจเกือบ ๆ 30 ข้อค่ะ ข้อละ 2 คะแนนเหมือนเดิม ก็ตรงตามคะแนนที่ได้ซึ่งก็คือ 60 คือมันเริ่มยากหลังจากข้อ 31 ไปเนี่ยแหละค่ะ แรก ๆ ก็อ่านออกอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ก็จับใจความและสามารถตอบได้ แต่พอท้าย ๆ อย่าว่าแต่จับใจความเลย เอาที่อ่านออกจากทั้งพารากราฟมีอยู่แค่ 4-5 คำค่ะ 55555555 ที่เราเจอในข้อท้าย ๆ นะคะ มีเกี่ยวกับขงจื๊อแล้วก็พวกประวัติศาสตร์เกาหลีแบบเรื่องลึก ๆ เลยอะค่ะ คือถ้าใครตอบได้ก็สมควรเอากึบ 6 ไปเลยเพราะยากจริง แนะนำให้ทำเท่าที่ทำไหวนะคะ 

มาถึงส่วนที่อยากแนะนำทุกคน คือข้อสอบ topik ทั้ง i และ ii เลย เขาจะเฉลี่ยคำตอบให้เท่า ๆ กันค่ะ อย่างมีช้อยส์ 4 ตัว เขาก็จะพยายามเฉลี่ย ๆ ให้ตอบเท่า ๆ กัน มีทั้งหมด 50 ข้อหาร 4 ได้ 12.5 คือก็จะตกช้อยส์ละประมาณ 12-14 ข้อนั่นเองค่ะ ตอนเราทำเราก็จะกาข้อที่เรามั่นใจไปก่อนแล้วดูว่าช้อยส์ไหนยังเหลือให้ตอบเยอะ แล้วค่อยพยายามตอบเฉลี่ย ๆ ให้เท่ากัน หรือไม่ใครอยากลองดิ่งลองดูได้นะคะ คือลองดูว่าใช้วิธีแบบไหนแล้วจะเหมาะกับคำตอบที่ตัวเองตอบไปแล้วมากที่สุดอะค่ะ แค่จำว่าทุกช้อยส์มันจะเฉลี่ยออกมาเท่ากัน เผื่อตรงนี้จะช่วยในการตัดสินใจได้

ก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ 

เผื่อใครอยากลองเทียบคะแนนดูนะคะ เราสอบแพทเกาหลีปี 62 ได้ 279/300 (93/100) แล้วก็ใช้ความรู้ระดับเท่าที่ใช้ไปสอบแพทมาสอบ topik ii รอบนี้เนี่ยแหละค่ะ ได้กึบ 4 แบบเกือบหลุด คิดว่าถ้าใครทำแพทได้เยอะ ๆ ก็น่าจะได้คะแนนประมาณเรานะ สู้ ๆ ค่ะ หวังว่าโพสต์นี้จะเป็นประโยชน์ให้ทุกคนไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน และขอให้เป็นวันที่ดีค่ะ

sincerely,

themoonograph